วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 10, 2563

ใครชอบ The Hunger Games คงชอบ Battle Royale โลกความรุนแรงของเด็ก ภายใต้กติกาของผู้ใหญ่ ครบรอบ 20 ปีแระ



Man On Film
December 7 at 9:17 AM ·

ครบรอบ 20 ปีหนัง Battle Royale (2000) โลกความรุนแรงของเด็ก ภายใต้กติกาของผู้ใหญ่
เมื่อสองทศวรรษก่อน คนดูหนังเป็นอันต้องตื่นตะลึงเมื่อหนังญี่ปุ่นหน้าตาประหลาดเรื่องหนึ่งเข้าฉายพร้อมเรตติ้ง R15+ ซึ่งนานทีปีหนจะมีหนังกระแสหลักฉายโรงเรื่องไหนคว้าเรตติ้งแสนโหดนี้มาครอง Battle Royale (2000) งานกำกับของคนทำหนังรุ่นเดอะ คินจิ ฟุคาซากุ ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันเมื่อปี 1999 ของนักเขียน โคชุน ทาคามิ กับพล็อตสุดเวียร์ดที่เล่าถึงการไล่ฆ่ากันเองของเด็กนักเรียนมัธยม! ก่อนที่ในเวลาต่อมามันจะกลายเป็นหนังขึ้นหิ้งในฐานะหนังที่ 'บันทึก' บรรยากาศความกดดัน การเปลี่ยนผ่านทางสังคมและการเมืองของญี่ปุ่นในยุคนั้นไว้ได้อย่างครบถ้วน
• หนังเล่าถึงโลกในอนาคตที่เต็มไปด้วยความอดอยากเสื่อมถอยของญี่ปุ่น เกิดคดีอาชญากรรมมากมายโดยเฉพาะในหมู่เยาวชน เพื่อจะกำราบเด็กเหล่านี้ รัฐบาลจึงออกกฎปฏิรูปการศึกษาด้วยการใช้เกม Battle Royale (BR) เพื่อทำการคัดเลือกเด็กให้เหลือแค่เพียงผู้รอดชีวิต ด้วยการสุ่มนักเรียนมัธยมมาห้องหนึ่งแล้วเอาไปทิ้งไว้ในเกาะร้าง นักเรียนทุกคนต้องสวมปลอกคอติดตามที่ระเบิดได้หากว่าพวกเขาพยายามทำลายมันทิ้งหรือหลบหนี กติกามีอยู่ไม่กี่อย่างคือให้นักเรียนลงมือฆ่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนให้หมดด้วยอาวุธ (ซึ่งมีทั้งธนู ค้อน ไปจนถึงของกิ๊กก๊อกอย่างกระดาษเปล่า!) ที่รัฐทิ้งไว้บนเกาะ โดยมีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น ถ้าหมดสามวันแล้วยังไม่มีผู้ชนะหนึ่งเดียว ปลอกคอจะระเบิดทันที
• หนังเล่าผ่านสายตาของ ชุนยะ (ทัตสึยะ ฟูจิซาวะ) เด็กหนุ่มที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนช็อคมาเมื่อพ่อแท้ๆ เพิ่งฆ่าตัวตาย หนำซ้ำตัวเองยังต้องมาติดอยู่บนเกาะกับเกมโหดอีก เขาพบว่าเพื่อนรอบตัวมีวิธีรับมือแตกต่างกัน หลายคนสติแตกและพยายามหลบหนีจนถูกคุณครู (ทาเคชิ คิตาโนะ) ฆ่าทิ้งหน้าตาเฉยตั้งแต่นาทีแรก บางคนถือคติยังไม่ออกล่าแต่หลบหนีก่อน ขณะที่บางคนก็ลงมือล่าอย่างสนุกสนาน และแปรสภาพให้เกาะเล็กๆ แห่งนั้นกลายเป็น 'นรกบนดิน' อย่างสมบูรณ์แบบ
• ทาคามิ คนเขียนนิยายบอกว่าเขาได้ไอเดียเรื่องนี้มาจากความฝันอันสุดขีดคลั่ง "ผมนอนอยู่บนเบาะฟูก ครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วเห็นภาพคุณครูในโรงเรียนที่เห็นจากโทรทัศน์เมื่อนานมาแล้ว ครูเขาบอกว่า 'เอาล่ะทุกคน ฟังทางนี้' [...] 'วันนี้ฉันจะให้ทุกคนฆ่ากันเอง!' ผมจำได้ว่าภาพที่เขาแสยะยิ้มไปพลาง พูดไปพลางนั้นมันชัดเจนมาก ผมหัวเราะนะ แต่มันก็น่ากลัวเหลือเกิน [...] และนั่นแหละ ผมรู้เลยว่ามีอะไรให้เขียนถึงแล้ว"
• คินจิ ฟุคาซากุ ผู้กำกับบอกว่าเหตุผลหนึ่งที่เขาปรารถนาในการดัดแปลงนิยายของทาคามิมาเป็นหนังเพราะว่า มันชวนให้เขานึกถึงสมัยที่เขากับเพื่อนร่วมชั้นถูกเกณฑ์ไปเป็นคนงานในโรงผลิตอาวุธของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และในเดือนกรกฏาคม 1945 โรงงานถูกศัตรูยิงถล่มด้วยระเบิด นักเรียนวัย 15 ที่ทำงานอยู่ในโรงงานปิดตายจำต้องใช้เพื่อน -ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไปแล้วจากแรงระเบิด- เป็นกำบังเพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ ฟุคาซากุบอกว่าในนาทีนั้น เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นโกหกพวกเขาเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองมาโดยตลอด และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารังเกียจเคียดแค้นพวกผู้ใหญ่มานับแต่นั้น
• Battle Royale ถือเป็นหนังทุนสูงอยู่มากหากวัดจากสมัยนั้น คือทุนสร้างอยู่ที่ 4.5 ล้านเหรียญฯ (แต่ก็กวาดกลับมาได้แบบชื่นใจสุดขีดที่ 30.6 ล้านเหรียญฯ) ก่อนถ่ายทำมีการเรียกแคสติ้งนักแสดงกว่า 6,000 ชีวิต คัดให้เหลือแค่ 800 คนที่ถูกสั่งไปออกกำลังกาย ศึกษาวิธีการแสดงอยู่ราวๆ หกเดือนก่อนที่ผู้กำกับจะคัดออกให้เหลือเป็นนักแสดงตัวจริงที่เราเห็นในหนัง 42 คน ขณะที่ทาเคชิ คิตาโนะ ถูกแคสต์มาด้วยหลายเหตุผลประกอบกัน เรื่องการแสดงอันน่าตื่นตะลึงของเขาก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือคิตาโนะมีฐานแฟนอยู่เยอะมาก -ทั้งในและนอกญี่ปุ่น- ทั้งยังเป็นพิธีกรรายการเกมโชว์เรตติ้งดีด้วย ฟุคาซากุที่กำกับหนังเรื่องนี้เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างเหมาะกับตัวละครของคิตาโนะในเรื่องเหลือเกิน นั่นคือเป็นผู้เฝ้าดูเกมโชว์โหดในหนังให้ดำเนินไปจนสุดทาง
• ส่วนคิตาโนะบอกว่า "ฟุคาซากุซังบอกให้ผมเล่นเป็นตัวเองอะ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่เขาบอกให้ผมทำแบบที่ผมทำในชีวิตประจำวันนั่นแหละ ผมเลยพยายามทำแบบที่เขาบอกน่ะ"
• อย่างไรก็ตาม ภายหลังหนังออกฉาย มันถูกหน่วยงานรัฐญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์ไม่เหลือชิ้นดี โดยเฉพาะที่หนังมันเล่นประเด็นความรุนแรงในหมู่เยาวชนอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ มากไปกว่านั้นคือนักแสดงในเรื่องก็อายุราวๆ 15-16 ปีซึ่งนับว่ายังเป็นผู้เยาว์ ขณะที่อีกด้าน หนังก็ได้รับเสียงตอบรับแง่บวกในฐานะที่มันฉายให้เห็นความอัดอั้น ความฟอนเฟะของสังคมผ่านเรื่องราวการทำลายล้างกันและกันของเยาวชน
• ความรุนแรงของหนังทำให้มันไม่ได้ออกฉายในสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างเป็นทางการ (เว้นแต่ไปฉายในงานเทศกาลหนังต่างๆ) ส่วนหนึ่งคือเพราะสหรัฐฯ เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์การกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์เมื่อปี 1999 ผู้คนจึงยังรู้สึกอ่อนไหวกับความรุนแรงในเด็กและไม่พร้อมสำหรับหนังเรื่องนี้นัก
• ในเวลาต่อมา เควนติน ทารันติโน เนิร์ดหนังผู้ชื่นชมหนังจากแดนตะวันออกบอกว่า Battle Royale คือหนึ่งในหนังที่เขาชอบมากที่สุด แถมพอเขากำกับ Kill Bill: Vol. 1 (2003) เขายังได้ตัว ชิเอกิ คุริยามะ นักแสดงจาก Battle Royale ไปร่วมแสดงในหนังด้วย
• มันถูกนำไปเทียบกับหนังหรือวรรณกรรมในฌ็องเรื่องคล้ายๆ กันอย่าง Lord of the Flies นิยายของ วิลเลียม โกลดิง ว่าด้วยเด็กประถมที่ประสบอุบัติเหตุไปติดเกาะด้วยกันและจำต้องเอาตัวรอดจนเผยให้เห็นสัญชาติญาณดิบเถื่อนของมนุษย์หรือ A Clockwork Orange (1971, สแตนลีย์ คูบริค) ที่ก็ว่าถึงโลกอนาคตอันล่มสลายกับเยาวชนที่ใช้ความรุนแรงอันไร้ขีดจำกัด หรือถ้าหลังจากนั้น หนังก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับไตรภาค The Hunger Games ในแง่ที่ว่าเป็นการจับคนโยนลงในพื้นที่ปิดตายแล้วให้ไล่ฆ่ากันเอง
• ในเวลาต่อมา มีนักวิจารณ์หนังหลายคนจับต้องไปยัง Battle Royale ในฐานะที่มันเป็นหนังสะท้อนความตึงเครียดของยุคสมัย ไม่เพียงแต่ความรุนแรงที่เกิดจากตัวผู้กำกับซึ่งเดิมทีก็อยากสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยประสบการณ์อันเลวร้ายในวัยเด็กของตัวเอง แต่ภาวะที่หนังเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนใช้กำลังห้ำหั่นกันอย่างรุนแรง ในโลกที่ผู้ใหญ่เป็นคนสร้างและกำหนดกติกา ก็เป็นสิ่งสะท้อนความป่วยไข้ของญี่ปุ่นในยุคนั้นได้เป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตัวละครหนึ่งในหนังพยายาม 'เจาะระบบ' ของผู้ใหญ่เพื่อช่วยเหลือทุกคนออกมาให้ได้ นำไปสู่เหตุการณ์อันท้าทายและทรงพลังเหตุการณ์หนึ่งในหนัง ฟุคาซากุบอกว่า "เวลาที่เด็กๆ เขาเติบโตขึ้นมาโดยเป็นพยานรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ ความตึงเครียดในเนื้อตัวของพวกเขาก็สูงขึ้นตามนั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้น ผมจึงวางบริบท Battle Royale ให้ด้านหนึ่ง มันก็ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างเด็กและผู้ใหญ่นั่นเอง"
...
Sarayut Tangprasert
15h ·

คนหนุ่มสาวบ้านเราพยายามที่จะต่อสู้เพื่อที่จะทำลายกรอบโครงครอบของ รัฐ ผู้ใหญ่ พ่อ-แม่ ครู กำหนดให้พวกเขาต่อสู้ เข่นฆ่า กัดกินกันเอง
พวกเขาไม่ได้ต้องการเป็นผู้ชนะ ผู้รอดชีวิต พวกเขาไม่ต้องการเป็นผู้ฆ่าหรือผู้ถูกฆ่า
พวกเขาไม่ได้ต้องการเป็นผู้กำหนดกรอบกติกา
พวกเขาต้องการทำลายแต่เพียงแค่ เกาะ กรอบ กติกาอันโหดร้ายทารุณ
แสดงความปรารถนาดีให้น้อยลง มีส่วนร่วมให้มากขึ้น ปลุกตวามหนุ่มสาวที่นั่งคุดคู้อยู่ในซอกหลืบที่มืดมิดในจิตใจคุณ ให้พวกเขาลุกยืนขึ้นมา