ภาพจากเดลินิวส์ |
ข้อสังเกตส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ไอลอว์ที่ติดตามคดี 'ป้าฐิตินันท์': (แชร์มาจากวอลอาจารย์จอน อึ๊งภากรณ์ ขอบคุณค่ะ) โปรดทราบว่าผู้ป่วยทางจิตไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยอาการเอะอะอาละวาดเสมอไปนะคะ บอกไว้ก่อนเลยสำหรับคนไม่เข้าใจที่พูดว่า ป้าแกนั่งนิ่งๆ เฉยๆ ไม่แสดงอาการทางจิตให้เห็นเลย อ้างป่วยจิตหรือเปล่า
.............................................................................
ไม่มีโทษ คือเหมาะสม สำหรับ 'ป้าฐิตินันท์'
.
ผมไปฟังการพิจารณาคดีของป้าฐิตินันท์ด้วยตนเอง และนั้นเป็นคดีแรกที่ผมไปสังเกตการณ์ ตอนผมเข้าไปในห้องพิจารณาคดีมีญาติและผู้สังเกตการณ์คดีอีก 2-3 คน อยู่ในห้องก่อนแล้ว ผมมองไปรอบห้องเห็นผู้หญิงสูงอายุผมออกขาวแซมอยู่เต็มหัวนั่งเหม่อลอยเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ โดยมีลูกชายและลูกสาวนั่งอยู่ใกล้เคียง ดูไม่ยากเกินไปที่จะบอกว่าคุณป้าดู 'ไม่ปกติ' อาการเหม่อลอย ไม่สะทกสะท้าน
.
ในมุมหนึ่งอาจจะมองได้ว่า ไม่ได้หวาดกลัวต่อผลที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังมีคำพิพากษาที่ก็บอกไม่ได้ว่า 'ร้าย' หรือ 'ดี' แต่คนปกติย่อมรู้ดีว่า 'คดี 112' นั้นน่าหวั่นวิตกขนาดไหน แต่คุณป้าก็ยังเรียบเฉยเหมือนหุ่นยนต์ แตกต่างกับลูกชายและลูกสาวที่หน้าถอดสีไปตามๆกัน จนผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
.
เมื่อศาลขึ้นบัลลังค์และอ่านคำพิพากษา ผลคือ "ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 65 วรรค 2 ลงโทษจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และอาการป่วยทางจิตก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำเลยทำความผิด เพื่อประโยชน์ของจำเลยและสังคมโดยรวม เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวและได้เข้ารับการรักษาอาการป่วย จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานความคืบหน้าของการรักษาจากแพทย์ทุกหกเดือนมีกำหนด 2 ปี"
.
ภายหลังเดินออกมาจากห้องพิจารณาคดี ลูกชายและลูกสาวต่างก็ดีใจที่คุณแม่ไม่ต้องไปเข้าไปนอนในเรือนจำ และสามารถบินไปรักษาตัวเกี่ยวกับอาการทางจิตได้ที่ต่างประเทศ โดยศาลได้กำชับมาแล้วว่า ต้องส่งรายงานการรักษามาด้วย ฉากที่ผมสะเทือนใจคือลูกสาวจับมือแล้วก็น้ำตาซึมบอกกับแม่ว่า “แม่ไม่ต้องติดคุกแล้ว แม่สบายใจมั้ย” แล้วก็กอดแม่ แต่ทว่าป้าฐิตินันท์ก็ยังนิ่งเฉยไม่มีความรู้สึก ดูปรำๆเปรอๆ ยิ้ม เออๆ ออๆ ไปกับลูกสาว จนผมอดคิดในใจไม่ได้ว่า จะให้ป้าไปอยู่ในคุกก็โหดร้ายเกินไปแล้ว คำพิพากษายังไม่เข้าไปในหัวด้วยซ้ำ
.
ดังนั้น ข้อโต้แย้งว่า คดี 'ป้าฐิตินันท์' ที่ศาลอุทธรณ์ สั่งลงโทษพิพากษาจำคุก 1 ปี นั้นเหมาะสมแล้ว ก็ขอให้จงพึงระลึกว่า คุณกำลังชื่นชมการลงโทษคนที่ไม่สมประกอบทางจิต และก็อยู่ระหว่างการบำบัดรักษา แม้ว่าในการสืบจะพอมีข้อเท็จจริงว่า ป้ามีสติอยู่บ้าง แต่ 'อาการป่วยทางจิตก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำเลยทำความผิด'
.
ส่วนบางกรณีมีคนบอกว่าคุณป้าแกล้งบ้า แพทย์ผู้ตรวจรักษาก็เคยเบิกความว่า ช่วงที่เกิดเหตุป้าอยู่ในภาวะที่มีอารมณ์คลุ้มคลั่ง แม้จะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่แต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะเมื่อคิดจะทำอะไรก็จะทำเลย ในขณะที่ทำความผิดจึงอยู่ในภาวะจิตฟั่นเฟือน (ดูเนื้อหาได้ที่http://freedom.ilaw.or.th/th/case/430#verdict)
.
ขอให้ป้าได้ประกันในเร็ววันครับ