“อับอายขายหน้าไปทั่วโลก!” Sunai @sunaibkk แฉบนทวิตเตอร์ “๑๐ ธ.ค.วันสิทธิมนุษยชนสากล ตำรวจวางตู้คอนเทนเนอร์-ลวดหีบเพลงปิดล้อมสำนักงานยูเอ็น” เพราะกลุ่มเยาวชนคณะราษฎร จะไปยื่นหนังสือเรียกร้อง “ยกเลิก ม.๑๑๒”
และแล้ววันนี้ กวิ้น รุ้ง พร้อมเยาวชนที่โดนปักข้อหา หมิ่นเจ้า อีก ๗ คน จากทั้งหมด ๒๕ ไปนั่งเรียงแถลงที่อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา ใจความว่า เนื่องในวันนี้เป็นทั้งวันรัฐธรรมนูญและวันสิทธิมนุษยชนสากล แต่มีประชาชนถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพจาก ป.อาญา ๑๑๒
พริษฐ์ ชิวารักษ์ บอก “มาตรา ๑๑๒ เป็นการสร้างความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไม่สิ้นสุด” เพราะเอามาใช้ปิดปากประชาชน ถ้าไม่ยกเลิกไปเสีย ก็ “อาจมีการกลั่นแกล้งกันแบบนี้อยู่ต่อไป” แม้แต่เช้ามืดวันนี้เอง ก็มีมือร้ายไปขว้าง ‘ไป๊ป์บอมบ์’
เหตุเกิดราวตีสาม ไม่มีผลกระทบอะไรในทางกายภาพ นอกจากเศษระเบิดท่อพีวีซีและน็อตตกอยู่บนขั้นบันไดทางเข้า แต่แน่นอนว่าเป็นการข่มขู่ ต่อต้านงานแถลงข่าว “ยกเลิก ๑๑๒ สิ แล้วเราจะเล่าให้ฟัง” ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และม็อบเฟ็สต์
ขณะที่ตั้งแต่เมื่อคืนมีตู้คอนเทนเนอร์ล้อมด้วยลวดหนามหีบเพลง ไปตั้งซ้อนปิดถนนตรงสะพานมัฆวานฯ กั้นเป็นกำแพงทึบไม่ให้เข้าไปถึงสำนักงานยูเอ็นได้ สายหน่อยก็ “รถน้ำมาแล้ว รถน้ำแรงดันสูง ๒ คันมาจอดไว้” รอปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินกลาง
ส่วนฉากหลังภาพใหญ่ของประเทศ มาจากโอกาส ‘วันต่อต้านคอรัปชั่นสากล’ เมื่อวาน ๙ ธันวา ที่ประธาน ปปช.เปิดปาฐกถาพิเศษ เพื่อบอกว่าการทุจริตในไทย “มีมาอย่างต่อเนื่องจวบจนถึงทุกวันนี้ เป็นวิกฤติของประเทศที่สร้างความเสียหายอย่างมาก”
วัชรพล ประสานราชกิจ พูดถึงรูปธรรมที่ชัดเจนว่า “ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ มีการรับเรื่องกล่าวหาการทุจริต จำนวน ๑๐,๓๘๒ เรื่อง วงเงินงบประมาณของโครงการภาครัฐจากคำกล่าวหารวม ๒๓๘,๒๐๙ ล้านบาท” แต่ปี ๖๓ จำนวนที่ ปปช.รับไว้ลดลง
คือมีเพียง ๘,๖๙๑ เรื่อง ขณะที่ปี (งบประมาณ) ๖๔ แค่ผ่านมาสองเดือน “ป.ป.ช. มีเรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น จำนวน (ถึง) ๙,๔๑๖ เรื่อง และไต่สวนจำนวน ๓,๓๒๐ เรื่อง” จึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าตลอดปีหน้าจะไปทางไหน
ทำให้สรุป ทั้ง ๙ และ ๑๐ สองวันนี้ “ความปรารถนากับความเป็นจริงกลับสวนทางกัน” อย่างทั่นประธานฯ ว่า คือวันสากล ‘ต้านคอรัปชั่น’ ของไทยกลับตัวเลขสูง และวัน ‘สิทธิมนุษยชนสากล’ รัฐบาลไทยก็ทำการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเอิกเกริก
มิหนำซ้ำเมื่อวัน ๙ มีการแห่แชร์ ‘แบบเรียน’ ชีวิตกับสังคมไทย บนทวิตเตอร์กันมากมายผิดปกติ เพราะในหนังสือเล่มนี้ (ที่ราคา ๑๑๒ บาท) บอกว่า “สังคมไทยเป็นสังคมที่มีชนชั้น” โดยประเภท ‘ชั้นสูง’ นอกจากเหล่าเจ้าๆ แล้ว พวกรัฐมนตรีก็ได้ขึ้นขั้น
เกิดการวิจารณ์สนั่น โดยเฉพาะผู้ที่ (ยัง) เข้าใจว่ารัฐมนตรี (ต้อง) มาจากการเลือกตั้ง “เราเลือกตั้ง เลือกผู้แทนไปเป็นคนชั้นสูงกันหรือครับ” คอมเม้นต์ของผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งที่ ‘มติชน’ นำมาประกอบข่าวว่า “ไม่ใช่ให้มารับใช้ประชาชน” อย่างที่บอกตอนหาเสียงเหรอ
แล้วยังมีคนไทย (แท้มากกว่าคนอื่น) ที่เป็นหัวหอกโจมตีเยาวชนและคนที่เรียกร้องความเสมอภาคทางการแสดงความคิดเห็น เป็นหัวหน้ากลุ่ม ‘ภักดี’ กษัตริย์ ชื่อ วรงค์ เดชกิจวิกรม หลังๆ นี่มีสื่อต่างชาติสัมภาษณ์บ่อยฐานที่เป็น ‘ข้ารองบาททุกชาติไป’
หลายครั้งแสดงความเห็น ‘ขี้เท่อ’ ทำให้คนฟัง (ภาษาอังกฤษ) คิดว่ารอยัลลิสต์ไทยนี่โลกทัศน์แคบเหลือเกิน ครั้งหลังสุดวรงค์บอกกับ ‘ไว้ซ์นิวส์’ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ขณะนี้ ว่าเป็น ‘ม็อบล้มเจ้า’
“นี่คือม็อบที่มีความใฝ่ฝันล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะอำนาจอธิปไตยอยู่ที่นักการเมือง แต่พระมหากษัตริย์ท่านแค่เข้ามาเยี่ยมเยียน” นอกจากบิดเบือนเอาการ ‘ใฝ่ฝัน’ ได้ปฏิรูปสถาบันฯ ไปเป็น ‘ล้มล้าง’ แล้วยังรู้น้อย
ใครบ้างที่ไหนในโลกเข้าใจว่า “อำนาจอธิปไตยอยู่ที่นักการเมือง” ซ้ำกำกวม พูดให้ไม่เข้าใจว่า “พระมหากษัตริย์ท่านแค่เข้ามาเยี่ยมเยียน” หมายถึงตอนนี้ทรงแปรพระราชฐานจากบาวาเรียมาอยู่ที่แบงค็อค แล้วเสด็จออกพบเสื้อเหลืองน่ะหรือ
อีกทั้งมั่วซั่วและชั่วร้าย บอกว่า “โรงเรียนคือโรงงานที่ใช้ผลิตประชากร” เด็กนักเรียนทุกระดับต้องรับการฝึกฝนหนักๆ “เราต้องการเฉพาะเด็กดี เด็กเก่ง เด็กที่เชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น...เด็กที่เกิดมาต้องเชื่อเหมือนเราเท่านั้น” ด้วย
ฮ่วย ความคิดอ่านสั้นแค่นี้ เสียหน้าสถาบันฯ หมด
(https://www.youtube.com/watch?v=KOXaUrhoGlc..., https://www.prachachat.net/politics/news-570969, https://www.matichon.co.th/politics/news_2479607 และ https://www.innnews.co.th/crime/news_840208/)