แบ๊งค์ชาติเขามีข่าวดีมาบอก คสช.
ว่าต้นไตรมาสสองนี่เศรษฐกิจมหภาคอะไรๆ ก็ดีทั้งน้าน แต่สภาพัฒน์เสียใจ
บอกประชาชนได้แต่ข่าวร้าย ว่าไตรมาสแรกที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ นี่
หนี้ครัวเรือนยังเพิ่มต่อไม่หยุด
ทางด้าน สนช. คณะบุคคลลิ่วล้อที่
คสช.ตั้งเข้าไปผลิตกฎหมายให้ คสช.ใช้บังคับ กำกับ และตรวจตราประชาชน
ก็มีข่าวมาบอกเหมือนกัน ว่ากำลังเตรียมการจัดสรรเงินให้ คสช. ใช้จ่ายคล่องๆ ในปีหน้าอีก
๓ ล้านล้านบาท
อันนี้เป็นข่าวร้ายของประเทศชาติ
นอกจากงบประมาณนี้จะขาดดุลเหมือนเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านมาสี่ห้าครั้ง
ต้องมีการกู้มาโปะรูโหว่แล้ว ยังเพิ่มภาระหนี้สินให้ประชากรรุ่นต่อไปตะบันชดใช้อีกหลายปี
หรือจนกว่าจะสิ้นสุดยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ยังไม่รู้ว่าจะปลดได้หมดไหม
เพราะสี่ปีที่ผ่านมา คสช.ผลาญเงินคงคลังที่สั่งสมมาแต่รัฐบาลก่อนๆ
รวมทั้งรัฐบาลที่ คสช.ไปยึดอำนาจมาโดยกล่าวหาว่าเขาทำประเทศล่มจมเพราะโครงการจำนำข้าวนั่น
ที่จริงตลอดสี่ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่เห็นมีปีไหนทำได้ดีกว่าเขา
(เธอ) สักปี
“ถ้านับปลายปีงบประมาณประจำปี ๒๕๕๗ วงเงิน ๒,๕๒๕,๐๐๐ ล้านบาทเข้าไปด้วย จะทำให้รัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีไปทั้งหมดกว่า ๑๖ ล้านล้านบาท”
ตามรายงานของ ‘ข่าวสด’
โดยถ้าไล่เป็นรายปีนอกจาก
๕๗ แล้วปี ๒๕๕๘ สนช.จัดเงินให้รัฐบาล คสช. ไปใช้จ่ายอีลุ่ยฉุยแฉก ๒ ล้าน ๕ แสน ๗
หมื่น ๕ พันล้านบาท พอปี ๕๙ ให้อีกกว่า ๒ ล้าน ๗ แสนล้านบาท ถึงปี ๖๐
ไม่เบาอนุมัติเท่าๆ ปีก่อนหน้า มากกว่ากันแค่หมื่นกว่าล้านบาท
พอปี ๖๑ หลังจากยึดอำนาจมาอย่างราบคาบได้สามปีแล้ว
คราวนี้ได้ใจ จัดให้เต็มอิ่มเกือบ ๓ ล้านล้านบาท (๒.๙ บิลเลี่ยน) สำหรับปี ๖๒
เลยไม่รั้งรอฟาดเข้าไป ๓ ล้านล้านเต็มพิกัด
ในเมื่อคาดว่าจะจัดเก็บรายได้เข้าคลังปีหน้าแค่
๒.๕ ล้านล้านบาทเท่านั้น สนช. จึงเตรียมอนุมัติจัดการกู้เงิน “เพื่อชดเชยการขาดดุล
ไว้ที่ ๔.๕ แสนล้านบาท” เป็นหลักประกันไม่ให้เกิดอาการถังแตก
ธนาคารแห่งประเทศไทยถึงได้ออกมาแถลงให้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย
ว่าขึ้นไตรมาสที่สองของปีนี้ทุกอย่าง เริ่มดีแล้ว คำว่า ‘เริ่มดี’ นี่ดูเหมือนจะใช้มาสองปีติดกันแล้ว ประชาชนได้แต่หวังว่าจะไม่ต้องเจอกับการเริ่มดี
ต่อไปอีกสี่ซ้าห้าปี เหมือนที่พวกแฟนคลับรัฐประหารต้องการ
วานนี้ ผู้ว่าฯ
แบ๊งค์ชาติให้ข่าวว่าเศรษฐกิจไทย “กำลังฟื้นตัวและมีกันชนจากความเสี่ยง” ค่อนข้างดี
“หนี้ครัวเรือนน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว”
อันนั้นทั่นผู้ว่าฯ
หมายความว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถึงจุดเสถียร ไม่ผกผันต่อไปแล้ว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประชาชนสามารถปลดเปลื้องพันธะหนี้ครัวเรือนเหล่านั้นได้
เพียงแต่ไม่แย่ลงไปกว่าเดิมก็พอ
นอกนั้นอะไรอื่นดีหมด ดังที่ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาคอ้าง
การส่งออกดีขึ้น การผลิตอุตสาหกรรมดีขึ้น การลงทุนเอกชนขยับขึ้น
แม้ภาคบริการยังไม่กระเตื้องนัก กับการก่อสร้างยังหดตัวอยู่
รวมความว่ามองไปข้างหน้า ท่าจะดี
แต่ตอนนี้ยังลูกผีลูกคนละมัง ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจฯ (สคช.)
จึงได้แจ้งข่าวไม่ค่อยดีให้ระแวงระไวกันไว้
ว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไปหมาดๆ นั้น “แนวโน้มหนี้ครัวเรือนยังขยายตัวต่อเนื่อง”
เพราะที่ผ่านมาจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วมาถึงไตรมาสแรกปีนี้
“สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคในส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก ๖.๑% ในไตรมาส ๔ /๒๕๖๐ เป็น ๗.๑%” เพิ่ม ๑ เปอร์เซ็นต์ภายในสี่เดือนนี่ไม่น้อย
ในขณะที่การจ้างงานจาก ๔/๖๐ ถึง ๑/๖๑ สถานการณ์แรงงานนอกภาคเกษตรไม่ได้ดีขึ้น
แถมลดลง ๐.๒%
อันเป็นการลดต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว “โดยเฉพาะในภาคก่อสร้างและบริการ”
ขณะที่ภาคเกษตรเองก็ยังน่าห่วงต่อความผันผวน
อันนี้บรรดาชาวบ้านผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการรากหญ้าคงต้องขอบคุณทั่นรองฯ
ชุตินาฎ วงศ์สุบรรณ ของ สคช. ที่กรุณาเบิกตาประชาชน
ไม่เหมือนหัวหน้าใหญ่ของรัฐบาลทหารที่เอาแต่คุยดีคุยเด่นเข้าตัวถ่ายเดียว
มิใยคนไทยรายหนึ่งบ่นเอาไว้ทางทวิตเตอร์ว่าคนไทยยังหนี้ท่วมหัว
“สินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้นกว่า ๑๐.๖% ขณะที่การจ้างงานลดลง ๐.๒%
ตัวเลขนี้เห็นอะไรบ้าง” ผู้ใช้นาม Tar @Talearm ว่า
“สมัยแม้วใช้งบ ๔.๔ ล้านล้าน ๔ ปี
สมัยตู่ใช้งบรวมของใหม่ ๑๖ ล้านล้าน ๔ ปี เห็นอะไรบ้างครับ” คนที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามตะโกนตอบกลับมา
เห็น ดอน ปรมัตถ์วินัย ถูกเขี่ยออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี กต.ไง
สมน้ำหน้าที่ตามจับปู-แม้วมาไม่ได้
แถมปูได้วีซ่าอังกฤษสิบปี แล้วยังควงแขนพี่ชายไปเยี่ยมลิงคอล์นถึงกรุงดีซีซะอีก