วันเสาร์, พฤศจิกายน 12, 2565

ร้องป.ป.ช.สอบกสทช.ปล่อยควบรวมทรู-ดีแทค-2คนเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน



เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือขอให้มีการไต่สวนและตรวจสอบกรณีการปล่อยให้มีการควบรวมทรู-ดีแทค ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลัง กสทช.มีการลงมติเพียงแค่รับทราบการควบรวมกิจการ 2 ค่ายมือถือ โดยไม่ทำการยังยั้งการควบรวมตามอำนาจหน้าที่ที่ตนเองมี



น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนได้ทำการศึกษาราคาค่าบริการหลังควบรวมพบว่า ราคาค่าบริการจะสูงขึ้นและศักยภาพการให้บริการจะด้อยลง แตกต่างจากในตลาดมือถือที่มีการแข่งขันของรายใหญ่ 3 ราย แต่ กสทช.ไม่ทำหน้าที่ของตนให้เหมาะสมในการยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ในการลงมติของ กสทช. ที่เป็นมติพิเศษ มีหลักเกณฑ์ว่า จะต้องได้เสียงกึ่งหนึ่งในการลงมติ และคณะกรรมการในครั้งนี้มีทั้งหมด 5 คน จึงจะต้องลงเสียงให้ได้คะแนน 3:2 แต่มติในครั้งนี้คือ 2:2:1 งดออกเสียงหนึ่งเสียง หากว่ากันตามข้อบังคับการประชุมจะต้องได้ทั้งหมด 3 เสียงขึ้นไป

ดังนั้น กสทช.กำลังทำผิดกฏหมายที่ตนเองร่างขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การถือหุ้นโยงไปมา มีการตรวจสอบพบผลประโยชน์ทับซ้อนคือ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ รับผลประโยชน์ต่างๆจากกลุ่มซีพี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัททรู ไม่ว่าจะเป็นกรรมการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามสนามบิน และรับผลประโยชน์อื่นๆ ในฐานะนายกสมาคมคนตาบอด หากว่ากันด้วยเรื่องคุณสมบัติ นายต่อพงศ์ ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงคะแนนเสียงด้วยซ้ำ แต่กลับลงมติรับทราบกิจการควบรวม ขณะที่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ก็ได้แต่งตั้งที่ปรึกษา ซึ่งเป็นกรรมการอิสระของกลุ่มซีพี ชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน

“การลงมติควบรวมทรู-ดีแทค ของ กสทช.เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่ตนเองได้รับมอบอำนาจ และผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ ในหนังสือที่ยื่นแ ก่ป.ป.ช. มีการขอไต่สวน นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ นายต่อพงศ์ และ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เพื่อขอคำสั่งระงับฉุกเฉินเพื่อระงับการควบรวม เพราะถ้าหากปล่อยให้กระบวนการเดินไปข้างหน้าจะมีผลเสียมากกว่านี้จะแก้ไขก็ไม่ทันการณ์” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ที่มา เดลินิวส์
.....

Thanapol Eawsakul
16h

เพิ่งรู้ว่า ต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยเลวร้ายกว่าที่คิด
ยังไม่รวมถึง พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ที่จงใจละเว้นท์ปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งทั้งหมดนั้นคนได้ผลประโยชน์คือCP
.......
เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การถือหุ้นโยงไปมา มีการตรวจสอบพบผลประโยชน์ทับซ้อนก็คือ ต่อพงศ์ เสลานนท์ รับผลประโยชน์ต่างๆ จากกลุ่ม CP ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท TRUE ไม่ว่าจะเป็นกรรมการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามสนามบิน และรับผลประโยชน์อื่นๆ ในฐานะนายกสมาคมคนตาบอดฯ หากว่ากันด้วยเรื่องคุณสมบัติ ต่อพงศ์ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงคะแนนเสียงด้วยซ้ำ แต่กลับลงมติรับทราบกิจการควบรวม
.
นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการอีกท่านอย่าง พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ก็ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาของ ประสพสุข บุญเดช ซึ่งเป็นกรรมการอิสระของกลุ่ม CP ชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
.
“การลงมติควบรวม TRUE-DTAC ของ กสทช. เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่ตนเองได้รับมอบอำนาจ และผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ ในหนังสือที่ยื่นแก่ ป.ป.ช. มีการขอไต่สวน นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์, ต่อพงศ์ เสลานนท์ และ พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ หลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอคำสั่งระงับฉุกเฉินเพื่อระงับการควบรวม เพราะถ้าหากปล่อยให้กระบวนการเดินไปข้างหน้าจะมีผลเสียมากกว่านี้ จะแก้ไขก็ไม่ทันการณ์” ศิริกัญญากล่าว
.
#TheStandardNews