วันจันทร์, มิถุนายน 11, 2561

เรื่องราวของคน 112 - 112 The Series สมัคร : กี่ปีก็แสนนาน





112 The Series
สมัคร : กี่ปีก็แสนนาน

"ไม่ทราบ ไม่รู้อัตราโทษ รู้แค่ว่า 5 ปี มันนานเกินไป มันนานเกินกว่าชายที่กำลังย่างเข้าสู่วัยชราจะกลับมาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆได้ "

เรื่องราวของเขาเริ่มขึ้น จากความมึนเมาและขาดสติ อย่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะยอมรับ ภาพบรมฉายาลักษณ์กับซุ้มเฉลิมพระเกียรตินั้นเป็นเหตุนำมาสู่การต้องทัณฑ์ทรมานของชายเมาขาดสติและมีประวัติรักษาอาการทางจิตคนหนึ่ง

อยู่ข้างในเป็นยังไงและมีเพื่อนบ้างไหม ? เราพยายามถามคำถามสื่อสารออกไป ด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แบบคนรู้สึกรับผิด เขาบอกเราว่า "มีครับ ส่วนมากเป็นรุ่นน้อง อยู่ในนั้นก็ได้ทำงานหลายอย่าง มีเวลาก็เล่นกีฬาออกกำลังกายบ้าง เหมือนยอมรับสภาพในหลายช่วงวันเวลาที่เรือนจำเชียงรายได้แล้ว" เขาบอกเราแบบนั้น

ย้อนไปเมื่อ กรกฎาคม 2557 สำนักข่าวหลายแห่งรายงานการจับกุมสมัคร ชายสติไม่สมประกอบที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เหตุจากการทำลายซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ที่ตั้งอยู่ริมถนน สี่แยกอำเภอเทิง ตำรวจในพื้นที่พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเข้าจับกุม เนื่องจากการกระทำของคดีเกิดขึ้นหลังการประกาศให้คดีมาตรา 112 พิจารณาที่ศาลทหาร สมัครถูกนำตัวไปค่ายพญาเม็งราย และฝากขังต่อศาลทหารเชียงราย

ตามที่สมัครเล่า วันเกิดเหตุ ช่วงเย็น เขาขี่จักรยานจากบ้านไปตลาดซื้อมีดทำกับข้าวมาสองเล่ม พกใส่กระเป๋าย่ามไว้ ขากลับแวะนั่งกินเหล้าหน้าร้านขายของที่อยู่ห่างจากบ้านของเขาเพียงคนละฟากถนน เขาดื่มไปไม่น้อย จนประมาณสองทุ่มเขาก็จะเดินกลับบ้าน พอจำได้อีกทีเขาก็นั่งอยู่ที่พื้นริมถนน มีตำรวจ ผู้ใหญ่บ้าน นักข่าว ยืนรุมอยู่ มีดเล่มหนึ่งอยู่ในมือ อีกเล่มไม่รู้อยู่ที่ไหน ส่วนจักรยานไม่ได้ขี่กลับมาด้วย

“ผมจำไม่ได้จริงๆ”
“จำได้ว่าดื่มเหล้านะ ตอนรู้ตัวก็คือผมนั่งอยู่ มีคนมายืนเต็มไปหมด” สมัครเล่า

เมื่อถามว่าเป็นคนทำลายซุ้มเฉลิมพระเกียรติหรือไม่ เขาตอบว่าจำไม่ได้ เมื่อถามอีกว่าทำไมนั่งอยู่ให้ถูกจับไม่เดินกลับบ้านหรือหนีไป เขาตอบว่า “ก็ยังไม่อยากลุกไปไหน”

ก่อนถูกจับสมัคร อายุ 49 ปี เป็นชายผิวดำแดง มีรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า รูปร่างเล็กแต่ดูแข็งแรง มีอาชีพเป็นชาวนา มีที่นาเป็นของตัวเองที่ตกทอดมาจากพ่อแม่ 5 ไร่ อาศัยอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีหนี้สิน ช่วงที่ไม่ต้องทำนาก็จะเข้าไปรับจ้างในเมืองเชียงใหม่ เช่น ทำงานก่อสร้าง จัดสวน

สมัครไม่สนใจการเมือง ไม่เคยไปร่วมกิจกรรมทางการเมือง แม้คนแถวบ้านจะชวนกันไปชุมนุมอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครมาชวนเขา เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ไป หลังถูกจับสมัครไม่มีทรัพย์สินพอที่จะยื่นประกันตัว ที่นาที่มีอยู่ก็เป็นชื่อของแม่ ซึ่งตายไปกว่าสิบปีแล้วแต่ยังไม่เคยไปทำเรื่องจัดการมรดก เขาถูกคุมขังตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

เรื่องของสมัครทำให้เราสนใจเขามากขึ้น เมื่อพบว่าเขาเคยมีประวัติรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุว่า ป่วยเป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่ง(Schizophrenia) ประสาทหลอน หูแว่ว มีอาการหลงผิดบ่อยๆ และมีสติปัญญาอยู่ในระดับต่ำ IQ=63

เพื่อนบ้านรู้ดีว่าอาการของสมัคร คือ จะโมโหร้ายเป็นพักๆ เคยทำลายข้าวของและเคยเผารถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ระหว่างถูกคุมตัวในเรือนจำ เขายังคงมีอาการหูแว่วอยู่บ่อยครั้งเมื่ออยู่คนเดียว มีอาการเหมือนมีคนมากระซิบ หรือเสียงคนจับกลุ่มพูดกันอยู่ข้างหู ทำให้ยังต้องกินยารักษาอยู่ทุกวัน ระหว่างถูกคุมขังถูกนำตัวไปอยู่ในแดนพยาบาลภายในเรือนจำเรื่อยมา

ระหว่างมกราคม 2558-กรกฎาคม 2558 ศาลเลื่อนสืบพยานไปทั้งสิ้น 3 ครั้ง และอีก 1 ครั้ง ก่อนที่สมัครจะรอคอยช่วงเวลาแบบนั้นไม่ไหว เพราะถูกถ่างออกไปเป็นเวลาหลายเดือน อีกทั้งมีจำนวนพยานที่ทั้งโจทก์และจำเลยจะนำเข้าสืบอีกหลายปาก จึงแจ้งต่อทนายความว่า ตัดสินใจเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

กระทั่งเดือนถัดมา 6 สิงหาคม 2558 ที่ศาลทหารเชียงราย วันนั้นบรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลาย ทั้งวันมีคดีของสมัครเพียงคนเดียว

ในชุดนักโทษสีลูกวัว ขาสองข้างถูกตรวนด้วยเหล็กสีสนิม สมัครเดินขึ้นห้องพิจารรณาศาลพิพากษอย่างไม่ทราบชะตากรรม

เมื่อถึงเวลาศาลขานชื่อ สมัครยืนขึ้น ศาลค่อยๆอ่านคำพิพากษา ตั้งแต่วันเริ่มจับกุม ชั้นสอบคำให้การ ชั้นสืบพยาน กระทั่งวันที่จำเลยเปลี่ยนใจรับสารภาพ ก่อนบอกใจความสำคัญในคำพิพากษาว่า ให้ลงโทษจำคุก 10 ปี สำหรับความผิดตามประมวลประกฎหมายอาญามาตรา 112 และปรับ 100 บาท จากการพกพาอาวุธในที่สาธารณะ แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงโทษจำคุก 5 ปี และปรับ 50 บาท

"ไม่ทราบว่าโทษเรื่องอะไร แต่รู้สึกว่า 5 ปี มันนานเกินไป" เขาบอกอย่างนั้น

หลังออกจากห้องพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ชี้มือให้สมัครเดินเข้าไปในห้องขัง ขณะที่โซ่ตรวนสนิมเขรอะพันอยู่รอบขา ชาวนาที่ถูกตรวจพบว่า IQ ต่ำกว่าเกณฑ์คนทั่วไป เดินเข้าไปอย่างช้าๆ

เขาหันหลังกลับมาผลักประตูลูกกรงปิดขังตัวเองไว้ด้านในแล้วเดินเข้าไปนั่งอย่างสงบอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งของห้องนั้น ต้องใช้เวลานานแสนนานอีกเกือบ 4 ปี จึงจะถึงวันที่เขาได้กลับออกมาเห็นโลกภายนอกอีกครั้ง

ย้อนอ่านดูคดีสมัครได้ที่ -- > https://freedom.ilaw.or.th/case/584


iLaw

...

ชานุศักดิ์ พันเลียม :-/ แล้วบอกว่า "คนไทยไม่เคารพกฎหมาย" ก็ลองรักษากฎหมายทุกอย่าง ในมาตรฐานเดียวกับ "มาตรา ๑๑๒" ดูสิครับ! แหม..

กฎหมายอื่น ๆ หย่อนยาน ไม่เคร่งครัด แต่พอเป็นเรื่องที่มันกระทบต่อผู้มีอำนาจ รัฐกลับเอาเป็นเอาตาย ลนลานจนใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นทุ่งสังหาร

#คนไม่เท่ากันจริงๆ

Prapan Duangnangrong รุนแรงเกินไปจริงๆครับ

หยุด112
มิตรสหายท่านหนึ่ง