วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 27, 2561

ความในใจ ของ "การ์ตูน ชนกนันท์ ร่วมทรัพย์" ต่อการลี้ภัยและการหายตัวไปของอ.สุรชัยกับผู้ติดตามอีก 2 คน





เราตามข่าวการหายตัวไปของอ.สุรชัยแล้วก็ผู้ลี้ภัยที่เป็นผู้ติดตามอีก 2 คนที่ติดต่อไม่ได้ หาตัวไม่พบจนกระทั่งปัจจุบัน อ่านไปก็จิตตก รู้สึกหดหู่กับชะตากรรมแล้วก็ความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยการเมืองไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ลี้ภัยอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ข่าวนี้ทำเรานอนไม่หลับแล้วก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตของคนที่ไม่มีโอกาสได้ไปประเทศที่สามารถให้ความคุ้มครองทางสถานภาพและความปลอดภัยของผู้ลี้ภัยอย่างเต็มที่เหมือนที่เราหรือผู้ลี้ภัยไทยในยุโรปและอเมริกาได้รับ

คิดแล้วก็เศร้า เพราะไม่มีใครเลือกที่จะลี้ภัย แต่เมื่อมีเหตุให้ต้องลี้ภัยออกมาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย เพราะการลี้ภัยของเราและหลายๆคนมันเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงเวลาจะไปก็ต้องเก็บกระเป๋าออกมาให้เร็วที่สุด ไม่มีโอกาสได้เลือกประเทศว่าจะไปประเทศไหน ใครมีวีซ่าประเทศไหนเหลืออยู่ก็เข้าประเทศนั้น ซึ่งโอกาสน้อยมากที่ใครจะมีวีซ่าก่อนลี้ภัย ถ้ามีพาสปอร์ตแล้วไม่มีหมายจับก็เดินทางทางอากาศเข้าประเทศที่ฟรีวีซ่าให้ไทยได้ ถ้าไม่มีพาสปอร์ตในเวลาที่ต้องลี้ภัยแล้วทำไม่ทันแล้วหรือมีหมายจับห้ามออกนอกประเทศก็ต้องเดินป่าว่ายน้ำข้ามภูเขาออกนอกไทยแล้วไปตายเอาดาบหน้ากันทั้งนั้น ทุกคนที่ออกมาแล้วจำเป็นต้องอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแทบจะไม่มีโอกาสได้รับสถานะผู้ลี้ภัยเลย ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ อีกทั้งยังหนีไม่พ้นขอบเขตอำนาจมืดของไทยอีก เรื่องอุ้มหายจึงเกิดขึ้นบ่อยๆ

พวกเราที่เป็นผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ พอออกมาแล้วก็เป็นคนนอก ไม่ได้ร่วมต่อสู้ในประเทศแล้ว ก็ไม่แปลกที่คนข้างในจะค่อยๆลืมและขาดการติดต่อกับพวกเราไป พวกเราจึงต้องคอยถามไถ่ดูแลความปลอดภัยของเรากันเอง ถามว่าลี้ภัยออกมาแล้วปลอดภัยแค่ไหน สำหรับตัวเราเองที่อยู่เกาหลี หรือเพื่อนๆในยุโรปและอเมริกาอาจบอกได้ว่าปลอดภัยกว่าอยู่ในประเทศ แต่สำหรับผู้ลี้ภัยที่ยังติดค้างอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวหรือกัมพูชา ความปลอดภัยแทบไม่ต่างกับอยู่ไทยเลย

ยิ่งกว่านั้นพวกเค้าเหมือนอยู่ในเงามืด มีอะไรเกิดขึ้นไม่มีใครรู้ เหมือนคนที่ถูกลืมอ่ะ ดูสิ คนหายทั้งคน จะไปเรียกร้องเอาอะไรกับใครได้ นี่เราไม่ได้พูดถึงแค่ สุรชัย แซ่ด่านและผู้ติดตามอีก 2 คนนะ ดีเจซุนโฮ โกตี๋ และอีกหลายๆคนที่โดนอุ้มหาย เป็นข่าวในไทยแค่ไม่กี่วันทุกคนก็ลืม ทิ้งไว้เพียงความกลัวฝังหัวว่าอย่าไปยุ่งกับการเมือง อย่าไปยุ่งกับเจ้า อย่าไปตั้งคำถาม อย่าไปทำอะไรให้คนมีอำนาจไม่พอใจ แต่เราจะบอกว่ายิ่งเรากลัว พวกเค้ายิ่งได้ใจ อยากจะอุ้มใครเก็บใครในประเทศไหนก็ได้ที่อำนาจมืดเข้าไปถึง เราเลยอยากให้ช่วยดูแลกันเหมือนตอนที่ยังร่วมสู้ด้วยกันมา ช่วยกระจายข่าวเวลามีอะไรเกิดขึ้นกับใคร เพราะยังไงคนที่จำเป็นต้องลี้ภัยทางการเมืองการเมืองในประเทศที่ไม่รับรองความปลอดภัยและสถานะของผู้ลี้ภัยก็มีความเสี่ยงกว่าคนที่สู้อยู่ในประเทศอยู่แล้ว


Chanoknan Ruamsap

ooo