เมื่อผมได้สูญเสียพ่อไปในเวลาบ่ายสามโมงของวันพฤหัสบดีที่ ๒ กรกฎาคม ใจผมก็หายไปวูบใหญ่ จู่ๆ พ่อก็หายไปจากชีวิต และหายไปอย่างที่ไม่ได้ดูใจหรือได้เฝ้าพ่อจนหายใจเฮือกสุดท้ายเหมือนใครๆ เขา ตอนที่นั่งนิ่งอยู่เป็นเวลานานนั้น ได้แต่นึกว่าการต่อสู้ทางการเมืองก็ต้องมีเสี้ยวชีวิตนี้ปนเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เราต้องยอมรับ เราต้องอดทน และเราต้องสร้างพลังใหม่ขึ้นมาจากสัจธรรมแห่งชีวิตเช่นนี้ให้ได้ พ่อเราสอนเรามาอย่างนั้น เพราะพ่อก็เงยหน้าสู้ชีวิตและผ่านพ้นมาไม่รู้จักกี่พายุและกี่มรสุมแล้วไม่ใช่หรือ
แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้นกับผม ผมออกจากเมืองไทยมาเป็นเวลานานหลายปีนักหนา ถึงจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องแห่งประวัติศาสตร์และปัจจุบันอย่างไม่หยุดยั้ง แต่มีสักกี่คนที่จะรู้ บางระยะข่าวของเราก็คงหายไปนานๆ ด้วยถูกกลบทับด้วยเรื่องอื่นที่สำคัญและเร่งด่วนกว่า ผมไม่กล้าคิดเลยว่า ผมยังมีสิทธิ์ได้รับความเมตตากรุณาและความใส่ใจจากพี่น้องมวลมหาประชาชน จากแกนนำ จากผู้นำทางการเมือง ตลอดจนญาติมิตรจากทั่วประเทศไทยและในประเทศต่างๆ อย่างที่ท่านแสดงออกในงานเพื่อพ่อของผมในคราวนี้
ศาลา ๘ ที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก ภายในวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร ได้กลายเป็นที่รวมของผู้มีเมตตาเหล่านี้ ท่านเดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรม งานทำบุญเพล และท้ายที่สุดก็คืองานฌาปนกิจที่เมรุหมายเลข ๑ กันอย่างเนืองแน่น ผมอยู่ไกลจากประเทศไทย ได้แต่สอบถามญาติมิตรให้เล่ามาเป็นระยะถึงบรรยากาศ ถึงท่านที่มา ถึงความเป็นไปต่างๆ ในงานเพื่อให้รู้สึกเสมือนว่าได้ไปเอง บางครั้งก็แอบดูแอบชมจากเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ ก็ทำให้เห็นภาพอันน่าชื่นใจด้วยตาของตัวเองบ้าง
แล้วใจที่หายไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒ กรกฎาคม ก็ค่อยๆ ย้อนกลับมาทีละนิด จากไหนผมก็ไม่ทราบได้ จนหัวใจกลับเต็มขึ้นมาใหม่ ความรักความอาลัยพ่อยังไม่ได้หายไปไหน แต่ความมุ่งหมายมุ่งมั่นของตัวผมเอง ที่จะทำให้พ่อและท่านผู้มีบุญคุณทั้งหลายเหล่านี้ได้รับในสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ นั่นคือสังคมไทยที่มีความเป็นธรรม ยุติธรรม และความเป็นมนุษย์ที่เสมอภาคเท่าเทียมกัน กลับแข็งแกร่งเป็นหลายเท่าในจิตใจของผม
ผมขอกราบขอบพระคุณ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีผู้มาจากการเลือกตั้งทั้งสามท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฝ่าพายุฝนอันแรงกล้าแทนเราทั้งหลาย
ผมขอกราบขอบพระคุณท่านผู้บริหารและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ย้อนกลับไปถึงสมัยที่เป็นพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ก่อนถูกทำลายลงเพราะได้รับความนิยมเกินใบอนุญาตของเจ้าที่
ผมขอกราบขอบพระคุณแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ตั้งแต่ท่านผู้นำขบวนการจนถึงสมาชิกมวลชน ผู้ได้แสดงน้ำใจอันทรงพลัง และปลุกจิตใจบางอย่างในตัวผมขึ้นมาใหม่
ผมขอกราบขอบพระคุณพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ และญาติๆ ที่มาร่วมงานของคนที่มีข้อกล่าวหาติดตัวในทางการเมืองอย่างผม โดยไม่หวั่นกลัวอะไรสักนิด เพราะท่านคิดแต่ความผูกพันที่เรามีกันมาแต่เดิม
และท้ายที่สุด....
ผมขอกราบลงที่กลางอกกลางใจของญาติมิตรมวลชนประชาธิปไตยทุกๆ ท่านที่มาร่วมงานและส่งหัวใจมาร่วมกับผม ท่านมาร่วมงานของพ่อผม แทนตัวผม ตามที่ผมได้กราบเรียนร้องขอ ไม่มีรางวัลใดๆ ที่ท่านจะให้ผมได้มากไปกว่านี้อีกแล้วครับท่านที่รัก
พ่อผมไปสบายแล้ว เพราะพ่อหันกลับมามองแล้วรู้ว่า ลูกอยู่กับคนที่เขารักและเขาก็รักลูกของพ่อ.
กราบขอบพระคุณทุกท่านจากหัวใจของผมครับ
จักรภพ เพ็ญแข
วันเผาศพพ่อ - ศ. ๑๐ ก.ค. ๕๘