iLaw
15h·
กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญให้ความเห็นแนวทางประชามติสู่รธน.ใหม่ ยันคำถามต้องเปิดกว้างและเลือกตั้งสสร.
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 9.00 น. กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) และเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ (CALL) เข้าแลกเปลี่ยนข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เวลา 9.30 น. เจ้าหน้าที่เริ่มอธิบาย
กระบวนการรับฟังความคิดเห็นทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า มีภาคประชาชนกลุ่มใดเข้าร่วมการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้บ้าง (อ่านรายละเอียดทั้งหมดด้านล่าง) ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจะไล่เรียงตามลำดับที่จัดไว้ ให้เวลาคนละ 2 นาที กรณีที่องค์กรมาสามคนสามารถสละเวลาให้ได้ จากนั้นนิกร จำนง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 จึงอธิบายคำถามสำหรับการรับฟังความคิดเห็นที่ให้ผู้เข้าร่วมกรอกแยกต่างหาก ประกอบด้วยคำถาม 6 ข้อ เช่น เห็นสมควรในการจัดทำรัฐธรรมนูญอย่างไร ทั้งฉบับ หรือยกเว้นหมวด 1 และ 2
เวลา 9.50 น. นิกรขอให้รอภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีก่อนเนื่องจากไม่อยากเริ่มไปก่อนโดยที่ภูมิธรรมยังไม่มา จนกระทั่งเวลาประมาณ 9.56 น. ภูมิธรรมเดินทางมาถึงโดยกล่าวในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า เรามีเจตจำนงที่แน่วแน่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เราเห็นว่า มีข้อจำกัดมากและมีลักษณะเป็นประชาธิปไตยน้อยมากหรือไม่เป็นประชาธิปไตย โดยมองเป้าหมายและหลักการดังนี้
1. อยากเห็นรัฐธรรมนูญ 2560 แก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด
2. การดำเนินการต้องมีรัฐธรรมนูญแก้ไขสำเร็จเป็นที่ยอมรับภายในรัฐบาลนี้ การเลือกตั้งครั้งใหม่ต้องเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ มีกฎหมายลูกที่พร้อม
3. รัฐธรรมนูญเขียนใหม่ได้และต้องผ่าน ต้องเป็นฉันทานุมัติหาจุดร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเสนอแล้วแต่ไม่ผ่าน ทำให้จมอยู่กับรัฐธรรมนุญฉบับเดิม
4. กระบวนการนี้พยายามรับฟังความเห็นให้มากที่สุด และให้มีคณะกรรมการรับฟังเพื่อเชิญประชาชนแต่ละภาคส่วนมาเสนอความเห็น
ภูมิธรรมระบุว่า วันนี้ทุกคนพูดได้เต็มที่และพยายามหาแนวทางที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามเจตจำนงของรัฐบาลคือ จะไม่แตะต้องหมวด 1 และ 2 และจะไม่เข้าไปละเมิดพระราชอำนาจไม่ว่าจะอยู่หมวดใด จากนั้นเวลา 10.09 น. จึงเริ่มเปิดประชุมมีความเห็นแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ทุกหมวดทุกมาตรา 2. เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยกเว้นหมวด 1 และ 2 3. เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยกเว้นหมวด 1 และ 4. เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แต่ไม่ได้มีการระบุถึงหมวด 1 และ 2 โดยบางกลุ่มอาจจะไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยตรงแต่บอกเล่าปัญหาของกลุ่มตนเองเป็นการเฉพาะ ซึ่งสิริพรรณ นกสวน สวัสดี ระบุว่า เนื้อหาปัญหาต่างๆเหล่านี้จะรับไว้เท่าที่ขอบเขตของกรรมการจะทำได้
ในส่วนของกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญเสนอกับคณะกรรมการฯ มีดังนี้
1. รูปแบบคำถามประชามติจะส่งผลโดยตรงต่อผลการทำประชามติ หากคำถามประชามติไม่ได้เป็นไปตามหลักการ “เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%” หรือมีการตีกรอบไม่ให้แก้ไขในบางหมวดบางมาตรา ก็อาจจะทำให้ประชาชนผู้ออกเสียงประชามติเกิดข้อสงสัย หรืออาจจะทำให้ตัดสินใจลงคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ ทำให้มีโอกาสที่เสียงส่วนใหญ่จะไม่ให้ความเห็นชอบไปด้วย และอาจจะเป็นการปิดประตูการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น คำถามประชามติจึงควรยึดหลักการว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ ให้รัฐธรรมนูญใหม่ต้องเขียนได้ทั้งฉบับและประชาชนเป็นผู้เลือกคนที่จะมายกร่างโดยตรง
2. ไม่จำเป็นต้องกังวลว่า สว. จะขวางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะหากคำถามประชามติเขียนไว้ชัดเจนว่าให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยผู้ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็เป็นเรื่องยากที่ สว. ที่แม้จะมาจากการแต่งตั้งจะปฏิเสธเสียงของประชาชน การทำประชามติจึงเป็นโอกาสที่ดีในการยืนยันหลักการอำนาจของประชาชนกับผู้ที่มาจากการแต่งตั้ง ในทางกลับกัน หากคำถามไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนตามหลักการข้างต้น ก็จะเป็นการเปิดประตูให้กับ สว. ในการกำหนดเงื่อนไขในชั้นการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภาจนทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำได้ไม่เต็มที่
3. สสร. ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่อยู่แค่เนื้อหาเท่านั้น แต่ที่มาที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รัฐธรรมนูญ 2560 ขาดความชอบธรรมในสายตาประชาชน ดังนั้น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จึงต้องคิดถึงเรื่องความชอบธรรมเป็นอันดับต้น โดยผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในประเด็นข้อกังวลว่าหาก สสร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดนั้นจะทำให้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญหรือตัวแทนรายประเด็น เช่น ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ชาติพันธุ์ หรือแรงงาน เข้าไปนั้น สามารถทดแทนได้โดยการกำหนดให้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เข้ามาช่วยเหลือได้ โดยใช้กลไกตั้งอนุกรรมาธิการเข้ามาให้ความเห็นหรือจัดทำข้อเสนอต่อ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
4. พ.ร.บ. ประชามติฯ ต้องไม่เป็นข้ออ้างถ่วงเวลา พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 กำหนดให้ต้องมีผู้มาออกเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งหมด ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าควรจะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเลิกหลักเกณฑ์นี้เสียก่อน อย่างไรก็ดี แม้หลักเกณฑ์นี้จะเป็นปัญหาจริง แต่ก็ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างในการทอดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกไป ประเด็นในเรื่องนี้แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับคำถามประชามติมากกว่ากฎหมาย เนื่องจากกระแสสังคมในปัจจุบันประชาชนตื่นตัวเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นทุนเดิม หากคำถามประชามตินำประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็ไม่เป็นเรื่องยากที่ประชาชนจำนวนมากจะออกมาใช้สิทธิลงคะแนน แต่หากคำถามประชามติมีปัญหา ก็อาจจะทำให้สัดส่วนผู้มาใช้สิทธิน้อยตามจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับคำถามประชามติ
พร้อมกันนี้ตัวแทนได้ยื่นข้อมูลการสำรวจความเห็นของประชาชนให้กับภูมิธรรมด้วย หลังจากที่ตัวแทนของกลุ่มภาคประชาชนได้พูดครบถ้วนทุกองค์กรแล้ว จึงเปิดให้ผู้สังเกตการณ์และกรรมการได้แสดงความคิดเห็น เช่น จาตุรนต์ ฉายแสงในฐานะผู้สังเกตการณ์ ระบุว่า เห็นด้วยที่ว่าการตั้งคำถามในประชามติครั้งแรกจะต้องเปิดกว้างไว้ก่อน ส่วนข้อถกเถียงประการอื่นให้ไปพูดคุยกันในตอนที่จะแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในขั้นตอนถัดไป ถ้าจะทำประชามติกัน เราต้องตั้งหลักก่อนว่า ทำเพื่ออะไร เราทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมอบอำนาจให้แก้รัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเราไม่คิดกติกาและการตั้งคำถามให้ดี เท่ากับเราขุดหลุมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอีกยาวนาน
นิกรระบุว่า จากการไปพูดคุยที่พรรคก้าวไกลมีความกังวลเรื่องการตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ออกเสียงตามพ.ร.บ.ประชามติฯ ที่อาจไม่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยแท้จริง วุฒิสาร ตันไชย ในฐานะประธานอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติ ระบุว่า ในประเด็นเรื่องพ.ร.บ.ประชามติฯ ได้เชิญกกต.มาพูดคุย ตอนนี้มีหลายเรื่องที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ เรื่อง double majority จริงๆแล้วมีความสำคัญ แต่อาจจะต้องทบทวนว่า มีความจำเป็นอย่างไร อีกประเด็นหนึ่งคือ กฎหมายประชามติในปี 2550 มีสองแบบคือ แบบผูกพันและแบบหารือ การหารือคือใช้เป็นประเด็นเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งจะผูกพันกับที่ไอลอว์กล่าวถึงคำถามที่ควรเป็นปลายเปิด กกต.มองว่า กฎหมายไม่ได้เขียนเรื่องหารือไว้ แต่เขามองว่า ยังไม่ยุติ
นิกรย้ำในตอนท้ายเรื่องการแก้ไขหมวด 1 และ 2 ที่เป็นคำสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้ แต่ทั้งสองฝ่ายมองไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ฝ่ายหนึ่งมองว่า ต้องตั้งคำถามแคบเรื่องนี้ไว้ก่อน มิเช่นนั้นจะมีความขัดแย้ง แต่อีกฝ่ายมองว่า หากตั้งคำถามแคบจะกลายเป็นความขัดแย้ง ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไป
—————————————————————————————
ภาคประชาชนที่เข้าร่วมการรับฟังความคิดเห็น
- สมาคมสันนิบาต
- กรรมกรและเกษตรอิสระ
- สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย
- กลุ่มศิลปิน
- กลุ่มสลัมสี่ภาค
- ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ)
- ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)
- เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสหากิจสัมพันธ์ (สรส.)
- สมาพันธ์รัฐวิสหากิจสัมพันธ์ (สรส.)
- สมัชชาคนจน
- รองเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ รักษาการแทนเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ
- ผอ. กองยุทธศาสตร์ประธานสภาเกษตรแห่งชาติ
- กลุ่มความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ
- ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (We Move)
- นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์
- ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์
- กลุ่มรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย
- ครช.
- ผู้แทนจากกรมเสมียนตรา
- ฝ่ายความมั่นคง
- สถาบันพระปกเกล้า
- ผู้แทนกรมพระธรรมนูญ
#conforall