วันจันทร์, เมษายน 06, 2563

ข่าวคราว 'ดร.ศิลปชัย' ในนิวซีแลนด์ จาก 'ตั้ง อาชีวะ'



ชีวิตของศิลป์ชัย ตอนที่1
ชีวิตของ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักศาสนวิทยา พังเพราะใคร? พังเพราะลูกเพจ? หรือตัวแกเอง?

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับ ว่าผมเป็นคนรับรองให้ตัวแกได้ออกมาเหยียบนอกสนามบินที่ Auckland โดยการเอาความเป็นพลเมืองของผม (ทั้งผมและภรรยา) และบ้านเลขที่อาศัย ไปรับรองที่ Immigration เพื่อเป็นตัวประกันและยืนยันว่ามีคนรับรองจริง มิฉะนั้นเขาอาจจะถูกส่งกลับไทยหรือถูกส่งกลับไปประเทศ Fiji

และนี่ก็เป็นสเต็ปแรกในการยื่นมือเข้าไปช่วย ดร.ศิลป์ชัย ให้พ้นจากภัยแบบที่เขากล่าวอ้าง โดยถ้าเกิดมีอะไรติดขัดในช่วงที่รับรองแกที่สนามบิน ผมเองได้จัดทีมทนายและฝ่ายกฎหมายไว้พร้อม แต่ด้วยความที่ผมสปอนเซอร์ให้ ก็เลยใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีในสนามบิน สุดท้ายก็ไม่ถูก ตม. กักตัว

***ก่อนมา New Zealand

คือตอนแรกเขาเดินทางไปหลายประเทศทั่วยุโรป เพื่อที่จะเข้าไปแทรกซึมอยู่ในวงจรของผู้ลี้ภัยต่างๆ และจุดหมายหลักของเขาก็คือ การที่ได้เข้าไปกระทบไหล่ของ สมศักดิ์ เจียมที่ปารีส ศิลป์ชัยพยายามที่จะไปติดต่อคนนู้นนี้นั้น และเอาเงินไปล่อคนที่คิดว่าใกล้ชิดสนิทที่สุดของเจียม เพื่อหวังจะเข้าไปถึงตัวสมศักดิ์เจียม โดยอ้างว่าอยากบริจาคเงินเพื่อให้สมเจียมและขอถ่ายรูปมาเพื่อไปแปะในเพจ เรียกคะแนนจากติ่งและอยากจะยกระดับตัวเองให้เทียบเท่ากับเขา

ผลสุดท้ายเป็นศูนย์ อีกอย่างศิลป์ชัยได้เดินทางไปเกาะคนไทยลี้ภัยและคนไทยที่ค่อนข้างจะมีฐานะเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้มีค่าใช้จ่าย แต่อยู่ที่ไหนก็ไม่ได้นาน เพราะมีปัญหากับเจ้าบ้านในการรักษาความสะอาด ที่สุดท้ายก่อนที่เขาจะบินมาประเทศนิวซีแลนด์ก็คือ ประเทศฟินแลนด์ ไปอยู่กับคุณเล็ก จรรยา ยิ้มประเสริฐ แต่ก็ไปทำสกปรกในบ้านของเขาจนต้องถูกเชิญออก หลังจากนั้นแกก็พยายามติดต่อมาหาผม และตอนหลังก็ทราบมาว่า แกอ้างว่ามีภัยและจะโดน 112 แต่ทำไมขึ้นเครื่องของการบินไทยเกือบทุกไฟล้ท์เลย สรุปคือยังไง???? บินไปถึงยุโรป แต่ไม่ลี้ภัยที่นั่น??????

****ดร.ศิลป์ชัย เขามีภัยจริงไหม?

ต้องบอกก่อนครับว่า ผมนายเอกภพ เหลือรา มีคดี 112 ติดตัวและไม่ไปรายงานตัวกับ คสช. โดนถอนพาสปอร์ต และอีกหลายๆ คดีทางการเมือง รวมๆ ถ้าติดคุกก็ร่วมๆ 100 ปี คราวนี้ ดร.ศิลป์ชัยแกยื่นหน้าเข้ามาในโลกออนไลน์ อยู่ๆ ก็โผล่มาเล่นประเด็นของ ร.10 แบบเจาะจง และจะเล่นหนักไปทางเรื่องของก้อย ผมเองก็นึกว่าแกโดนหมาย 112 และโดนล่าจนอยู่ไทยไม่ได้ ก็เลยติดตามแกด้วยความที่ลองไปคุยกับแกแล้วรู้สึกถูกแกโน้มน้าวจนผมตกหลุมไปสู่ความเห็นใจของแก ก็เลยพยายามติดต่อกันทุกครั้งทุกวัน เพื่อเตรียมตัวรับรองแกมา

แต่พอมาถึง NZ ผมก็ไล่ให้แกไปทำเรื่องลี้ภัยทันที แต่ด้วยความที่แกเป็นคนที่ขี้เกียจและอืดอาด ต้องรอแต่ความหวังของคนอื่น ผมเลยต้องเฆี่ยนทุกครั้งในเรื่องเอกสาร ยอมลงทุนขับรถจากบ้านที่ Wellington ไปส่งถึง Auckland ระยะทาง 700 โล ไปกลับก็ร่วมๆ 16 ชม. (ทำแบบนี้สองรอบ) ด้วยความที่ต้องช่วยเหลือเขาทุกด้าน ในเรื่องค่าใช้จ่ายผมจัดเต็มให้ ไม่ว่าโรงแรมสุดหรูเพราะอยากให้แกสบายและได้พักผ่อน สองที่คือคืนแรกโรงแรมสุดหรูที่ Auckland และคืนที่สองที่เมือง Taupo

ในระหว่างพักที่อยู่ตามโรงแรมต่างๆ ผมขอดูเอกสารการลี้ภัยของแก แต่ผมเอะใจตรงที่หลักฐานในการยื่นลี้ภัยของแกมันเป็นเพียงแค่ข้อความในไลน์ของใครก็ไม่รู้ที่ส่งมาให้ แล้วแกใช้ตรงนั้นไปยื่นให้กับหน่วยงานของ NZ คราวนี้ผมก็เลยถามแกไปตรงๆ สรุปแกไม่มีหมายใดๆ เลยสักหมายเดียว พูดง่ายๆ ก็คือแกตื่นตูมและไม่นิ่งพอก็เลยหาเรื่องใส่ตัว นั่นเป็นที่มาของที่ผมยังตั้งขอสงสัยว่า แกมีภัยจริงไหม?

****สถานะของตัว ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ ตอนนี้เป็นยังไง?

ย้อนกลับไปวันแรกวันที่ผมเอาสิทธิความเป็นพลเมืองไปค้ำประกันเพื่อรับรองแกออกมา เพราะแกมาแบบโดดร่ม คือแกไม่มีวีซ่าของนิวซีแลนด์เลย วันนั้นผมไปรับรองแกจนแกได้วีซ่าชั่วคราวมา 1 เดือน ซึ่งใน 1เดือนสามารถเดินเรื่องจนลุล่วงได้ถ้ามีความกระตือรือล้นมากพอ คราวนี้ระหว่างที่แกยื่นเอกสารผมเองก็ช่วยแกทุกครั้ง

มีครั้งหนึ่งผมพยายามจะช่วยให้แกได้ Work visa ซึ่งผมเองก็ได้หาทางช่วยแกเต็มที่จะเกือบจะได้ Work visa 3 ปี แต่!! แกเลือกที่จะปฏิเสธ ด้วยเหตุผลของแกที่ว่า "โทษทีนะตั้ง อาจารย์จบ ดร.มา อาจารย์ไม่อยากลดตัวไปเป็นแรงงาน อาจารย์อยากจะเป็นอาจารย์สอนในมหาลัยที่ NZ ไม่ใช่แรงงานต่ำๆ" พอผมกับแฟนได้ฟัง นึกในใจ "เชี่ย มึงโง่ป่าวว่ะ Work visa นี่โคตรสวรรค์เลย"

แต่ศิลป์ชัยเองอยากจะได้สถานะผู้ลี้ภัยมากกว่า จะได้เอาไปโชว์ในโลกออนไลน์ว่าฉันได้เป็นผู้ลี้ภัยแล้ว ฉันเทียบเท่าสมเจียม และคราวนี้ผมก็มองเข้าไปในหัวแก เหี้ย เป็น ดร. คิดได้แค่นี้เองหรอวะ แล้วพวกติ่งที่ตามแกจะรู้ไหมวะว่า ไอ้เชี่ย ดร. นี่เพี้ยน โคตรๆ คราวนี้วีซ่าชั่วคราวของแกไกล้หมด แกก็ไม่ตามเรื่องอะไรเลย จนผมกับแฟนต้องจี้ต้องเฆี่ยน ก็เลยพาแกไปส่งที่สำนักงานใหญ่ Immigration พร้อมยื่นใบรับรองไปอีก จนแกได้วีซ่าชั่วคราวมาอีก 6 เดือน ด้วยความที่ผมมองแกว่า "ไอ ดร.คนนี้มันมาแนวไหนวะ" แต่อีกใจก็รักแกไม่อย่างนั้นก็คงไม่ไปรับรองแกออกมาจากสนามบินแน่นอน

ศิลป์ชัยเป็นคนที่กลัวว่าตัวเองจะแปดเปื้อนสีเสื้อ พูดง่ายๆ ก็คือแกยังเป็นสลิ่มอยู่ ยังมีความเป็นอีลีทสูง สรุปก็คือตอนนี้แกยังเป็นแค่คนเร่ร่อนที่ไร้การรับรองใดๆ ไปแบบไร้จุดหมาย สถานะของแกตอนนี้ ตลาดล่างกว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาที่มาตั้งรกรากที่ NZ เสียอีก

******เจอกันในตอน 2 นะครับ วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวรอบหน้ามาต่อในเรื่องระยะเวลาสามเดือนนรกที่ผมกับศิลป์ชัยอยู่ร่วมกัน ใครไม่ตามถือว่าพลาด*****จบ----สวัสดี

(เก็บเอามาแชร์จากเพจของ เอกภพ เหลือรา https://www.facebook.com/search/top/?q=eakapop%20luara&epa=SEARCH_BOX)