วันอังคาร, มีนาคม 01, 2559

รัฐธรรมนูญแบบนี้ไม่เลือกตั้งดีกว่า


เขาจะรู้ไหมครับว่าใช้อุปกรณ์ผิดประเภทง่ะ ?
ภาพจาก กฤช เหลือลมัย

...

รัฐธรรมนูญแบบนี้ไม่เลือกตั้งดีกว่า



ที่มาเรื่อง โลกวันนี้
February 29, 2016

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

การเมืองไทยภายใต้โรดแม็พของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อคืนการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยให้กับประชาชนทั้งประเทศอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ในมุมมองของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” เห็นว่า

ปัญหาเรื่องการคืนประชาธิปไตยยังไม่มีความชัดเจน ถึงแม้จะบอกว่ามีโรดแม็พที่ชัดเจนและจะทำตามโรดแม็พนั้น แต่เนื่องจากว่าในโรดแม็พนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า ถ้าไม่ผ่านประชามติแล้วจะทำอย่างไร ทำให้คนยังไม่ค่อยแน่ใจว่าการคืนประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ตามกำหนดหรือไม่

นอกจากนี้สภาพที่มีการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพอย่างมากทำให้ผู้ที่เดือดร้อนในสาขาอาชีพต่างๆไม่สามารถแสดงออกหรือเสนอข้อเรียกร้องอะไรที่มีน้ำหนักต่อรัฐบาล เท่ากับเป็นการเก็บกดปัญหาต่างๆไว้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะกดไว้ได้นานเท่าใด ดังนั้น สภาพของสถานการณ์ในวันนี้จึงเหมือนกับสถานการณ์ที่ยังไม่ได้เปิดเผยปัญหา ยังไม่ได้เห็นปัญหาที่แท้จริง และคาดการณ์ได้ว่าในอนาคตปัญหาเหล่านี้จะปะทุขึ้นมามากขึ้น เพียงแต่ว่าจะปะทุในช่วงที่ คสช. มีอำนาจหรือปะทุหลังการเลือกตั้ง หรือทั้ง 2 อย่าง ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับคุณมีชัย

ร่างเบื้องต้นเป็นร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง แล้วจะทำให้ประชาชนไม่มีอำนาจ ไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้จนนำไปสู่วิกฤตที่ไม่มีทางออก เพราะตัวร่างรัฐธรรมนูญนี้เขียนไว้ในลักษณะที่จะแก้ไม่ได้แล้ว ในช่วงที่ผ่านมามีหลายฝ่ายแสดงความเห็น ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้มีปัญหามาก คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็มีท่าทีว่าจะแก้บางประเด็นตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์คือ เรื่องสิทธิเสรีภาพ ในเรื่องอื่นดูเหมือน กรธ. ยืนยันจะคงไว้เหมือนเดิม ยกเว้นอีกเรื่องหนึ่งที่ กรธ. จะรับเอาความเห็นมาปรับปรุงก็คือ การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ

โดยรวมแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังเป็นปัญหาอย่างมากต่อประเทศ ซึ่งเท่าที่ดูพบว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับคุณมีชัยมีจุดที่อันตรายและน่าเป็นห่วงคือ มันเชื่อมโยงกันจนเป็นระบบ จากวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการแต่งตั้ง แต่มีอำนาจในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ มีอำนาจยับยั้งการแก้รัฐธรรมนูญ และเห็นชอบในการแต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระ นอกจากนี้กรรมการองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจล้นฟ้าเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร สามารถล้มรัฐบาลได้ง่าย เรียกได้ว่าเป็นการหักล้าง ล้มล้างมติหรือการตัดสินของประชาชน

ที่สำคัญองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญยังควบคุมกำกับรัฐบาล ทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินนโยบายและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ และรัฐบาลจะมีความอ่อนแอ ไม่มีเสถียรภาพ นอกจากนั้นรัฐบาลยังถูกกำกับโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และมีแผนยุทธศาสตร์ซึ่งใช้เวลานานถึง 20 ปี ตรงนี้เป็นจุดอันตรายมาก เพราะโลกในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ถ้าประเทศไหนกำหนดยุทธศาสตร์ยาวถึง 20 ปี แสดงว่าไม่เข้าใจโลกเลย ไม่สนใจโลกนี้เลย แล้วจะกลายเป็นกับดักหรือหลุมพรางสำหรับตัวเอง ทำให้ประเทศทั้งประเทศจะติดกับของความล้าหลัง ความไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ชักจูงให้สังคมเดินเข้าสู่วิกฤต เพราะทำให้คนคิดว่าถ้าไม่พอใจรัฐบาลก็หาทางล้มโดยนอกกติกา และโดยใช้กติกาและกลไกตามรัฐธรรมนูญเพื่อจะให้เกิดวิกฤต และหวังว่าจะให้ศาลรัฐธรรมนูญมาวินิจฉัยหาทางออกให้ตรงกับที่ตัวเองต้องการ

ประเด็นสำคัญเมื่อคนเห็นปัญหาของรัฐธรรมนูญนี้ ในอนาคตถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านประชามติแล้วคนเห็นปัญหาว่ารัฐธรรมนูญไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็จะพบว่ารัฐธรรมนูญนี้แก้ไม่ได้แล้ว และทำให้สังคมอยู่ในสภาพที่ไม่ได้แก้ปัญหา ความขัดแย้ง ความเห็นแตกต่างทางการเมืองด้วยกลไกหรือกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย คือเลือกตั้งไปก็ไร้ความหมาย แทนที่จะใช้การเลือกตั้งมาตัดสินว่าใครควรเป็นรัฐบาล และรัฐบาลควรมีนโยบายอย่างไร กลายเป็นเลือกตั้งไปแล้วก็กำหนดอะไรไม่ได้ เสร็จแล้วเมื่อคนเห็นแตกต่างกันเรื่องกติกา การแก้รัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาที่มาจากประชาชนก็ทำไม่ได้อีก เท่ากับเป็นสังคมที่เปิดช่องหรือชักจูงส่งเสริมให้เกิดการฉีกรัฐธรรมนูญ

เมื่อการแก้รัฐธรรมนูญเป็นไปไม่ได้ก็ทำให้ผู้มีอำนาจเข้ามาแทรกแซง และเมื่อเข้ามาแทรกแซงถึงขั้นหนึ่งก็จะฉีกรัฐธรรมนูญ มันจะเดินเข้าสู่วิกฤตและวนกลับมาสู่ที่เดิม เพียงแต่ว่าการเดินกลับมาสู่ที่เดิมในระหว่างทางจะเป็นความสูญเสียมหาศาล ที่สูญเสียอย่างมากก็คือโอกาสของประเทศ ความล้าหลัง ความชะงักงันในการพัฒนา แล้วก็ความขัดแย้งที่อาจจะรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่มากขึ้นในอนาคต

ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น ลำพังการกำหนดรายชื่อ 3 ชื่อที่พรรคการเมืองเสนอก็ไม่น่ากลัวอะไรมาก แต่ว่ามันเป็นการเปิดช่องและส่งเสริมให้เกิดการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ โดยเฉพาะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการสร้างวิกฤตขึ้นมาในสังคมเพื่อจะให้วินิจฉัยว่าให้มีคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตรงนั้นน่ากลัวกว่า หมายความว่าเมื่อมันเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นๆแล้วจะน่ากลัวกว่าการกำหนดให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้โดยผ่านรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ

โอกาสไม่ผ่านประชามติ

การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เหมือนเป็นการแข่งขันกีฬาที่ให้เล่นได้ฝ่ายเดียวแล้วก็มานับคะแนน ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เล่น เล่นได้น้อยมาก ได้คะแนนน้อยมาก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นอย่างที่ผมห่วง ร่างรัฐธรรมนูญก็จะผ่านประชามติไปได้ นั่นหมายถึงจะทำให้ประเทศไทยเสียหาย ล้าหลัง และไม่เป็นประชาธิปไตยไปอีกหลายปีจนกว่าจะเกิดวิกฤตรุนแรง และสังคมก็วนกลับมาที่เดิม แล้วมาถามผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในอนาคตที่ยึดอำนาจว่าจะเลือกตั้งในอีกกี่ปี

ถ้าถามผมวันนี้ผมยังเชื่อว่าโอกาสผ่านมีมากกว่าไม่ผ่าน นั่นหมายความว่าจะเป็นผลเสียต่อประเทศชาติอย่างมาก ถามว่าการขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทย กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นักวิชาการ และนักศึกษาฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในชั้นประชามติจะสำเร็จหรือไม่ ผมคิดว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเสรีภาพแค่ไหนในการแสดงความคิดเห็น

ความพยายามที่จะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านเป็นสิ่งที่ใครที่หวังดีกับบ้านเมืองควรจะร่วมกันทำ แล้วก็ไม่จำกัดสาขาอาชีพ ไม่จำกัดสี จำกัดฝ่าย ถ้าเห็นว่าต้องการให้บ้านเมืองนี้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงวิกฤต หลีกเลี่ยงความหายนะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ต้องช่วยกันทำให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ผ่านในขั้นการลงประชามติ แต่ก็อย่างที่ผมพูด ถ้าหากผู้มีอำนาจเขาใช้อำนาจอย่างเต็มที่ก็มีโอกาสผ่านได้มากกว่าไม่ผ่าน หมายความว่าใครที่ไม่อยากเห็นบ้านเมืองไปสู่หายนะก็ต้องช่วยกันพยายามอย่างเต็มที่

ผมขอยืนยันว่าถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับคุณมีชัยผ่านประชามติ ประเทศไทยจะเข้าสู่วงจรที่จะนำไปสู่วิกฤตอย่างแน่นอน เรียกว่าจะล้มเหลวไปหมดในทุกๆด้าน ถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้วมีการเลือกตั้ง ถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลจะได้รับแรงกดดันอย่างไร ผมคิดว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองไหนเป็นรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้มันทำอะไรที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นพรรคเพื่อไทยก็อาจจะถูกล้มได้เร็วมาก ถ้าเป็นพรรคอื่นอาจจะอยู่ได้นานหน่อย แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ เพราะอยู่ภายใต้อาณัติ อยู่ภายใต้การกำกับขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ

ปี 60 จะมีเลือกตั้งหรือไม่

ผมคิดว่าไม่สามารถบอกได้ แต่สำหรับประเทศไทยเวลานี้เลือกตั้งเมื่อไรไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณจะเลือกตั้งกันแบบไหน เลือกตั้งภายใต้ระบบอะไร เลือกตั้งแล้วแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างร่างรัฐธรรมนูญนี้เลือกตั้งจะเร็วหรือช้าก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งสิ้น ถ้าจะต้องเลือกตั้งภายใต้ร่างรัฐธรรมนูญแบบที่เขาร่างกันอยู่นี้ยังไม่ต้องเลือกตั้งยังจะดีกว่า

ความเป็นไปได้ที่จะปฏิวัติซ้อน

ผมคิดว่ายังไม่เห็นมีวี่แววเท่าไร และไม่ใช่เรื่องที่ผมให้ความสนใจ การรัฐประหารซ้อนไม่ซ้อนจะยังไงก็ล้วนแต่เป็นการสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติทั้งนั้น เราสนใจว่าทำอย่างไรจะแก้ปัญหาของประเทศโดยกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย โดยใช้สันติวิธีและสติปัญญามากกว่า

การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย

ส่วนตัวผมก็ยังทำหน้าที่ของผมอย่างที่ทำอยู่ต่อไป ถามว่าเรามีโอกาสที่จะเห็นประชาธิปไตยเบ่งบานในประเทศไทยหรือไม่ ผมคิดว่าเราก็ต้องมีความหวัง เพราะประชาธิปไตยเป็นเรื่องดีงามสำหรับประเทศ เราก็ต้องมีความหวังที่จะเห็นประเทศไทยนี้เจริญก้าวหน้า และคนอยู่กันอย่างมีสันติสุข มีความสุข ถึงแม้ว่าจะยากและคงต้องใช้เวลาอีกนาน

ผมอยากฝากถึงประชาชนผู้มีใจรักในประชาธิปไตยให้ช่วยกันติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และช่วยกันทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ที่สำคัญก็คืออยากให้คิดถึงอนาคตข้างหน้ามากกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะเพียงช่วงสั้นๆ และใครที่คิดว่าอยากให้บ้านเมืองพ้นจากปัญหาต่างๆ หรืออยากให้บ้านเมืองดีขึ้นเร็วๆ อยากจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนั้น ผมอยากให้ทำความเข้าใจใหม่ว่า การเลือกตั้งเร็วๆภายใต้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างที่เขากำลังร่างกันอยู่นี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย และจะทำให้ประเทศเป็นปัญหาหนักยิ่งกว่าเดิม

อนาคตพรรคเพื่อไทย

บทบาทและอนาคตของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเปิดประชุมพรรคไม่ได้ ทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้ ก็ได้แต่แสดงความเห็นอยู่บ้าง อย่างร่างรัฐธรรมนูญก็ได้แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา เมื่อไม่เห็นด้วยก็แสดงความเห็นคัดค้านอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะต้องเป็นปากเสียงแทนประชาชนในทุกสภาวะ

ในอนาคตผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะรักษาจุดยืนของการเป็นพรรคการเมืองที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป แต่อนาคตข้างหน้าไปมากๆจะเป็นอย่างไรผมไม่สามารถคาดการณ์ได้ ไม่สามารถทำนายได้ เพราะผมไม่ต้องการทำตัวเป็นหมอดู

คดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จะเป็นอย่างไร

เรื่องคดีของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในศาล เป็นเรื่องที่ไม่พึงจะวิจารณ์ แต่ถ้าถามว่าอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ได้รับความเป็นธรรมแค่ไหน ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม การถอดถอนไม่ถูกต้องทั้งโดยหลักของรัฐธรรมนูญ โดยหลักของนิติธรรม การดำเนินคดีก็เห็นได้ชัดว่า การดำเนินการขององค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีทำไปอย่างเลือกปฏิบัติ ส่วนจะได้รับความเป็นธรรมจากศาลหรือไม่ อันนี้ผมคิดว่าคนจำนวนมากย่อมคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม