เอาอีกแล้ววิจารณ์กันขรมบนหน้าเฟชบุ๊ค ภาพ ‘พระราชบัณฑูร’ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ของจริงหรือปลอม
เพจ ‘กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ’ เริ่มก่อน แล้ว Somsak Jeamteerasakul เอามาตั้งข้อสังเกต ว่ามีลักษณะ ‘แปลกพิสดาร’ เพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องกระทำการในขอบข่ายพระราชอำนาจสยามมกุฏราชกุมาร
จากนั้นการสนทนาหน้าแป้นก็ไป ‘ไวรัล’ ด้วยการทำซ้ำ ต่อยอดกันเป็นทอดๆ ดั่งไฟลามทุ่ง อันเนื่องจากเนื้อหาในเอกสาร ตามข้อสรุปของ สศจ. ระบุว่า
“ทรงสั่งให้ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ไปเข้ารับการ ‘ฝึกอบรบหลักสูตรข้าราชสำนักพิเศษ’ ของพระบรมฯ หลังจากผ่านการ ‘ฝึกอบรม’ แล้ว ให้ไปทำหน้าที่ ‘มหาดเล็กประจำพระองค์...ฝ่ายที่ประทับ’ ของพระบรมฯ
โดย �#�ไม่ให้มีอำนาจในการสั่งการหรือบังคับบัญชาใดๆ ในหน่วยราชการของสำนักพระราชวัง�”
สศจ. ให้อรรถาธิบายเรื่องนี้ว่า
“สำนักพระราชวังนั้น โดยกฎหมายทางการถือเป็นหน่วยงานในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ในทางปฏิบัติ อำนาจควบคุมดูแลจริงๆ อยู่กับในหลวงหรือคนที่ในหลวงไว้ใจแต่งตั้ง
ตระกูล ‘วัชรโรทัย’ มีบทบาทสำคัญได้รับความไว้วางใจจากในหลวงให้ควบคุมหน่วยงานนี้มานาน ปัจจุบัน แก้วขวัญเป็นเลขาธิการฯ ขวัญแก้ว (คู่แฝดเกิดวันเดียวกัน) เป็นรองเลขาธิการฯ ดิสธร เป็นลูกขวัญแก้ว
ในแง่นี้ ถ้าจะมีการสั่งให้เปลี่ยนแปลงในแง่บุคคลากรหรืออำนาจความรับผิดชอบ (ปลด ย้าย ฯลฯ) ถ้าไม่ทำในลักษณะเป็นพระบรมราชโองการในหลวง ซึ่งต้องมีนายกรัฐมนตรีลงนามสนองพระบรมราชโองการ ก็ควรต้องทำในนาม ‘ผู้บังคับบัญชา’ ไม่ว่าตัวนายกรัฐมนตรีเองหรือเลขาธิการสำนัก...
ขอให้สังเกตด้วยว่า ในคำสั่งนี้ไม่ได้ปลดดิสธรออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการ เพราะถ้าจะปลดจะต้องทำเป็นหนังสือทางการ ไม่ว่าจะในลักษณะพระบรมราชโองการในหลวงที่มีนายกฯ รับสนอง หรืออย่างต่ำๆ ต้องทำในนามนายกฯ หรือเลขาธิการสำนักพระราชวังซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงาน
แม้แต่ในแง่ที่เป็นการสั่งให้ไม่มีอำนาจใดๆ อีกแบบนี้ ความจริงก็เป็นอะไรที่ไม่น่าจะทำได้ในแง่กฎหมาย เพราะพระบรมฯ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานนี้...
อย่างต่ำๆ จะต้องเป็นเลขาธิการฯ สั่ง ซึ่งถ้าในกรณีเช่นนั้น จะต้องมีกระบวนการในเชิงตั้งกรรมการสอบสวน คือมีเหตุผลอ้างอิงเชิงระเบียบราชการว่า ทำไมจะไม่ให้รองเลขาธิการมีอำนาจสั่งการ”
โดย สศจ. คอมเม้นต์ว่า “�#�คุณดิสธรปัจจุบันมีสถานะเป็นใหญ่หรือมีอำนาจสูงสุดในสำนักพระราชวัง� เพราะทั้งคุณแก้วขวัญและขวัญแก้ว วัชโรทัย (ลุงและพ่อของคุณดิสธร) แก่ชรามากแล้ว (ทั้งสองเป็นคู่แฝดเกิดวันเดียวกัน ๓ กันยายน ๒๔๗๑ คืออายุเท่าๆ กับในหลวง ขวัญแก้วเกิดทีหลังจึงนับเป็น ‘น้อง’ - ส่วนคุณดิสธร เกิดปี ๒๕๐๖ ปีนี้อายุ ๕๓)
พูดอีกอย่างคือ พระบรมฯ ทรง ‘เท็คโอเว่อร์’ สำนักพระราชวังในทางเป็นจริงแล้ว”
ครั้นเมื่อมีคนเข้าไปชมภาพและโพสต์กันมาก ก็พบว่าในเอกสารที่ว่าเป็นพระราชบัณฑูร หรือคำสั่งของสยามมกุฎราชกุมารดังกล่าว มีข้อความพิมพ์ผิดอยู่ตอนหนึ่ง ตรงท้ายประโยคที่ว่า
“เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรข้าราชสำนักพิเศษของ สมเด็จพระบรมโอสารสาธิราชฯ” มีคำว่า ‘สา’ เพิ่มซ้ำในพระนามของสมเด็จพระบรมฯ
จึงเกิดข้อถกเถียงขึ้นว่าพระราชบัณฑูรนี้ ‘ปลอม’ หรือเปล่า ถ้าปลอมใครล่ะกล้าทำ ถ้าไม่ปลอมไฉนถึงพิมพ์ผิดเช่นนั้นได้
กรณีเป็นเอกสารปลอม วิจารณ์กันไปหลากหลายประเด็น หนึ่ง ผู้ที่ทำปลอมเป็นคน ‘วงใน’ ทำในพระนามอย่างพลการ บ้างก็ว่า “เอกสารจริง ลายเซ็นปลอม” บ้างว่าฝ่ายตรงข้ามกระทำเพื่อ ‘ดิสเครดิต’ พระองค์ท่าน
เมื่อเจาะจงถึง ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ก็ยังแยกประเด็นออกไปได้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามภายในแวดวงรอยัลลิสต์ ที่เป็น ‘ข้าฯ ต่างวัง’ หรือว่าพวกไม่รักเจ้าแบบเซี้ยวๆ หยาบคาย ที่มักเห็นมีการดัดแปลงแต่งเติมภาพบนอินเตอร์เน็ตกันอยู่
ข้อสงสัยเหล่านั้น มีคำตอบบางประเด็นจาก สศจ.
“ถ้านี่เป็นของปลอม จะยิ่งเรื่องใหญ่มากๆ เลยนะครับ ปลอมลายเซ็นพระบรมฯ ไม่คิดว่าน่าจะปลอมนะ
เรืองพิมพ์ผิดนี่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ในหนังสือ ‘ราชการ’ นะ ยิ่งผมคิดว่าหนังสือนี้มีลักษณะที่เอาเข้าจริง ไม่ได้มีระเบียบราชการรองรับ โอกาสจะพิมพ์ผิดเป็นไปได้
(คือถ้าตามระเบียบราชการ กว่าหนังสือจะมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ต้องผ่านหลายหน่วยงาน หลายมือมากๆ โอกาสที่ร่างสุดท้ายจะพิมพ์ผิดออกมาจะน้อยมาก เพราะทีผ่านมาหลายมือ ต้องมีคนเห็น แต่สมมุติกรณีนี่ แค่พระบรมฯสังลูกน้องสักคนให้ทำหนังสือ อาจจะมีคนเกี่ยวข้องแค่ ๑-๒-๓ คนแค่นั้น)
มาถึงประเด็นการทำปลอมของพวก ‘ต่อต้าน’ จริณย์ จาเมศร์ ซักไซร้ว่า “ที่กล้าปลอมลายเซ็น เพราะเขาคงไม่กลัวโทษอะไรในกฎหมายไทยอยู่แล้ว (เหมือนกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารปลอมเมื่อสองปีก่อน จน บก.ผู้จัดการ โดน ๑๑๒ ไปด้วย เพราะดันเชื่อว่าเป็นของจริงเอาไปลงข่าว)
เพราะที่เห็นตัดต่อภาพ ทำคลิปล้อเลียน นี่ก็เล่นกันหนักมาก แต่ถ้ากลุ่มต่อต้านทำก็ไม่แน่ใจเหมืนนกันว่าจะทำทำไม”
นี่ สศจ. ก็มีคำตอบ
“ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์นะ ขนาดปลอมลายเซ็น ต่อให้เป็นการทำในต่างประเทศ โอกาสที่ในที่สุดจะมีการสืบจนรู้ว่าใครทำ ก็เป็นไปได้
อีกอย่าง ถ้าในต่างประเทศก็เป็นกรณีพวก ‘ต่อต้าน’ มากกว่า ซึ่งพวกนี้คงไม่ลงรายละเอียดในลักษณะที่ประกาศฉบับนี้ทำ
ส่วนถ้าเป็นในประเทศ ใครทำขนาดปลอมลายเซ็น ก็อาจจะ ‘ถึงตาย’ ได้ (หมอ�#� ฯลฯ ซึงมีการกล่าวว่า ‘แอบอ้างชื่อ’ แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นมีเป็นเอกสารปลอมลายเซ็น)...
โอกาสที่ ‘ฝ่ายต่อต้าน’ จะทำ ผมแทบจะเรียกว่า rule out เลย ดังนั้น ถ้าถึงขนาดที่มีคนทำปลอมลายเซ็น หมายความว่าจะต้องเป็นกลุ่มแบบอืน (เช่นพวก ‘อีลีต’ ด้วยกัน) ซึงถ้างั้นก็เรื่องใหญ่แน่”
เลยมาถึงข้อสรุปเบื้องต้นของ สศจ. ว่า “โดยส่วนตัวผมยังคิดว่าเป็นเอกสารจริงนะครับ” โดยเขานำอีกกรณีของตระกูล ‘วัชโรทัย’ มาเสริม
“ชะตาตก ของ วัชโรทัย อีกคน?...
เมื่อต้นเดือน มีคนบอกผมว่ามีความเคลื่อนไหวแปลกๆ เกี่ยวกับครอบครัววัชโรทัย คือจู่ๆ คุณวัชรกิติ วัชโรทัย ลูกชายของแก้วขวัญ วัชโรทัย (เลขาธิการสำนักพระราชวัง) ซึ่งมีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงใน ปตท. ก็ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
คุณวัชรกิติ มีตำแหน่งเป็น ‘กรมวังผู้ใหญ่ สำนักพระราชวัง’ อยู่ด้วย พูดง่ายๆ ว่า เหมือนตัวแทนของวังไปนั่งที่บอร์ด ปตท....อ้างเหตุผล ‘ปัจจุบันมีภารกิจมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง’ (ดูข่าวที่นี่ https://goo.gl/zut71r)...
ในที่สุดแล้ว ตระกูล ‘วัชโรทัย’ ที่อยู่กับในหลวงมาหลายสิบปี จะยังคงมีสถานะแบบเดิมในวังภายใต้พระบรมฯ หรือไม่ คงต้องคอยติดตามต่อไป”
สุดท้ายแล้วกรณี “ชะตากรรมของ (ลูกชาย) คุณขวัญแก้ว กรณีพระราชบัณฑูร” นี้ถ้าเป็นจริง สศจ. ก็ฟันธงว่า ไม่เพียงแต่ ‘เทคโอเวอร์’
“ผมได้ยินการบอกเล่ามาสักระยะหนึ่งว่า พระบรมฯ ได้เริ่มเข้าไป ‘เอ๊กเซอร์ไซส์’ หรือใช้อำนาจ หรือเริ่มเข้าไปดูแล (oversee) หน่วยงาน องค์กร ที่เกี่ยวกับข้องกับราชสำนัก-สถาบันกษัตริย์
(คำว่า ‘เริ่มเข้าไป...’ ไม่ได้หมายความว่าพระบรมฯ ต้องลงไปด้วยตัวเอง แต่หมายรวมถึงให้คนของพระองค์เข้าไป ในลักษณะเพิ่มเข้าไปหรือเข้าแทนที่คนเดิมๆ ที่เคยเป็นคนของในหลวง กรณีอย่างสำนักงานทรัพย์สินฯ ผมก็เคยได้ยินคนเล่าๆ ให้ฟัง)
แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหลักฐานเชิงเอกสารรูปธรรมชัดๆ”