วันอาทิตย์, ตุลาคม 21, 2561

“คุณเป็นผู้เสียหายเหรอ” ตำรวจถามผู้แจ้งความข้อหา 'กบฏต่อราชอาณาจักร'


จะหาตรรกะวิบัติกว่านี้ไม่มีแล้วละประเทศไทย

นักกิจกรรมสองคนไปแจ้งความ ผบ.ทบ. พูดว่าจะทำการปฏิวัติยึดอำนาจถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย ผิดกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๓ ทีแรกตำรวจ สน.ลาดพร้าวยึกยักไม่ยอมรับแจ้ง ถามว่า “คุณเป็นผู้เสียหายเหรอ”

นายเอกชัย หงส์กังวาน หนึ่งในผู้แจ้งต้องเคาะกะโหลกอธิบายว่า “ม.๑๑๓ เป็นอาญาแผ่นดิน ประชาชนทุกคนแจ้งความได้” ตำรวจนายนั้นโยกต่อ “ต้องไปแจ้งที่ สน. ในพื้นที่เกิดเหตุ” คือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ พูดที่ไหนต้องไปแจ้งที่นั่น

เอกชัยต้องอธิบายต่อ “ผมรับข่าวจากที่บ้านมันก็แจ้งที่ สน. พื้นที่บ้านผมได้” ตำรวจยังไม่ยอมอ้างว่าเนื้อข่าวอาจไม่เข้าข่าย เอกชัยก็เอาโพสต์ของวาสนา นาน่วม ให้ดู จะได้เห็นชัดว่า

“ในเมื่อกฎหมาย ม.๑๑๓ มันเขียนว่า (ห้าม) ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังปะทุษร้าย อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร แบบนี้เขาก็ขู่ว่า ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์จลาจลก็จะไม่ทำ (รัฐประหาร) มันก็เป็นลักษณะของการขู่เข็ญ”

นายตำรวจคนนั้นเป็นถึงผู้บังคับบัญชากองบังคับการตำรวจนครบาลที่ ๔ พยายามบิดเบี้ยวกฎหมายจะไม่ยอมรับแจ้งความ อ้างผู้แจ้ง “คิดไปเอง” เสียอีก เสร็จแล้วท้ายที่สุดยอมรับแจ้ง เสียเวลาไปกว่าชั่วโมง

พอกลับออกมาจากสถานี โดน นอกเครื่องแบบ ไม่ยอมเผยสังกัดเรียกไปสอบเสียนี่ “ถามอะไรเรื่อยเปื่อย ถามว่าบ้านอยู่ไหน ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ ถามแต่เรื่องส่วนตัว จนเรารำคาญ” ที่ร้ายมีการบอกด้วยว่า

“คุณไม่รู้เหรอว่า เขา (พล.อ.อภิรัชต์) เป็นทหารจากสายใคร คุณไม่กลัวเหรอที่มาแจ้งความแบบนี้ ต้องระวังตัวนะ”


ถึงขนาดนี้ชัดเจนแล้วละ ประเทศไทยเป็นรัฐฟาสซิสต์ ขณะที่ตัวหัวหน้าใหญ่คณะยึดอำนาจไปฟอกขาวประชาธิปไตยถึงกรุงบรัสเซล ให้พวก ‘bots’ ทัพบกรายงานกลับมาในประเทศว่า โอ๊ย เจรจาความร่วมมือต่างๆ ได้ผลดีเยี่ยม
 
แต่ละไว้ไม่ยอมแตะเรื่องที่นายกฯ ดัทช์ Mark Rutte @MinPres ทวี้ตข้อความไว้ในบัญชีของตนเอง #ASEM12 “การเจรจากับนายกฯ ไทย ประยุทธ์ ที่การประชุมเอเซียยุโรป เป็นไปด้วยดี เนเธอร์แลนดืตั้งตารอการเลือกตั้งในประเทศไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๖๒ ที่จะต้องนำเอาประชาธิปไตยกลับคืนมา...”


มันตรงข้ามกับข่าวที่รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ดอน ปรมัตถ์วินัย นำมาอ้างว่าไม่มีประเทศไหนข้องใจ หรือทวงถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยกันเลย ผู้นำนานาประเทศล้วนแต่อยากพบปะสนทนากับนายกฯ ไทย ถึงขนาดต้องเรียงคิวขอพบนับสิบ

แท้จริงแล้วล้วนแต่ทำตามมารยาททางการทูตกันเป็นหลักใหญ่ใจความ หนำซ้ำเสร็จประชุมแล้วผู้นำเยอรมนี นางอังเกล่า แมร์เกิ้ล ชวนผู้นำประเทศเพื่อนภาคีไป นอกรอบ กันต่อ แต่ไม่มีคำเชิญสำหรับผู้นำเผด็จการไทย

เลยมีเสียงนินทาออนไลน์เรื่องประยุทธ์ไปบรัสเซลคราวนี้เสียหน้า ทัวร์ล่มอุตส่าห์แสดงปาฐกถาเรื่อง “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (น่าจะลอกมาจากนโยบายการศึกษาระดับประถมของสหรัฐสมัยประธานาธิบดีโอบาม่า ‘No Child Left Behind’)

“คิดว่าเจ๋งสุดในชีวิต...เจอฤทธิ์เดชของนางสิงห์มหาภัย...เค้าทิ้งประยุทธ์ไว้เบื้องหลัง” เสียแล้วนี่ “จนต้องรีบมาจัด ครม.สัญจรไปเชียงราย และโพสต์แก้เกี้ยว “ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเราครับ”

ไม่เท่านั้นทีมงานลงภาพประยุทธ์ทักทายสุนัขเลี้ยงตัวโปรดว่าดักรอการกลับของเจ้าของอย่างตื่นเต้น ก็ดันมีคนจับผิดได้อีกว่า ภาพที่ลงลืมทำโฟโต้ช้อป จนเห็นเชือกผูกหมาตัวนั้นติดไว้กับรูปปั้นข้างหลัง มันคงจะหลีกลี้หนีไปไหนไม่ได้นั่นเอง

ที่ต้องเอาเรื่องไม่ค่อยได้สาระเหล่านี้มาเล่า ก็เพราะความกระสันซ่านกระเซ็นของหัวหน้ารัฐประหาร สวมบทนายกฯ มานานจนติดลม อยากจะเป็นต่อด้วยใบขับขี่ เลือกตั้งให้พีอาร์เอารูปมาลง แบบว่าอยู่กับบ้านขยันทำงาน อ่านเอกสารหมกมุ่น (ดูภาพแล้วกลั้นๆ กันไว้หน่อย)

สาระของเผด็จการที่คิดจะเป็นนายกฯ ต่อไปอีกหลังเลือกตั้ง มีแต่อย่างนี้แหละ