วันศุกร์, ธันวาคม 18, 2563

ร้องแก้ ๑๑๒ ยังกระหึ่ม ‘ตัวดี’ ไม่รู้ฟัง ‘ตัวร้าย’ ไม่รู้ไม่ชี้ เอาแต่แก้ตัว แก้ผ้าเอาหน้ารอด และยังแก้แหกันประจำ ดู 'ตัวอย่าง' คดีโทรมหญิง


ร้องแก้ ๑๑๒ ยังกระหึ่ม แต่พวก ตัวดี คงทำเป็นไม่รู้ฟัง ซ้ำ ตัวร้ายไม่รู้ไม่ชี้ ทำไก๋อวดอ้างศักดาต่อไป อ้าง “ผมนี่แหละคนคิด” โครงการช้อปหาบเร่แผงลอย วัดช่วยโยมจ่าย คนละครึ่ง ยอดสูงสุด ๓,๕๐๐ บาท เข้าสู่เฟสที่ ๒

เฮียทู้บเค้า พูดเองเออเอง ว่านี่เป็นโครงการยอดนิยมยุค ‘We love them all the same.’ แหม จะพูดอะไร เหลือบฟัง โฟกัส หรือยัง เธอถามง่ายๆ “ถ้าสุดท้ายแล้วโครงการนี้ประชาชนต้องใช้หนี้ร่วมกัน ทำไมถึงไม่ได้สิทธิทุกคนคะ”

เอิ่ม เอางี้ ร้องเพลงดีกว่า “ถ้าเขาจะรัก อยู่เฉยๆ เขาก็รัก” เอ๊า เพลงฮิตในม็อบด้วยนิ มาดหมายเดียวกันหรือเปล่า ในเมื่อเด็กม็อบร้องเพลงนี้กันเพราะเห็นว่า ๑๑๒ บังคับจิตใจเกินไปนะ ไม่ใช่เรื่องวัดเอาเงินบริจาคของโยมไปโปรยทานบางที่


นอกจากไม่ยอมแก้ไข เอาแต่แก้ตัว แก้ผ้าเอาหน้ารอด และยังแก้แหกันประจำ แก้รัฐธรรมนูญอุตส่าห์ ไฮแจ็คเข้าไปอวดว่าจะทำเอง ที่ไหนได้ หนอนบ่อนไส้ ม้าไม้เมืองทรอย วาระกรรมาธิการประชุมพิจารณา ให้ สว. รองประธานฯ คุมเกม

มหรรณพ เดชวิทักษ์ วางอำนาจบาตรใหญ่ สั่งปิดประชุมเสียงั้น หลังจากโดนกรรมการจากพรรคฝ่ายค้านอภิปรายซักไซร้เข้าถึงกระดองใจว่ามีความจริงใจในการแก้ไขหรือเปล่า เท่านั้นหละทำยั๊ว ประเด็นไม่เห็นจะซับซ้อนอะไร แค่เถียงกันว่าจะให้แก้ยากหรือง่าย

สังคมอันเป็นเช่นกะลาครอบนี้ มีร้อยเก้าพันประการจำต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง ให้ตอบรับกับประชากรรุ่นที่กำลังเติบโต ไม่ใช่ติดยึดกับรุ่นที่กำลังจะตกหายตายจาก มันต้องแก้กันที่แม่บทเสียก่อน แล้วค่อยไล่เรียงเก็บเรื่องปลีกย่อย

ยกตัวอย่างการปฏิรูประบบบังคับใช้กฎหมาย (ซึ่งก็ต้องปรับแก้กฎหมายหลายมาตรา ที่คณะยึดอำนาจจัดวางไว้สืบทอดอำนาจนั้น เสียก่อน) หลายต่อหลายอย่างในรายละเอียดมันผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ชนิดที่ขืนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อไป ระเบิดแน่

เช่น สถานที่ราชการในพระองค์แห่งหนึ่ง บังคับให้พนักงานเพศหญิงตัดผมสั้นขาวสามด้านอย่างพนักงานชาย แล้วสำนักงานแห่งนี้เป็นที่ครหาในต่างประเทศว่าคือ ฮาเร็ม ก็ยังอึมครึมอยู่ว่าข้อกล่าวหานั้น โคมลอยจริงไหม แค่ไหน

เพราะระบบการพิสูจน์ความจริง และความบริสุทธิ์ผ่านตัวบทกฎหมายเอง ก็ยังไม่เป็นธรรมเพียงพอ ดูจากเรื่องที่เขากลุ้มรุมดูกันบนทวิตเตอร์เมื่อวานนี้เอง เจ้าของบัญชี Jommi @jommi23682478 เก็บเอามาเล่า เมื่อตอน “น้่งฟังสอบสวนคดีโทรมหญิง


...ตำรวจถามกระทั่ง เค้าสอดอวัยวะเพศเข้าไปแล้วชักเข้าชักออกเป็นจำนวนทั้งหมดกี่ครั้ง” หลายคนที่เข้าไปรับฟังและเสวนา ล้วนบอกว่า “การขึ้นศาลคดีแบบนี้เหมือนการข่มขืนเหยื่อซ้ำสอง” (@zezaangle) และเรื่องมันละเอียดลงไปยิ่งกว่านั้น

เจ้าหน้าที่ถามต่อ “เค้าถอดกางเกงแล้วทำอะไรคะ ถอดกางเกงในออกด้วยมั้ย กางเกงในเค้าสีอะไร กางเกงเค้าเป็นยังไง เค้าแตกมั้ย ในหรือนอก เสร็จท่านี้แล้วไปท่าไหนต่อ อธิบายท่านี้ด้วยค่ะ มันขยับยังไงคะ ใครขยับยังไง เราขยับมั้ย”

ที่ตำรวจถามลึกอย่างนั้น นัยว่า “เค้าจะเอาไปเทียบกับผลตรวจทางการแพทย์ว่ามันสอดคล้องกันมั้ย...ตอบเท่าที่ไหว ไม่ไหวขอพัก ขอเปลี่ยน พนง.สอบสวนได้...แต่ถ้าพักก็จะต้องสืบสวนนานขึ้น” ผู้เล่าบอกว่าเคสนี้สอบสวนไปทั้งสิ้นประมาณ ๕ วัน แล้วยังไม่จบ

“เหมือนไปเหยียบแผลเค้าเลยค่ะ ที่ผ่านมาเค้าก็เจ็บมากพอแล้วยังไปซ้ำเค้าที่เก่าอีก คนเรามันจะต้องแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอคะ ที่ต้องมานั่งตอบคำถามแบบนี้”  李尖尖 @viewclub รำพึง แล้ว ตะน้อน ˁ˙˟˙ˀ @ireadingnovels มาตอบ

“ใช่ค่ะ คดีข่มขืนถึงเป็นคดีที่ยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายใจไม่พร้อมก็จะไม่มีการฟ้องหรือสอบสวน มันถึงมีคำเปรียบเทียบที่ว่า โดนข่มขืนครั้งเดียวเหมือนโดนข่มขืนหลายครั้งซ้ำๆ สภาพจิตใจจะแย่มาก” แม้นว่าได้มีการแก้ไขใหม่ มาตรา ๒๘๑ แล้วเมื่อพฤษภา ๖๒

“คงเหลือให้เป็นความผิดยอมความได้เฉพาะการข่มขืนระหว่างคู่สมรส ในบางพฤติการณ์ที่ไม่รุนแรงเท่านั้น” โดยที่หากเป็นการ โทรมหญิงก็ไม่สามารถยอมความได้ ทำให้ “น่าจะมีส่วนช่วยสร้างความรับรู้ให้กับคนในสังคม โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่”

จึงไปลงเอยในข้อสรุปของการเสวนาบนทวิตเตอร์นั้น ว่า “กฎหมายควรปรับให้มันตรงกับความเป็นจริงได้แล้ว” (@mumimm_10)

(https://twitter.com/jommi23682478/status/1339200354022350849, https://www.matichon.co.th/politics/news_2490148 และhttps://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10161249284894848)