เดชา ปิยะวัฒน์กูล
21h
·
พวกเราไม่รู้สึกประหลาดยังไงพิกลกับงานวันเด็กเหรอ
มันไม่ใช่อ่ะ มันต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาดแน่ๆ
งานวันเด็กโดยหลักการมันควรจะเป็นงานของเด็ก งานที่สังคมเห็นคุณค่าและยกย่องคุณค่านั้น งานที่เราทุกคนช่วยกันบอกว่าหนู.. เรารักหนูที่สุดไม่ว่าหนูจะเป็นยังไง
แต่งานวันเด็กในไทยมันเศร้ามาก.. มันกลายเป็นงานที่มีตาแก่มาสั่งสอนว่าเด็กควรจะเป็นยังไง ...บ้าไปแล้ว
งานของเด็กควรจะเป็นงานที่มองไปในอนาคตไม่ใช่เหรอ ..แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเราเอารูปในอดีตอันไกลโพ้นของเรามาอวดกัน เฮ้ย..มันเป็นงานของผู้ใหญ่ที่คิดถึงตัวเองตอนเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่
งานวันเด็กควรเป็นงานแห่งความหวังไม่ใช่เหรอ?
แต่บรรยากาศมันช่างสิ้นหวัง พวกเราได้แต่นั่งมองหน้ากันแล้วกังวลว่าทำไมมีเด็กน้อยลงทุกปีๆ แล้วในเมื่อคุณค่าที่แท้จริงของงานถูกคุกคามด้วยความสิ้นหวังนี้ เราจึงหันเหความสนใจไปยังคุณค่าจอมปลอมอื่นๆเหรอ
มันทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง Children of Men เลย อยู่ดีๆก็ไม่มีเด็กเกิดใหม่ จนวันหนึ่งมีเด็กคนสุดท้ายมาเกิดขึ้นในโลกแห่งความกลียุค ทุกคนจึงเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงการเข้าถึงเด็ก หลังจากนั้นก็มีหนังที่มีเนื้อหาทำนองนี้อีกหลายเรื่อง เมื่อมนุษย์ไม่ยินดีที่จะให้กำเนิดเด็กอีก เราก็ไม่สนใจความเป็นความตายอีกต่อไป เด็กที่เกิดใหม่แบกรับความหวังของโลกทั้งโลก แทนที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุข พวกเขาจึงได้แต่อยู่ท่ามกลางความทุกข์ทรมาน
พวกเขาต่างเป็นความหวังสุดท้ายของเราทุกคน ทหารก็แย่งพวกเขาไปดูการโชว์อาวุธ รัฐบาลก็แย่งพวกเขาไปนั่งเก้าอี้นายก ทีวีก็ชวนเขามาดูการถ่ายทอดสดรายการ โรงพยาบาลก็ชวนให้พวกเขาลองมาเป็นหมอ เราทุกคนต่างยื้อแย่งฉุดกระชากจนแทบจะฉีกร่างเด็กน้อยเป็นชิ้นๆ
ไม่เคยมีผู้มีอำนาจสักคนเห็นคุณค่าที่แท้จริงของเด็ก ไม่เคยมีใครชวนให้เด็กได้หยุดพัก ..ได้เล่น ได้เป็นตัวของเขาเอง ไม่เคยบอกเด็กว่าหนูไม่พึงจะเป็นอะไรมากกว่าเป็นเด็ก ...แค่นั้นก็พอแล้ว
งั้นผมขอบอกเอง.. แด่เด็กน้อยทุกคน หนูไม่ได้เป็นความหวังของผู้ใหญ่งี่เง่าและสิ้นหวังทั้งหลาย หนูงดงามด้วยตัวหนูเอง แค่นั่งมองหนูพวกเราก็ชื่นใจแล้วจ๊ะ