วันพุธ, พฤศจิกายน 08, 2566

‘ผึ้ง’ แห่งทศวรรษนี้ ต่างกับผึ้งเมื่อ ๓ ทศวรรษที่แล้ว ไม่ต้อง “ดิ้นหนีพิษภัยที่ผจญ” แต่ “เข้าสู่การเมือง เพื่อจะได้ใช้อํานาจรัฐ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตทุกคน”

อ่านและชม ส.ส.หญิงสมุทรปราการ ให้สัมภาษณ์ มติชนสุดสัปดาห์ แล้วชวนให้ หวนอดีต’ (nostalgic) เมื่อ ๓ ทศวรรษที่แล้ว ในเนื้อร้องเพลง พุ่มพวง ดวงจันทร์ “ผึ้งได้กิน ใช่กินเพียงตัว ทางครอบครัวก็อิ่มกัน” มันลม้ายกับชีวิตยุคนี้

“การที่ครอบครัวหนึ่งต้องแบกภาระดูแลพ่อแม่แล้วมีลูกเล็ก โดนภาระบีบคั้นเหมือนแซนด์วิช” พนิดา มงคลสวัสดิ์ กล่าวในตอนหนึ่ง “ทุกวันนี้คนทํางานป่วยไม่ได้ เจ็บไม่ได้ เจ็บหนึ่งลําบาก ๔-๕ คน” นั่นละ ถ้าไม่เจ็บ อีกสี่ห้าคนก็ไม่ลำบาก

ดังนั้น ผึ้งแห่งทศวรรษนี้ จึงไม่จำเป็นต้อง “ดิ้นหนีพิษภัยที่ผจญ ต้องทุกข์ต้องทน เพื่อชีพตนและคนร่วมเดิน” อีกแล้ว เธอเล่าว่าตนเกิดกรุงเทพฯ ปากน้ำนี่ละ แต่บิดามารดามาจากอีสาน บรรพบุรุษก็อยู่ที่นั่น เกิดตายกันแถบนั้น

“ในสมุทรปราการจะมีคนแบบผึ้งเยอะ แบบเดียวกันหมดเลย...พอปิดเทอมก็จะกลับไปที กลับไปบ้านก็จะเจอเด็กที่เรียนสมุทรปราการเหมือนกัน เรียนกรุงเทพฯ เหมือนกัน” เธอว่านี่แหละปัญหา “ที่เกิดจากการไม่กระจายอํานาจ ทําให้ความเจริญกระจุกอยู่แค่ที่นี่”

ก่อนจะมาเป็น ส.ส. ผึ้ง พนิดา เล่าว่า “เคยเป็นแอร์ ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวเลย...ต้องการเป็นมงคลสวัสดิ์คนสุดท้ายที่จะลําบาก” ไม่ใช่ว่าจะได้แต่งตัวสวย ทำงานบนฟ้า แต่ชีวิตนางบิน ๕ ปี ได้บ้านมาหนึ่งหลัง กับหนี้อีก ๖ ล้านบาท

“ไม่ได้ทําให้ใครสบายเพิ่มขึ้น นอกจากพ่อแม่เปลี่ยนบ้านมาอยู่บ้านหลังใหม่ เพราะคนที่อยู่กับความจนมาตลอด โดนกดทับโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งนี้เจ็บปวดอะไรเท่าไร” ครั้นได้เห็นเพื่อนบางคนเหมือนคาบช้อนทองออกมาจากท้องแม่

จึงเริ่มรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เคยได้เผชิญ “เราเริ่มเรียนรู้ว่า (ชีวิต) มันดีกว่านี้ได้” เห็นภาพสะท้อน “ว่าไม่ว่าจะทํางานได้เยอะแค่ไหนคุณดูแลไม่ได้ทุกคนแน่นอน แล้วไม่ว่าคุณจะมีจิตใจเมตตาขนาดไหน คุณจะอยากช่วยคนขนาดไหน”

นั่นแลจึงถ่องแท้ว่า “คุณช่วยไม่ได้ทั้งหมดแน่นอน ถ้าคุณไม่มีอํานาจรัฐ” จึงได้เข้าสู่การเมือง เพื่อจะได้ “ใช้อํานาจรัฐในการยกระดับคุณภาพชีวิตทุกคน” และก่อนอื่นใด เธอต้องใช้อำนาจรัฐในฐานะตัวแทนปวงชน สร้าง สวัสดิการถ้วนหน้า

ด้วยสูตร ๓ พันบาทสำหรับผู้สูงอายุ ๑,๒๐๐ บาทสำหรับเด็กเล็กทุกคน อันจะทำให้ “พ่อแม่สบายขึ้น คนทํางานยิ่งสบายตัวขึ้น ไม่ต้องกดดัน” ดูจะเป็นการก้าวเดินไปข้างหน้า ท่าทางไกล แต่ถึงอย่างไร “ผึ้งก็หวัง แฟนผึ้งยังไม่เมิน ปล่อยผึ้งเดินที่สลัว”

(https://www.matichonweekly.com/column/article_724534RLkU1Q และ https://www.youtube.com/watch?v=BDIyE0LBGsU)