วันศุกร์, มิถุนายน 02, 2560

ไทยยากจน 14 ล้านคน





ไทยยากจน 14 ล้านคน


โดย LeaderCrew
24 พฤษภาคม 2560
ที่มา The Leader

รายงานความมั่งคั่งของโลก ประจำปี 2016 ของสถาบันเครดิตสวิสจัดอันดับประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมากที่สุดในโลก ซึ่งประเทศไทยขึ้นแท่นอันดับ 3ของโลกเนื่องจากความมั่งคั่ง 58% ของประเทศตกอยู่ในมือของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดจำนวน 1%ของประเทศโดยประเทศอินเดียเป็นอันดับ 2 และรัสเซียเป็นอันดับ 1 ของโลกในแง่ “รวยกระจุก จนกระจาย”

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าในปี 2558 “คนจน” ในประเทศที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 2,644 บาท มีอยู่จำนวน 4.25 ล้านคน หรือ 7.2% ของประชากรทั้งหมด “คนเกือบจน” หรือผู้มีรายได้มากกว่าเดือนละ 2,644 บาท แต่ไม่เกิน 3,173 บาท มีจำนวน 5.6 ล้านคน และผู้มีรายได้ มากกว่าเดือนละ 3,173 บาท แต่ไม่เกิน 5,344 บาท มีจำนวน 16.5 ล้านคน

บัดนี้ความยากจนในบ้านเราจะได้รับการบรรเทาจากการลงทะเบียนคนจนหรือผู้มีรายได้น้อยใน“โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560” ซึ่งจากการเปิดลงทะเบียนระหว่างวันที่ 3 เมษายน-15พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา จาก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย กรุงเทพมหานคร และคลังจังหวัดสรุปอย่างเป็นทางการว่ามีผู้ที่คิดว่าตนเองยากจนหรือมีรายได้น้อยเข้ามาลงทะเบียนมากถึง 14.1 ล้านคนเทียบกับปี 2559 ที่มีผู้ลงทะเบียน 8.3 ล้านคน

เฉพาะธ.ก.ส. ที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุด 7.7 ล้านคนจากการเข้าสำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเป็นผู้ที่รายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ถึง 3.66 ล้านคนซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอาชีพเกษตรกร 1.3 ล้านคน ผู้ที่ว่างงาน 1.3 ล้านคน และกลุ่มที่มีอาชีพรับจ้าง ค้าขายก่อสร้าง 1 ล้านคน นักเรียน นักศึกษา 6.9 หมื่นคน

กระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในโครงการนี้แจ้งว่าหลังเปิดลงทะเบียนแล้วจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติและจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560จากนั้นรัฐจะดำเนินการออกบัตรสวัสดิการให้เพื่อเริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 ตุลาคม 2560


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่ารัฐบาลคงต้องใช้งบประมาณปีละ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนไว้โดยออกบัตรสวัสดิการแจกให้แก่ประชาชนก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2560 เพื่อนำไปใช้รับสวัสดิการต่างๆที่ภาครัฐเตรียมมอบให้ เช่นรถเมล์ฟรีรถไฟฟรี ลดค่าน้ำประปา ลดค่าไฟฟ้า ซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม ฯลฯ

ตัวเลขคนจนที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเกือบ 6 ล้านคนในปีเดียวนั้นแม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าก็เพราะความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้กำกับของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกอบกับความเริ่มเคยชินกับนโยบายประชารัฐที่เอามาแทนประชานิยมด้วยการ “แจกเงิน” กระตุ้นเศรษฐกิจ ชาวบ้านจึงแห่มาขอรับเงินฟรีดีกว่านั่งอยู่เฉยๆที่บ้าน

แต่โฆษกรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แก้ต่างว่า ปีนี้ผู้มีรายได้น้อยให้ความสนใจไปลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐมากกว่าปีที่แล้วก็เพราะประชาชนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าจะดูแลช่วยเหลือด้านสวัสดิการจริง เช่นเดียวกับที่รัฐบาลได้เคยโอนเงินให้แก่ประชาชนรายละ 1,500 บาท และ 3,000 บาท ได้สำเร็จถึงร้อยละ97.5 จากผู้มีสิทธิทั้งหมดที่ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วจำนวน 7.71 ล้านคน

ปี 2559 รัฐบาลคสช.ได้ใช้งบประมาณจำนวน 17,469 ล้านบาท กับการแจกเงิน “คนจน” หรือ “ผู้มีรายได้น้อย” 7.5 ล้านคน จากผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 8.3 ล้านคนโดยแจกให้ทั้งเกษตรกรและคนจนที่ไม่ใช่เกษตรกร

ในปี 2559 ที่ผ่านมา มีผู้มาลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,375,383 คน เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินโอน 7,715,359 คนซึ่งหลังสิ้นสุดมาตรการมีผู้ได้รับเงินโอนทั้งสิ้น 7,525,363 คน และมีผู้ไม่ได้รับเงินโอน 189,996 คนเนื่องจากไม่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ไม่มาติดต่อธนาคาร หรือบัญชีติดอายัด

ปีที่แล้วรัฐบาลโอนเงินเข้าบัญชีคนจนซึ่งถูกมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพราะไม่มีข้อพิสูจน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสุดท้ายเงิน 1.7หมื่นล้านบาทถูกถ่ายเทไปอยู่ในมือนายทุนที่ขายสินค้าและบริการและเจ้าหนี้ที่คอยตามจิกหนี้มาดูว่าปลายปีนี้บัตรสวัสดิการของรัฐจะช่วยบรรเทาเดือดร้อนของคนจน 14 ล้านคนได้แค่ไหน

...



21:30 หัวลำโพงยุค 4.0 ที่ทหาร คสช.หายหัวไปหมด

(ภาพ:สงวน คุ้มรุ่งโรจน์)