วันศุกร์, พฤษภาคม 12, 2566

@Bloomberg มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เรียกร้องการตรวจสอบสถาบันกษัตริย์ฝ่ายหนึ่ง กับกลุ่มอำนาจเก่าที่ห้อยโหนสถาบันมาตลอด เห็นได้จากการพ่นกำแพงวัง ที่กลายเป็นไวรัลไปในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับกระแสนิยมที่พุ่งพรวดของพรรคการเมืองหลักพรรคเดียวที่ประกาศแก้ #มาตรา112


Pipob Udomittipong
6h
.
@Bloomberg มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เรียกร้องการตรวจสอบสถาบันกษัตริย์ฝ่ายหนึ่ง กับกลุ่มอำนาจเก่าที่ห้อยโหนสถาบันมาตลอด เห็นได้จากการพ่นกำแพงวัง ที่กลายเป็นไวรัลไปในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับกระแสนิยมที่พุ่งพรวดของพรรคการเมืองหลักพรรคเดียวที่ประกาศแก้ #มาตรา112
“ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว” พิธาบอกกับ Bloomberg “คนที่จะเสียประโยชน์ เป็นพวก 1% ที่อยู่ข้างบน บรรดานายทุน ขุนศึก และชนชั้นอำมาตย์” นักวิชาการก็มองคล้ายกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการปะทะกันระหว่างกระแสอนุรักษ์จารีตนิยมที่เป็นศูนย์กลางอำนาจ กับฝ่ายที่เรียกร้องการปฏิรูป
Bloomberg ยังตั้งข้อสังเกตว่า การเลิกยืนในโรงหนังสะท้อนการเปลี่ยนผ่านด้านความคิดในสังคมไทย จากการไม่ยืนที่ไม่กี่ปีก่อนเป็นอาชญากรรมที่ถูกประนาม ถูกดำเนินคดี กลายมาเป็นเรื่องปรกติในสังคมที่คนจะไม่ยืนในโรงหนัง
พร้อมกับสรุปด้วยความเห็นองแกนนำกลุ่มราษฎรที่ปัจจุบันลงสมัครสส.ว่า แม้จะไม่มีผู้ประท้วงในท้องถนนอีกต่อไป แต่ผลกระทบจากการประท้วงยังมีอยู่ตลอดทั่วสังคม และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเขิงระบบได้
https://www.bloomberg.com/.../thailand-s-election-is...