วันเสาร์, กรกฎาคม 13, 2562

ไฟเขียวฆ่า ‘ไฟเย็น’ จะเป็นแค่ขู่หรือเอาจริง ต้องช่วยกันกระจาย


ไฟเขียวฆ่า ไฟเย็นจะเป็นแค่ขู่หรือเอาจริง ทั้งที่มีเล่นแบบนี้มาแล้วนับสิบครั้ง ไม่ใช่ประเด็นให้ถกอีกต่อไป ความจริงคือการ คุกคามสวัสดิภาพของผู้เห็นต่างทางการเมืองไทย โดยใช้ข้อหา หมิ่นเจ้า หรือ ไม่จงรักภักดี สุดแท้แต่

ข้อความที่ส่งไปยังบัญชีไลน์ของ Romchalee Yammy Sinseubpol เมื่อเวลาใกล้เที่ยงครึ่งในประเทดลาว “จากใครก็ไม่รู้ ไม่ได้เป็นเพื่อนกันใน LINE ไม่มีรูปโปรไฟล์” รมย์ชลี หรือแยมมี่ ไฟเย็น เล่าเรื่องทางเฟชบุ๊คไล้ฟ์กับ Junya Yimprasert นักกิจกรรม ผู้ที่วิพากษ์สถาบัน (คำของ ประชาไท’) ในยุโรป

“นี่คือสัญญานเตือน ถ้าไม่มอบตัวจะจับตายทันที ทางหน่วยของเราได้เข้าถึงตัวของพวกคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราได้ส่งกองรบพิเศษซุ่มดูคุณทุกวัน ถ้าไม่มอบตัวเราจะจับตายทันที” ผู้ส่งข้อความที่ใช้ชื่อบัญชีเพียงจุดเล็กๆ จุดเดียว เปิดฉาก

“คิดจะหนี หนีให้รอด ถ้าหนีคืนนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะฆ่าทิ้งทันที ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงต่อประเทศ” แบบนี้ไม่ใช่ขู่ละ แต่เป็นการบังคับให้จำยอม” แต่ก็อ้างว่า “เรามาเพื่อเจรจา...ยังไม่จับตอนนี้เพราะยังไม่มีคำสั่ง” แต่ก็กลับคำทันใดว่า

“แต่ตอนนี้ไฟเขียวมาแล้ว เตรียมตัวให้ดี พวกผมไม่อยากฆ่าใคร” พร้อมยื่นคำขาด “มีสามอย่างให้เลือก คือหนึ่ง ส่งตัวแทนมาเจรจา สอง ตายโดยไม่รู้สาเหตุ สาม โดนจับลักลอบเข้าเมือง” ล้วนเป็นทางเลือกที่ทำไม่ได้ทั้งสิ้นถ้ายังไม่อยากตาย

ข้อแรก ใครจะเป็นตัวแทนไปเจรจาให้ได้ ในเมื่อพวกเขาวงดนตรีไฟเย็นทั้งคณะที่กำลังลี้ภัยอยู่ในประเทศลาว และพยายามติดต่อกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย (ซึ่งมีสาขาใกล้ที่สุดในประเทศกัมพูชา ไม่งั้นต้องที่ไทย) ขอลี้ภัยต่อไปยังประเทศที่สาม

สถานะยังคง ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือจะเป็นดังที่เพจ ข่าวโหดhttps://khaohod.net/99/ จ้วงจาบว่า “จะออกบ้านไปไหนก็ไม่ได้ พวกมึงมันไม่มีแผ่นดินจะซุกหัวนอน ลาวก็ไล่ไทยก็ไม่เอา เงินทองก็เริ่มหมดรายการวิทยุก็เปิดไม่ได้”
 
ข้อสองไม่ต้องพูดถึงว่าน่าสพรึงกลัวเพียงใด ในเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานเกิดเหตุการณ์กับผู้ลี้ภัยแบบเดียวกันอีก ๘ ราย ดังที่ประชาไทรายงานไว้ ขอนำมาแพร่หลายซ้ำสำหรับผู้อ่านที่ยังไม่รู้เบื้องหลัง “นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมามีผู้ลี้ภัยทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านหายตัวไป...

ดีเจซุนโฮ หรืออิทธิพล สุขแป้น หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ โกตี๋ หรือ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) หายตัวไปพร้อมกับผู้ติดตาม ๒ คน คือ ไกรเดช ลือเลิศ (สหายกาสะลอง) และชัชชาญ บุปผาวัลย์ (ภูชนะ) เมื่อปลายปี ๒๕๖๑

โดยสหายกาสะลองและภูชนะ ถูกพบเป็นศพลอยแม่น้ำโขงเมื่อต้นปี ๒๕๖๒ ขณะที่ยังไม่พบร่องรอยของสุรชัย ลุงสนามหลวง ชูชีพ ชีวสุทธิ์ มีรายงานว่าเขาพร้อมผู้ติดตาม ๒ คน คือ กฤษณะ ทัพไทย (สหายยังบลัด) และ สยาม ธีรวุฒิ (สหายข้าวเหนียวมะม่วง)

...ถูกส่งตัวจากเวียดนามมายังประเทศไทยเมื่อ ๘ พ.ค. ๒๕๖๒ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยว่ามีการนำตัวพวกเขามาจริงหรือไม่ หรือนำตัวไปไว้ที่ใด หรือพวกเขายังไม่ชีวิตอยู่หรือไม่”


ข้อเสนอที่สามนี่ไม่ใช่ทางให้เลือกอย่างแน่นอน ในเมื่อข้อความบ่งว่า ถ้ายังอยู่ที่ลาว “เราจะประสานกับทางการที่นี่ ให้จับในข้อหาลักลอบเข้าเมือง แล้วจะทำเอกสารส่งตัวมาประเทศไทยคืนนี้” รวมความว่าทางออกที่ให้มีแค่ส่งใครไปเจรจา

ซึ่งผู้เป็นตัวแทนถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ลาวเอง ก็ต้องเป็นตัวแทนขององค์กรสิทธิมนุษยชนต่างชาติ วิธีนี้น่าจะทำให้รู้เบาะแสบ้างว่าใครกันเป็นผู้ส่งข้าความคุกคามดังกล่าว โดยคำนึงถึงรายงานที่ว่า

“ครอบครัวของหนึ่งในสมาชิกวงไฟเย็นได้รับการติดต่อจากนักการเมืองคนหนึ่ง โดยมีการขอให้ช่วยนำตัวสมาชิกวงไฟเย็นเข้ามอบตัวกับทางการไทย” จึงพอสันนิษฐานได้ว่าการส่งข้อความคุกคามถึง แยมมี่เช่นนั้นเป็นการพยายามกดดันอีกครั้งให้มอบตัว

น่าจะเป็นปฏิบัติการ ไอโอหรือเต้าข่าวโดยหน่วยงานทหาร เพียงแต่การใช้คำ ไฟเขียวฆ่าทิ้งไม่ได้ทำให้กองทัพไทย และ/หรือรัฐบาลใหม่ของ คสช. ดูดีในสายตานานาชาติเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยต่อการปกป้องผู้ถูกขู่จากการ อุ้มหายได้มากนัก

ทางเดียวที่คนทั่วไปผู้ตระหนักถึงความป่าเถื่อนเลือดเย็นของหน่วยทหารไทยที่ทำกับประชาชน จะรักษาชีวิตกลุ่มผู้เห็นต่างได้ ก็ด้วยช่วยกันแพร่ขยายข่าวการคุกคามนี้ไปให้ทั่วโลกรับรู้ ว่ารัฐไทยไม่มีอารยะคู่ควรกับประชาคมโลก

ดังที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวไว้ รัฐบาลไม่ใช่ชาติ คสช.ไม่ใช่ชาติ เราเพิ่มเติมให้ว่ากองทัพพก็ไม่ใช่ชาติ การประจานความชั่วร้ายของกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่ใช่ ชังชาติอย่างแน่นอน