วันเสาร์, พฤษภาคม 02, 2558

สมกับที่มีคนเรียกว่า ‘จ่าโม้’ จังเบย พอใกล้ครบปีก็เลยยืนยันว่า ‘ทำมาเยอะ’ แถมเหน็บแนมแกมประชดคนก่อนๆ เขาเสียอีก “ช่วงแรกก็ไม่มีใครรู้จักผม รู้จักแต่นายกฯ คนสวย นายกฯคนหล่อ”




สมกับที่มีคนเรียกว่า ‘จ่าโม้’ จังเบย พอใกล้ครบปีก็เลยยืนยันว่า ‘ทำมาเยอะ’

แถมเหน็บแนมแกมประชดคนก่อนๆ เขาเสียอีก “ช่วงแรกก็ไม่มีใครรู้จักผม รู้จักแต่นายกฯ คนสวย นายกฯคนหล่อ”

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1430447824)

อ๋อ ที่หงุดหงิดคงไม่ใช่เรื่อง “ทำอย่างไรให้ลดขยะเคลื่อนที่ ต้องให้ขยะมนุษย์หมดไปจากประเทศให้ได้” หร้อก

ไหนบอกว่าได้รับพระราชทานมาทั้งสามอำนาจแล้วไง นี่ละเขาเรียก ‘นักการเมือง’ เหมือนกัน ทั่นอย่าเอาแต่ก่นด่าคนที่เขาอุตส่าห์ติติงสิ

มันต่างกันก็แต่ของทั่น การเมืองเผด็จการ แบบ ‘The Thai model’ ที่ คิม จอง อิล เคยคิดอยากเอาอย่างนั่นแหละ

ส่วนไอ้ที่เขาขอให้เป็นอย่างรวดเร็วน่ะ ‘ประชาธิปไตย’ ของจริงนะฮัพ ไม่ใช่แบบมองเตสกิเออร์ ‘เรือแป๊ะ’

แล้วเขาก็ยังไม่เลิกขอนะจ๊ะ



เมื่อวันที่ ๒๙ เมษานี้เอง นายแอนโทนี่ บลินเคน รองรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ พูดชัดบอกกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย ของไทย

“the deputy secretary reiterated our position that the interim government should remove undue restrictions on civil liberties, such as limits on fundamental freedoms of expression and peaceful assembly and the practice of trying civilians in military courts and detention without charge”

(https://www.facebook.com/ShuckingKornChatikavanij/videos/vb.192846754200049/496651593819562/?type=2&theater)

(รองรัฐมนตรีย้ำจุดยืนที่ว่า รัฐบาลชั่วคราวควรจะเลิกการจำกัดอิสรภาพมหาชนอันไม่บังควรได้แล้ว อย่างเช่นการจำกัดเสรีภาพพื้นฐานในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสันติ รวมทั้งการดำเนินคดีต่อพลเรือนในศาลทหาร กับการกักขังบุคคลโดยไม่มีการตั้งข้อหา)

นั่นก็เพิ่งจะงามหน้า ‘กักขังบุคคลโดยไม่ตั้งข้อหา’

คดีปาระเบิดศาลอาญา จับกุมคุมขังภรรยาของผู้ต้องหาไว้ ๕๔ วัน ก่อนให้ประกันตัวออกมา วงเงินห้าแสน แถมเงื่อนไขมากมาย ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคดี (ของสามี)

(http://www.prachatai.org/journal/2015/04/59051)

โอ้แม่คุณพระเจ้าอับดุล ศาลไทย ผู้ถูกคุมขังเป็นเพียงภรรยา ไม่ใช่ผู้ต้องหา เธออายุ ๑๙ ปี มีลูกชายวัย ๒ ขวบหนึ่งคน กับลูกอ่อนยังอยู่ในครรภ์เจ็ดเดือนอีกหนึ่ง แถมมีโรคติดตัวต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ใกล้ชิด

กานดา นาคน้อย คอมเม้นต์ :

“ระบบอยุติธรรม : เป็นภรรยาของผู้ต้องหา ทำไมศาลปฎิบัติราวกะเขาเป็นผู้ต้องหาด้วย นี่มันศาลยุคไหน ยุคที่ใครตกเป็นผู้ต้องหาแล้วประหารกันทั้งครอบครัวเหรอ? ศาลควรปล่อยตัวเขาโดยไม่ต้องเสียเงินประกันด้วยซ้ำ ถ้าเป็นที่สหรัฐฯกดหัวกันแบบนี้คงได้จลาจลกันแบบที่เกิดขึ้นหลายครั้งในหลายเมือง อยุติธรรมแบบชัดเจน”

Jittra Cotchadet shared Pipob Udomittipong's ที่ชี้ให้เห็นความแตกต่าง




“Katherie Russell (รูปบน) เป็นภรรยาหม้ายของ Tamerlan Tsarnaev ซึ่งถูกตำรวจยิงตายไปแล้ว หลังวางระเบิดบอสตันมาราธอน ล่าสุดพยานผู้เชี่ยวชาญให้การต่อศาลว่า ในคอมพิวเตอร์ ของเธอตั้งแต่ช่วงปี 2012 มีการ search ข้อความประมาณว่า “ถ้าสามีตายเพื่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ (shahid) ภรรยาจะได้รางวัลอะไรบ้าง” และหลังเกิดเหตุระเบิด เพื่อน text มาถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง เพราะรู้ว่าอาศัยอยู่แถวนั้น เธอ text ตอบไปว่าสบายดี แต่บอกว่า “คนในซีเรียและที่อื่นๆ ตายมากกว่านี้ทุกวัน” “ผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น”

เดิมแคเธอลีนเป็นอเมริกันชนทั่วไป แต่เข้ารีตเป็นมุสลิมหลังแต่งงานกับนายทาเมอลัน มีลูกด้วยกันหนึ่งคน หลังมีลูกสามีไปยุโรปตะวันออก กลับมาเริ่มไว้หนวดไว้เคราแสดงความสุดโต่งทางศาสนา จนนำมาสู่การวางระเบิดครั้งใหญ่ แม่ของแคเธอลีนก็บอกว่าลูกสาวเปลี่ยนไปมากหลังแต่งงานกับทาเมอลัน และเข้ารีตอิสลาม กลายเป็นคนเคร่งศาสนาไป แยกตัวจากคนอื่น ทำตัวลึกลับ แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ตำรวจไม่เคยตั้งข้อหากับแคเธอลีนว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของสามี หรือร่วมกันก่อเหตุ เคยแต่สอบปากคำ ไม่เคยควบคุมตัว เธอให้การในฐานะพยานเท่านั้น

ผิดกันกับบ้านเรา ธัชพรรณ ปกครอง ภรรยาอายุ 19 ของผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญา (ซึ่งทำให้แท่งปูนบิ่นไปหน่อย) ตั้งท้องห้าเดือนตอนถูกจับ มีลูกเล็กสองขวบอีกคน ถูกจับขังคุกสองเดือนกว่าจะได้ประกัน ถูกแจ้งข้อหาร้ายแรง “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” “ครอบครองอาวุธสงคราม” ฯลฯ เรียกว่าพอตำรวจเห็นหน้า เชื่อทันทีว่าต้องมีส่วนรู้เห็น และมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ทั้งๆ ที่มันควรมีพยานหลักฐานมากกว่านี้ถึงจะยืนยันความผิดได้ แต่ยุคนี้จับไว้ก่อน สอบทีหลัง มันหลักการอะไร?

ระบบยุติธรรมมันห่างไกลกันลิบลับจริงๆ”