วันเสาร์, ธันวาคม 29, 2561

โอกาสฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย 'มี' นะ ต้องดูที่ 'Thailand Poll'

ต่อการที่ ปปช. ป้องประวิตรแห่งชาติ (sure) ทำให้องค์กรต้านทุจริต-ต้านคอรัปชั่น ที่อาจเคยต้านแค่คนๆ เดียว เดี่ยวนี้ออกมาร้องกันระงม

ไม่ว่าจะเป็น ต่อตระกูล ยมนาค หรือว่า มานะ นิมิตรมงคล คนหนึ่งประกาศไม่ร่วมงานด้วย อีกคนตั้งสี่คำถาม ถึงมาตรฐาน ป้องคอรัปชั่นยุค คสช.
 
ย้อนไปถึงกรณีที่ เรื่องเล่าเช้านี้ เปิดข่าว “อดีตผู้บริหารโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นขึ้นศาล ยอมรับติดสินบน (เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงคมนาคม) ไทย ๑๑ ล้านบาท...แลกกับการอำนวยความสะดวกในการขนเครื่องจักรขึ้นท่าเรือที่จะนำไปใช้ในการก่อสร้าง...โรงไฟฟ้าขนอม

ทำให้เป็นที่ทายทักกันหนักว่า การสืบทอดอำนาจของ คสช. ผ่านทางพรรคพลังประชารัฐ ชักจะเป๋จนต้องหาเหตุเลื่อนเลือกตั้งไปอีกหน่อย อย่างน้อยๆ ๑ เดือน เมื่อ กกต. อีกองค์กรอิสระลิ่วล้อที่อูฟูจากการขึ้นเงินเดือนโดย คสช. โอดว่าจะพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทัน
 
ทว่าแหล่งข่าวของ Sanook! News เปิดโปงว่า การจัดเตรียมและคัดเลือกผู้สมัครในระบบเขต รวมทั้งในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคใหม่ใหญ่โตพรรคหนึ่ง “ยังคงมีความไม่ลงตัว...โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวบุคคลที่พรรคเล็งที่จะทาบทามหรือดึงตัวให้มาร่วมทำงานกับพรรค”

นัยว่าเป็นเรื่องขัดข้องทางเทคนิค การดูด“หลายคนยังไม่สะเด็ดน้ำ ยังตกลงกันในรายละเอียดไม่เสร็จสิ้น อีกทั้งเริ่มมีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจจะเป็นผู้ตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งออกไป”


Dhiravath Suantan @ARMdhiravath นักข่าวการเมืองช่อง ๓ ตั้งข้อสังเกตุไว้น่าคิด “พลังประชารัฐส่อล่ม” จากปมการก่อตั้งพรรคไม่ต้องตามทั้งระเบียบ กกต. และ พรป.พรรคการเมือง ว่า “หรือนี่คือปัญหาที่จะทำให้เลือกตั้งต้องเลื่อน”
 
ประเด็นมั่วซั่วของพลังประชารัฐเกิดจาก ตัวหัวหน้าและผู้บริหารอีกสองคนที่ยังเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ เพิ่งทำการสมัครเป็นสมาชิกพรรค ทั้งๆ ที่ “ระเบียบ กกต.กำหนดชัดตั้งพรรค หัวหน้าต้องมาจากผู้ก่อตั้ง ๕๐๐ คน โดยผู้ก่อตั้งถือเป็นสมาชิกพรรคโดยอัตโนมัติ

คำถามคือหัวหน้าอุตตมเป็น ๑ ใน ๕๐๐ ผู้ก่อตั้งหรือไม่ ถ้าใช่ทำไมต้องไปสมัครสมาชิกภายหลัง? แล้วเหตุใด กกต.ถึงรับจดจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง” คำตอบตามความจริงมีอยู่ แต่คำตอบให้พ้นผิดอาจต้องใช้เวลาแบบดียวกับคดีนาฬิกาหรูของพี่ใหญ่

ข้อเท็จจริงก็คือตัวตั้งตัวตีพรรคพลังประชารัฐ เป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับพวก สามมิตรแม้นว่า อุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และกอบศักดิ์ ภูตระกูล รวมทั้งสุวิทย์ เมษินทรีย์ เตรียมตัว หรือ เตี๊ยม กันไว้แล้วว่าจะเข้าร่วมงาน แต่ช่วงนั้นคงยังไม่พร้อม เปิดตัว กันก็ได้

จะเป็นด้วยความมักง่ายหรือถือดีว่ามีอำนาจล้นหลาม เหมือนที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน เอาไปคุยโตว่าเขาเขียนรัฐธรรมนูญรอไว้เอื้อเฟื้อ พวกเรา ก็ตาม มันทำให้ชักจะยุ่งตายห่ขณะนี้ เมื่อคนที่น่าจะ กันเองหันมาชี้หน้า ตบข้อมือกันขรม

ไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ อีกคนหนึ่งละที่ นำลงข้อมูลแท้บนเฟชบุ๊คเรื่อง โต๊ะจีน ๓ ล้านจัดเลี้ยงระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐว่า “เหมือนปล้นกลางแดด” เพราะกำลังมีการพยายาม ตบแต่งบัญชีรายชื่อผู้บริจาคให้ดูดี “ถูกต้องตามกฎหมาย”

เขาเตือนแกมขู่ว่า “ท่านใดไม่ได้บริจาคจริงแล้วยอมให้เอาชื่อตนเองไปใส่ ท่านก็จะมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด นอกจากความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองและรัฐธรรมนูญแล้ว ท่านยังจะมีความผิดอาญาพ่วงเข้าไปอีก”

รวมไปถึงตัวพรรคพลังฯ นั้นเอง “เมื่อ กกต. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ จุดจบคือยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมือง และติดคุก

และหาก กกต.ยังโอ้เอ้วิหารรายอยู่ กกต. ก็จะโดนคดี ๑๕๗ (ละเว้นปฏิบัติหน้าที่) พ่วงเข้าไปอีก จะหาว่าไม่เตือน เพราะมีคนจองกฐินไว้เพียบ” เหมือนอย่าง ปปช.ก็โดน จองไปแล้ว


หลักใหญ่ใจความที่อาจกลายเป็นวิบากกรรมของรัฐบาลใหม่ คสช. ภายใต้ประยุทธ์อีกครั้ง ก็คือปัญหาของ โพลทั้งที่ ม.รังสิต ของ อาทิตย์ อุไรรัตน์ และสุริยะใส กตะศิลา (and such) อุตส่าห์ออกมาตีปลาหน้าไซ

“ผลสำรวจครั้งที่ ๕ ระบุว่า คะแนนนิยมที่ประชาชนต้องการบุคคลมาเป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้ง ยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนิยมอันดับ ๑ คือ ๒๖.๐๔%

แต่กลับถูก สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ตำแหน่ง pollster ผู้อำนวยการจัดทำโพลตั้งข้อสงสัยเพราะ “ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลจำนวนหนึ่งว่าไม่เป็นกลางเพราะไม่น่าเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับคะแนนนิยมเป็นอันดับหนึ่ง”

เขาจึงประกาศ “ยุติการทำรังสิตโพลล์นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากในอนาคตผมจะทำการสำรวจโพลจะถือว่ามิได้เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยรังสิตแต่ประการใดทั้งสิ้น” เอาละสิ ยุ่งไหมล่ะ ยังไม่พอ นิด้าโพลออกมาย้ำเข้าอีก

“พรรคการเมืองที่จะสามารถให้ของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๒ ตามที่ประชาชนต้องการได้ (๑๐ อันดับแรก) พบว่า อันดับ ๑ ร้อยละ ๒๗.๗๑ ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย”


ร้ายกว่านั้นถึงขั้น ตายห่โดน ‘Thailand Poll’ ซ้ำ ดั้มพลอยเข้าด้วย โดยเขาสำรวจเป็นตัวเลขลงรายละเอียดเรื่องจะเลือกพรรคไหนให้มาเป็นรัฐบาลชุดต่อไป

เพื่อไทยมาวินได้ ๓๗.๗๒ % คิดเป็นจำนวน ส.ส. พึงได้ ๑๘๙ คน ตามติดด้วยพรรคอนาคตใหม่ ๒๖.๔๕% เท่ากับจำนวน ส.ส. ๑๓๒ ที่นั่ง แค่นั้นไม่พอ ที่สามดันเป็นเสรีรวมไทยของเสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส ได้ ๑๓.๘๗% คำนวณที่นั่งได้ ๖๙


มีคนตาดี หัวไว (สงสัยเก่งคณิตศาสตร์แบบ น้องไป๊ป์) รวมคะแนนที่นั่งพึงได้ของสามอันดับแรกที่ไม่บังเอิญเป็น ฝ่ายประชาธิปไตยเท่ากับ ๓๙๐ ที่นั่ง เกินจำนวนต้องการ (๓๗๖) สำหรับตั้งรัฐบาลกันเองตัดหน้าพรรคลิ่วล้อ คสช. ได้สบาย

ข้อสำคัญถ้าเป็นไปได้อย่างนี้ ยังมีพรรคฝ่ายขับไล่เผด็จการ ไม่เอา คสช. ปลาซิวปลาสร้อยอีกสองสามพรรค พอทำให้เป็นชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยอย่าง ‘Landslide’ ถล่มทลายเกิน ๔๐๐ ได้เลย