วาเล็นไทน์ปีนี้ สา’สุขไทยมีข้อแนะ ‘อนามัย’ นิวนอร์มอล ให้สวมทั้ง ‘หน้ากาก’ และ ‘ถุงยาง’ เพื่อความปลอดภัย วิถีธรรมชาติจัดจ้านสมเป็นกระทรวงกัญชง ตอนแก้โควิดบอกไม่ต้องวัคซีนก็ได้ พอถึง ‘เซฟเซ็กซ์’ ก็ ‘Self sex’ เอาแล้วกัน
จำเพาะเรื่องโควิดนั่นมีหมออีกคนออกมาสอนประชากร ให้ต้องระมัดระวังกันมากๆ นะ ต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ตามสูตรให้ดูแลตัวเองเป็นหลักใหญ่ ฟังไปก็เออดีนะ โฆษกสาธารณสุขปรามให้ช่วยกันควบคุม ขู่ว่าระลอกสองสามมาแน่
แต่สิ่งที่หมอ ศบค.คนนี้บอกกับประชาชนกลับเป็น ‘Propaganda’ โฆษณาชวนเชื่อไปเสียนี่ บอกว่า โควิด-๑๙ จะอยู่กับเรานานแค่ไหน “ขึ้นกับเรารักในหลวง พ่อของเราแค่ไหน เราปฏิบัติตามพ่อสอนเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแค่ไหน”
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ เอาวิชาสะกดจิตครอบงำความคิดอ่าน มาแก้ปัญหาไวรัสระบาดเช่นนี้ ทำให้ผู้คน ‘สมองชา’ ไม่รู้สึกรู้สากับภัยพิบัติสุขภาพซึ่งหน้า ภูมิคุ้มกันที่ว่าดีกว่าวัคซีนโควิดนี้นั้น มันเป็นมายาคติเหมือนกับที่พวก ‘คิวเอนอน’ ในอเมริกาคลั่งไคล้
แล้วดูสิสถานการณ์โควิดที่นั่นเป็นอย่างไร จากที่ควรรับมือการระบาดได้ดีที่สุดกลับเป็นโดนกระหน่ำร้ายแรงที่สุด เพราะผู้นำพยายามบอกประชาชนว่า ‘ศรัทธาเหนือกว่าวิทยาศาสตร์’ ดังที่สาธารณสุขไทยบอกให้พอเพียง ใช้แค่หน้ากากไม่ต้องใช้วัคซีน
มาถึงวันแห่งความรัก อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นห่วงวัยรุ่นไทยเตรียมเสียบริสุทธิ์กัน “โดยไม่ได้ป้องกัน ทำให้เกิดปัญหาท้องไม่พร้อมหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามมาได้” ในห้วงที่การระบาดของไวรัสยังไม่ยอมสยบง่ายๆ นี้ด้วย
จึงได้ออกแนวคิด น.น. ‘New Normal’ “ขอให้คู่รักเลือกใช้วิธีแสดงความรัก โดย ‘เว้นระยะห่างระหว่างกัน’ และลดการออกนอกบ้าน เช่น ส่งของขวัญให้กัน บอกรักผ่านวีดิโอคอล เป็นต้น” อีกทั้ง “ใช้มาตรการดังกล่าวควบคู่กับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศ”
การป้องกันที่ว่ามีห้าอย่าง นอกจากอย่าสำส่อน ให้ ‘รักเดียวใจเดียว’ และใช้คอนดอมเป็นนิจสินแล้ว มีบอกให้สวมทั้งหน้ากากอนามัยและถุงยางอนามัยควบไปพร้อมๆ กัน แล้วควรจะ “ทำความสะอาดร่างกายก่อนและหลังมีกิจกรรมร่วมกัน”
ทีเด็ดที่สุดเขาบอกต้อง No sex ถึงจะ Save คนฟังร้องว้าาา ถ้างั้นเขาอลุ่มอล่วยให้ “เลือกใช้วิธีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในที่ส่วนตัว” พอได้ แต่อย่าไปทำในที่สาธารณะก็แล้วกัน นอกนั้นให้พากันไปตรวจทั้งคู่หากพบว่ามีอาการไม่ปกติ
นี่ละรัฐไทย ‘ไตแลนเดีย’ ดูแลเรื่องในมุ้งของประชากรแทบจะทุกขุมขนอย่างเนี้ย แต่พอถึงเรื่อง ‘ละเมิดทางเพศ’ แม้จะเล็กน้อยแต่บ่อยๆ มักจะไม่แยแส ดังที่ เดอะ แม้ทเตอร์ เสนอรายงานสั้น “การล่วงละเมิดทางเพศในทุกกรณี ยังคงเป็นปัญหา”
ซึ่งถูกเปิดเบิ่งโดยกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ เรื่อง “นักเรียนชายของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก แอบถ่ายใต้กระโปรงนักเรียนหญิง แต่ครูที่รู้เห็นเหตุการณ์เลือกจะปิดข่าว และปกป้องนักเรียนชาย โดยอ้างว่ากลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงโรงเรียน”
กับการแก้ไขอัน ‘ไม่แปลก’ แต่ไม่ถูกต้องและไม่ได้ผล เริ่มด้วย “คุณครูพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มต้นที่การเตือนให้นักเรียนหญิงระวังตัวเองมากขึ้นด้วยการสวมใส่เสื้อซับ และกางเกงซับ” วิธีการเช่นนี้ฝรั่งเรียกว่า ‘Shame the victim’
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นหลังสุด ณ #โรงเรียนวิทยาศาสตร์ชื่อดังในย่านมะขามสูง จังหวัดพิษณุโลก นั่นคือแทนที่จะลงโทษคนร้ายให้หลาบจำ และเป็นตัวอย่างไม่ให้คนร้ายนั้นไปทำผิดอีก หรือเพื่อให้คนอื่นที่คิดจะทำแบบเดียวกันละอาย ‘เกรงกลัวต่อบาป’
กลับปกป้องผู้ผิดเพียงเพราะกลัวจะกระทบถึงชื่อเสียงของโรงเรียน เปรียบได้กับการปกป้องสถาบันกษัตริย์ด้วยการเอาโทษแก่พวกที่เปิดตาให้เห็นความเสื่อมที่เกิด หากศรัทธาสถาบันเป็นไวรัส การไล่ ‘เก็บ’ ผู้ป่วย ไม่ช่วยให้โรคร้ายหมดไปได้เลย
(https://www.facebook.com/thematterco/posts/2816022751946442, https://www.dailynews.co.th/regional/773808 และ https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5938163)