วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 14, 2561

ไม่มี้ ไม่มี “อย่ากังวลว่าจะไปซื้ออะไรโน้นนี่" แต่ค้อปเตอร์น่ะกำลังเลือกแบบ

๑๒ มิ.ย. วันที่ประยุทธ์ร้อนตัวเรื่องการเยือนอังกฤษ-ฝรั่งเศส ช่วง ๒๐-๒๕ มิ.ย.นี้ “อย่ากังวลว่าจะไปซื้ออะไรโน้นนี่ นอกกรอบนอกวิธีการมันทำไม่ได้หรอก เพราะการซื้อคือการใช้จ่ายงบประมาณ มันต้องมีแผนงานโครงการ”

พูดที่นครสวรรค์ระหว่างการเดินสายหาเสียง ครม.สัญจร ว่าท่องยุโรปคราวนี้เพราะเขาเชิญมา “ไปดูเขาว่าคุยเรื่องอะไร เราก็ไปคุยกับเขา อะไรที่ทำได้เราก็ทำ...เพื่อให้เป็นไปตามมติ ข้อผ่อนปรนของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ขอให้มีการพบปะหารือพูดคุยกันได้”


๑๓ มิ.ย. บีบีซีไทยรายงานว่า ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลทหาร คสช. ๔ ปี มีการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากอังกฤษเพิ่มจากเมื่อก่อนยึดอำนาจถึง ๗ เท่า ยอดเงินงบประมาณ “ก้าวกระโดดจาก ๕.๗ ล้านปอนด์ (๒๔๕ ล้านบาท) ปี ๒๕๕๗ มาเป็น ๓๕ ล้านปอนด์ (๑.๕ พันล้านบาท) ในปี ๒๕๖๐”

บีบีซีไทยอ้างองค์การต่อต้านการค้าอาวุธ หรือ Campaign Against Arms Trade (CAAT) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน ว่าเรียกร้องให้นางเทเรซา เมย์ นายกฯ หญิงของอังกฤษหยุดค้าอาวุธกับรัฐบาลทหารของไทยได้แล้ว

ตามหมายกำหนดการนางเมย์จะให้การต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบนายกฯ เลขที่ ๑๐ ถนนดาวนิ่ง ซึ่งนายแอนดรูว สมิธ โฆษก CAAT โจมตีว่า โลกจะมองการต้อนรับประยุทธ์ของนางเมย์ “ว่าอังกฤษให้การสนับสนุนระบอบเผด็จการ”

ในขณะที่ “สำหรับคนไทยที่ต้องตกอยู่ใต้การกดขี่แล้ว พวกเขาจะรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของพวกเขาไม่มีความหมาย และชีวิตของพวกเขามีความสำคัญต่อรัฐบาลอังกฤษน้อยกว่ามูลค่าการค้าอาวุธและสัมพันธ์ที่หวานชื่นกับระบอบเผด็จการ”


มันไม่น่าจะใช่ความบังเอิญอย่างแน่ๆ ที่ปรากฏข่าวเรื่องแผนการจัดซื้อเครื่องบินเฮลิค้อปเตอร์แบบจู่โจมชุดใหม่อีก ๖ ลำ สำหรับประจำการกองทัพบก เนื่องจากได้ปลดระวางเครื่องฮอชุดเก่า ๓ ลำ โดยที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นำร่องมาแล้วราวสองเดือน

ว่า ทบ. หมายตาเฮลิค้อปเตอร์แบบ เอดับเบิ้ลยู ๑๔๙ ต้นแบบจากบริษัทลีโอนาโด้ในอิตาลี ที่ย้ายไปผลิตในอังกฤษภายใต้บริษัทอะกัสต้าเวสต์แลนด์ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วตกเป็นข่าวในแวดวงอุตสาหกรรมการทหารว่า เครื่องรุ่นนี้มีปัญหาไม่มีลูกค้าสนใจ มีรายเดียวที่สั่งซื้อคือกองทัพไทย


นอกจากนี้มีรายงานถึงฮอรุ่น AW149 นี้ว่ากองทัพบกเคยซื้อมาไว้แล้ว ๒ ลำ โดยสำนักข่าวอิศราเผยว่าใช้งบประมาณซื้อในราคาลำละ ๖๕๐ ล้านบาท แต่ซื้อมาแล้วใช้งานไม่ได้ ต้องจอดแช่อยู่ในโรงเก็บของกองพันซ่อมบำรุงที่ลพบุรี
 
ทำให้พล.ต.วีรยุทธ อินทร์วร ผบ.ศูนย์การบินทหารบกตอบผู้สื่อข่าวถึงข้อกล่าวหาว่าเครื่องฮอขึ้นบินไม่ได้ว่า “กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการพิจารณาว่าจะฟ้องร้องสื่อบางสำนัก เพราะเผยแพร่ข้อมูบที่บิดเบือน ทำให้ ตนเองและกองทัพได้รับความเสียหาย” 

อย่างไรก็ดี ผบ.ศูนย์การบินฯ ยืนยันการจัดซื้อฮออีก ๖ เครื่องแน่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นแบบใด จากอิตาลี ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐ หรือจีน “โดยกรกฎาคมนี้ จะเริ่มเดินทางไปดูเฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆ เพื่อรวมข้อมูลก่อนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกแบบ”


อย่างไรก็ดี รายการ เขาเชิญมาต้องไป เยือนสองประเทศยุโรปเที่ยวนี้ของประยุทธ์ ดูจะมีอาการลุกลี้ลุกลน และสับสนพิกลอยู่เล็กน้อย โดยที่ในส่วนของการเยือนฝรั่งเศสก็มี ผบ.ตร. นำร่องไปแล้วเมื่อวันก่อน ที่ทำให้สื่อแรกคิดกันว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะไปตามจับตัวพระพรหมเมธีที่ขอลี้ภัยอยู่เยอรมนี แต่ปรากฏว่าคว้าน้ำเหลว จึงเปลี่ยนมาเป็นว่าส่ง ผบ.ตร.ไปดูงานด้านยุทโธปกรณ์แทน

นอกจากนั้นทางด้านรอง ผบช. ตำรวจท่องเที่ยว ออกมาแถลงเรื่องออกหมายจับหญิงไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ข้อหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ต่อการจัดทำเพจเฟชบุ๊คชื่อ ‘KonthaiUk’ ที่ลงข้อความให้ร้ายแก่ คสช.ว่า

“เรือเหาะ...ก็ซื้อมาซ่อม ยังจะซื้อดาวเทียม ๙๑,๒๐๐ ล้านมาแ...กอีก...จะยอมมันอีกมั้ย!” โดยพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล แจ้งด้วยว่าได้มีการออกหมายเรียกผู้ที่นำข้อความดังกล่าวไปแชร์ต่อ รวม ๒๗ ราย ซึ่งมี ๑๔ คนอยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้วด้วย


ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากนักสิทธิมนุษยชนที่ลี้ภัยอยู่ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เมื่อ Jaran Ditapichai เขียนตอบโต้ทางเฟชบุ๊คว่า “การวิจารณ์ดังกล่าว (ของ ป้าอุ๊ หรือนางวัฒนา เอ็บเบจก์) น่าจะมีมูลความจริง

เพราะมีข่าวว่ารัฐบาลไทยเตรียมจ้าง Airbus ผลิตดาวเทียมธีออส (THEOS) เพื่อสำรวจทรัพยากรอีกดวง ซึ่งจะเป็นหัวข้อเจรจาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ มาเยือนฝรั่งเศสในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ที่จะถึงนี้”

ฉะนั้นถ้าจะว่ากันถึงเรื่อง คสช.ช้อปแหลกซื้ออาวุธ ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็นอะไรมากมาย แม้การปลดระวาง ปรับสมรรถนะยุทโธปกรณ์จะเป็นปกติวิสัยทางการทหาร แต่ก็เป็นการยกระดับแสนยานุภาพแบบกะท่อนกะแท่น
 
เข้าลักษณะช้อปเพราะอยากซื้อ สุรุ่ยสุร่ายเสียมากกว่า ดังรายงานของ นสพ.ไทยรัฐ ที่ว่าตลอดสี่ปีรัฐบาล คสช. ทุ่มงบประมาณซื้ออาวุธจากจีนเกือบ ๕ หมื่นล้าน ไหนจะรถถังวีที-๔ แล้วยังเรือดำน้ำหยวนคล้าส รวมกันสองรายการนี่ ๔ พันกว่าล้าน


ฉะนี้หลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ มันมี จะปฏิเสธอย่างไร คำพูดของ คสช. เชื่อไม่ค่อยจะได้มานักแล้ว บอกไม่มี ไม่มี อ้าว อีกสามสี่เดือน ดีล โผล่ บางครั้งจู่ๆ มีการส่งมอบ ก็ยังไม่เท่าเงียบฉี่ แล้วอยู่มาวันหนึ่งพบว่าใช้งานไม่ได้ ไม่รู้แอบซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่