วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 06, 2558

ระหว่างเว็บไซค์ผู้จัดการกับน้องเนส นี่ใช้กฏหมายคนละฉบับกันหรืออย่างไร? + ทนายนปช. ชี้ ‘กฤษณ์’ ไม่ผิด เพราะไม่ทราบว่าแถลงการณ์นั้นปลอม



โดย จตุพร พรหมพันธุ์
ที่มา FB จตุพร พรหมพันธุ์

เมื่อวานในรายการตอนเช้า ผมได้ประเมินสถานการณ์ในรายการว่า

กลุ่มที่วางระเบิดสร้างสถานการณ์ที่พารากอน กับ กลุ่มคนที่ทำแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมนั้น คือกลุ่มคนกลุ่มเดียวกัน
ปรากฏว่าช่วงบ่ายมีข่าวว่าไปจับคนเสื้อแดง ที่ จ.เพชรบูรณ์ ทั้งๆที่ตอนแรกตำรวจและหน่วยงานต่างๆบอกว่า มือที่ทำแถลงการณ์นี้อยู่ต่างประเทศ

และช่วงข่าวเช้า ที่รายการข่าวเช้าต่างๆได้นำเสนอนั้น คือ “เว็บไซต์ผู้จัดการ” ซึ่งลงแถลงการณ์ปลอมนี้เหมือนกัน ได้เดินทางไปแจ้งกับ ทาง สน.ชนะสงครามว่า “บัดนี้ได้ทำการลดเงินเดือน ผู้ที่รับผิดชอบเว็บไซต์นี้ครึ่งหนึ่ง และกำลังพิจารณาให้ออก และแถลงขอโทษ” ทุกอย่างจบข่าว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่การจับกุมน้องเนส หรือ “นายกฤษณ์ บุตรดีจีน” ผมเห็นหน้าน้องเค้า ผมถึงนึกออกว่าเป็นใคร เพราะเคยเจอกันที่งานศพของพี่เปียอภิวันท์ ทีนี้ผมพอจะรู้จักแล้ว

น้องเนสเค้าเป็นคนเสื้อแดงจริงๆครับ

วันนี้ผมก็ได้มอบหมายให้กับ “ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี” ทนายความ นปช. เดินทางไปที่ ราบ ๑๑ เพื่อไปช่วยเหลือในการต่อสู้คดี
สิ่งหนึ่งที่เราต้องพูดกัน “นายกฤษณ์ บุตรดีจีน” น้องคนนี้ ไม่ได้ปฏิบัติและแชร์อะไรไป ที่ต่างกับเว็บไซต์ผู้จัดการ ซึ่งแน่นอน ว่าน้องคนนี้ไม่ใช่คนเขียนแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมนี้

การปลอมแถลงการณ์ฯนี้ มีความ “จงใจ” ที่ปล่อยเข้ามาในโลกไซเบอร์ เพราะฉะนั้นจึงมีเหยื่อมากมาย

จริงๆผมรู้ว่าปลอมตั้งแต่ต้น เพราะมันผิดวิสัยที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ไม่นำไปเผยแพร่ ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญ ขนาดมือแน่ๆอย่างผู้จัดการยังนำมาเผยแพร่ เพราะฉะนั้นบรรดาแมงเม่าทั้งหลายที่อยู่ในโลกไซเบอร์ ถ้าจะตามจริงๆ ก็ตามจากเว็บผู้จัดการเลยครับ ว่าต้นตอมาจากไหน

แต่ผลลัพธ์ของการแชร์เอกสารชิ้นนี้ ระหว่างเว็บไซต์ผู้จัดการ กับ “นายกฤษณ์ บุตรดีจีน” แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เว็บไซต์ผู้จัดการ แค่ไปชี้แจงและขอโทษกับ สน.ชนะสงคราม ทุกอย่างจบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่เวลาที่ปฏิบัติต่อคนเสื้อแดงนั้น ซึ่งแน่นอน ศักยภาพน้องเนสกับเว็บไซต์ผู้จัดการ ในเรื่องการเผยแพร่นั้น ต่างกันลิบลับ แต่ปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่า การเผยแพร่แถลงการณ์ทั้งหมดนี้ออกมาจาก “น้องเนส” คนเดียว

ตำรวจและแม่ทัพนายก ปฏิบัติถึงขนาดเป็นอาชญากรสำคัญ และดูเสมือนหนึ่งว่าผลักคนเสื้อแดง เหมือนตอนทำผังล้มเจ้า เมื่อปี2553
ระหว่างเว็บไซต์ผู้จัดการ กับ น้องเนส นี่ใช้กฎหมายคนละฉบับกันหรืออย่างไร?

ทำไม พล.ต.อ.สมยศ จึงไม่ไปดำเนินการสอบสวนกับเว็บไซต์ผู้จัดการ เหมือนที่ทำกับน้องเนส ที่มัดมือจับเข้าไปสอบสวน สร้างข่าวตื่นเต้นกับไปทุกฉบับ

จริงๆมันแตกต่างกันนิดเดียวครับ “เพราะน้องเนสเค้าเป็นคนเสื้อแดง”
ส่วนเว็บไซต์ผู้จัดการนั้น ก็ปรากฏชัดครับว่าเป็นใครอย่างไร

จะเอากันแบบนี้เหรอครับ ประเทศไทย

ผมไม่ได้ปกป้อง ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ผมก็เชื่อว่า น้องเนสเค้าก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เหมือนคนในไซเบอร์ แต่เพราะน้องเนสเป็นคนเสื้อแดง จึงทำการล็อคเป้าเป็นการ IO เช่นเดียวกับผังล้มเจ้า ที่มีการเลือกปฏิบัติเหมือนคราวคดีของ “ดา ตอร์ปิโด” กับ “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” ที่นำคำพูดของดา มาเผยแพร่ซ้ำ ก็เหมือนกับครั้งนี้ที่ เว็บไซต์ผู้จัดการ ไม่โดนอะไรเลย

เพราะฉะนั้น คนไทย67ล้านคน ล้วนเป็นพสกนิกรเหมือนกันทุกคน ถ้าจงรักภักดีต่อสถาบันจริงๆ ต้องไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง และทำร้ายฝ่ายตรงข้าม

ถ้านายกฤษณ์ถูกดำเนินคดีอย่างไร ในเรื่องแถลงการณ์ปลอมของสำนักพระราชวัง เว็บไซต์ผู้จัดการ ก็ควรต้องโดนแบบเดียวกัน ซึ่งตอนแรกบอกว่า ต้นตอแถลงการณ์นี้มาจากต่างประเทศ ต่างประเทศที่ว่า ไม่ทราบว่าเป็น เพชรบูรณ์ซิตี้” หรืออย่างไรไม่ทราบ?

เพราะ ผมอยากสื่อสารแบบตรงไปตรงมาว่าที่กำลังทำกันอยู่นั้นเพื่ออะไร ? ปรองดองหรือ? ผมไม่เชื่อ หรือจะให้ผมออกไปเคลื่อนไหวต่อสู้ข้างนอก?

พวกเราใจนักเลงพอ ไม่ใช่ปากลูกผู้ชาย ใจยิ่งกว่าใส่ผ้าถุง

นปช. เราก็ชัดเจนครับ ว่าเราจะแสดงความคิดเห็นในที่ตั้ง ไม่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน เรามีเกียรติยศ แต่วิธีการที่ทิ่มแทงกันอย่างไม่หยุดเพื่อหาเรื่อง คนเราเมื่อถึงเวลา มันไม่ทนให้ยอมถูกกระทืบอยู่ฝ่ายเดียวหรอก แต่เวลานี้ผมก็ท่องคำของท่านพุทธทาส คือ “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า”

ชัดเจนเลยนะครับว่า ผมในฐานะ ประธาน นปช. ผมขอบอกว่านายกฤษณ์เป็นคนเสื้อแดงจริงๆ แต่ถ้าเป็นความผิดเพราะความผิดพลาดในเรื่องการแชร์แถลงการณ์ปลอมนั้น เว็บไซต์ผู้จัดการต้องโดนดำเนินคดีด้วยเหมือนกัน

วิธีนี้ไม่ใช่การสร้างความปรองดอง แต่กลับมาสร้างความหายนะ อยู่ดีๆกันไม่เป็นใช่ไหม? อยู่อย่างสงบสุขกันไม่ได้ใช่ไหม?

พวกหนึ่งไปชี้แจงที่ สน.ชนะสงคราม ขอโทษ เรื่องจบ แต่ถ้าเป็นคนเสื้อแดงมีความผิด ถูกดำเนินคดี…

...



สมบัติ บุญงามอนงค์

"เราคือเหยื่อ(เพื่อน)เหมือนกัน"
เนสถูกจับเพราะเขา Post แถลงการณ์พระราชวังปลอม
ยังไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นคนผลิตเอกสารปลอมนี้
แต่เขาเป็นคนหนึ่งที่แชร์ข้อความดังกล่าวลงใน Social Network
เมื่อพบว่ามันเป็นเอกสารปลอมเขาลบมันออก

ข้อสังเกต
1.ถ้าเขาเป็นคนทำเขาย่อมรู้ว่าการเผยแพร่เป็นอันตราย
2.การลบภาพออกทันทีที่รู้ว่ามันปลอม มันก็เหมือนกับเวบผู้จัดการที่เผยแพร่และลบออกไปหลังจากนั้น

มีคนจำนวนมากเปิดดูเอกสารนี้แล้วไม่รู้ว่ามันปลอม คำถามคือว่าเนสต่างอะไรกับคนอื่นอีกจำนวนมากที่แชร์ข้อมูลนี้เหมือนกับคนอื่น ๆ

สิ่งที่ต่างกันคือ เขาเป็นเสื้อแดง และมันต้องมีใครสักคนที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งนี้
และคน ๆ นั้นคือ เนส

ผมไม่สามารถนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
การใช้ ม.112 เพื่อไล่ล่าปีกฝ่ายทางการเมืองอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ผมรับไม่ได้
อย่าทำร้ายคนเหล่านั้น ถ้าเขาไม่ได้มีเจตนาและไม่ใช่ผู้กระทำ มันไม่เป็นผลดี

ผมเป็นคนหนึ่งที่โดนกลั่นแกล้งจากกฏหมายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เนสและผม "เราคือเหยื่อ(เพื่อน)เหมือนกัน"
...


ooo


ทนายนปช. ชี้ ‘กฤษณ์’ ไม่ผิด เพราะไม่ทราบว่าแถลงการณ์นั้นปลอม วอนหาต้นตอ

Thu, 2015-02-05 23:23
ที่มา ประชาไท

ทนาย นปช. ชี้ ‘กฤษณ์’ ไม่ผิด เพราะไม่ทราบว่าแถลงการณ์นั้นปลอม วอนหาต้นตอ ตั้งข้อสังเกต ‘ผู้จัดการ’ ก็เผยแพร่แต่ไม่ถูกดำเนินการ ด้านทหารงัด ‘กฎอัยการศึก’ ห้ามทนายพบ แม้ยก รธน.โต้ โฆษก นปช. รับเป็นคนเสื้อแดงจริง

หลังจากเมื่อวานนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีปลอมแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 13 และมีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาได้แล้ว โดยเป็นชายชาว จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ทหารจะควบคุมตัวไว้ 7 วันตามอำนาจในกฎอัยการศึก เพื่อสอบสวนขยายผลแกะรอยว่าต้นตอมา จากใครและออกหมายจับพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และนำข้อมูลเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ (อ่านรายละเอียด)

ทหารงัด ‘กฎอัยการศึก’ ห้ามทนายพบ แม้ยก รธน.โต้

ล่าสุดวันนี้(5 ก.พ.58) มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่หน้าที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความศูนย์กฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน(กนส.) กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาถึง ร.11 รอ. เพราะได้รับการประสานจากญาติของกฤษณ์(ผู้ต้องหาในคดี) เนื่องจากเห็นว่า กฤษณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ประสานนายทหารพระธรรมนูญติดต่อพบกฤษณ์ในวันนี้ แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้ตนเข้าไปพบพูดคุยกับกฤษณ์ เพราะถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกได้ 7 วัน พร้อมย้ำด้วยว่าสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในช่วงการประกาศกฎอัยการศึก จึงถือเป็นกฎหมายหลักที่บังคับใช้ แม้ว่าตนได้อ้างหลักการความเป็นธรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) 2557 มาตรา 4 อ้างหลักสิทธิมนุษยชน อ้างหลักประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 7/1 อันเป็นหลักสำคัญที่ให้ผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกจับกุมได้รับความเป็นธรรมในการพบทนายความ และมีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีความ ทว่าหลักการดังกล่าวที่ตนได้อ้างมานั้น ทางนายทหารพระธรรมนูญที่ได้พบกับตนนั้นได้บอกว่า ขอให้ลืมเรื่องพวกนั้นไปเสีย เพราะตอนนี้ยังอยู่ช่วงการประกาศใช้กฎอัยการศึก จึงทำให้ไม่สามารถที่จะพบตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งจะได้พบอีกทีต้องภายหลังจากการถูกคุมกันตัวครบ 7 วัน ถึงจะดำเนินการได้

"ทั้งนี้ผมขอเรียกร้องผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า แม้จะบังคับใช้กฎอัยการศึก แต่ผู้ต้องหาก็ต้องได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนและตามรัฐธรรมนูญกำหนด" วิญัญัติ กล่าว

ทนาย นปช. ชี้ ‘กฤษณ์’ ไม่ผิด เพราะไม่ทราบว่าแถลงการณ์นั้นปลอม วอนหาต้นตอ

สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า วิญัญัติ กล่าวด้วยว่า กฤษณ์ไม่ทราบว่าแถลงการณ์สำนักพระราชวังที่เผยแพร่เป็นของปลอม จึงไม่น่าจะผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 มาตรา14 (5) และไม่ผิด ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการ ก็เผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าวแต่ไม่ถูกดำเนินการใด ๆ ดังนั้นอยากขอความเป็นธรรมกับรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“ผมขอเรียกร้องพนักงานสอบสวนตำรวจไปหาให้ได้ว่าใครเป็นคนปลอมแถลงการณ์ และใครเป็นคนโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดียคนแรก และให้ดำเนินการกับผู้ที่เผยแพร่เช่นเดียวกันทุกคน” วิญญัติ กล่าว

โฆษก นปช. รับ ‘กฤษณ์’ เป็นคนเสื้อแดงจริง ยันเจ้าตัวไม่ทราบเป็นของปลอม

วรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษก นปช. กล่าวว่า กฤษณ์เป็นคนเสื้อแดงจริง แต่กฤษณ์ยืนยันว่าไม่ทราบว่าแถลงการณ์เป็นของปลอม ดังนั้นการถูกตั้ง 2 ข้อหาใหญ่จึงอาจมองได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ เพราะ ASTV กลับไม่โดนอะไร และถ้าทำอย่างนี้บ้านเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร จะปรองดองกันอย่างไร ทั้งนี้ทีมทนายนปช.ไม่กังวลหากให้สัมภาษณ์ในวันนี้แล้วจะถูกคสช.เรียกไปปรับทัศนคติ