วันพุธ, ธันวาคม 26, 2561

“บิ๊กตู่” อย่าเพิ่งรมณ์เสีย ... แม่ค้าตลาดสด ฝากถึงรัฐบาล “เศรษฐกิจแย่ จะตายกันหมดแล้ว” เทียบยุค ‘แม้ว-ปู’ ขายของดี!!



..


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_2002095

เศรษฐกิจแย่ – วันที่ 25 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจที่ตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม ถนนอภิบาลบัญชา ใจกลางย่านเศรษฐกิจตัวเมืองนครพนม จ.นครพนม ซึ่งหลายปีก่อนเศรษฐกิจเคยคึกคักมาก่อน แต่ปัจจุบันถนนทางเข้าตลาดดังกล่าว ทั้งขาเข้า-ขาออกกลับโล่ง แม่ค้าในตลาดสดต่างบนเป็นเสียงเดียวกันระงมว่าเศรษฐกิจย่ำแย่สุดๆ ตลาดเงียบยิ่งกว่าป่าช้า และวังเวงมาก ขายสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค อาทิ ผัก ปลา เนื้อ และผลไม้ไม่ค่อยดี แม่ค้าหลายรายต่างบอกว่า รอคอยผู้คนมาซื้อแล้วมาซื้อเล่า ก็ยังไม่มีใครมาซื้อ

นางเปรี้ยว รมณ์บัวรอด วัย 53 ปี แม่ค้าขายวัวเผา กล่าวว่า ขายเนื้อวัวในตลาดแห่งนี้นานกว่า 10 ปี ไม่เคยพบเห็นว่าเศรษฐกิจในรัฐบาลชุดนี้จะย่ำแย่สุดๆ ได้ถึงขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ในช่วงนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยขายเนื้อวัวจนยอดพุ่งวันละ 10,000 บาท พอมีกำไรเหลือวันละ 2,000-3,000 บาท จนลืมตาอ้าปาก ซึ่งทั้งรถซื้อบ้านและที่ดินไว้ ปัจจุบันขายได้วันละ 2,000 บาทก็ยังยาก วันนี้เพิ่งขายได้แค่ 200 บาท ค้าขายเงียบเหงามาตั้งแต่ปี 2557 และซบเซาเรื่อยมาได้ 4-5 ปีแล้ว

“ติดหนี้ค่าไฟเทศบาลฯ 1,800 บาทแล้ว เงินที่เก็บไว้ลงทุนก็ร่อยหรอ เมื่อไม่มีกำไรและขาดทุนมาตลอด วันนี้รถที่เคยมีและที่ดินที่เคยซื้อไว้ ก็ได้ขายมาลงทุนแต่ขายของไม่ได้ สาเหตุที่คนไม่มาซื้อจับจ่าย เพราะคนในชนบทไม่มีเงินไม่มีกำลังซื้อ รวยกระจุกจนกระจาย หลังรัฐบาลแจกเงินปีใหม่ 500 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจระยะหนึ่ง ก็พอจะขายได้ประปรายแค่สัปดาห์เดียว แต่ก็เป็นช่วงเช้าตั้งแต่ 09.00 น. แต่หลังจากนั้นและจนถึงวันนี้หลังเวลา 11.00 น. ผู้คนหายจากตลาดหมด ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ตลาดไม่ต่างกับป่าช้า พอตกบ่ายก็ต้องไล่แต่แมลงวัน และเตรียมนอนเฝ้าแผงร้าน” แม่ค้าขายวัวเผา ระบุ

นางที ผางผา อายุ 50 ปี แม่ค้าขายปลา กล่าวว่า ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เคยขายปลานิลซีพีได้วันละ 80-100 กิโลกรัม ยิ่งช่วงเทศกาลวันที่ 25 ธ.ค.-วันที่ 2 ม.ค. ของทุกปี ยอดขายทะลุมีรถส่งปลามาเวียนส่งวันละ 2-3 รอบ ขายปลากิโลกรัมละ 70 บาท ได้กำไรวันละ 1,000-1,500 บาท ปัจจุบันยอดขายเหลือแค่วันละ 40 กิโลกรัม เหลือกำไรวันละ 300 บาท ซื้อกินในครอบครัววัน 200 บาท เหลือเก็บ 100 บาท เพื่อสะสมไว้จ่ายค่าหนี้งวดรถยนต์ 7,000 กว่าบาท สาเหตุที่ค้าขายไม่ค่อยดี เพราะคนไม่มีเงินและไม่มีกำลังจะซื้อ โดยเฉพาะปลาช่อนและปลาดุก 3 วันแล้วยังขายไม่หมด เศรษฐกิจขาลงและแย่สุดๆ หากเป็นเช่นนี้อีกต่อไป คงต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนค้าขายแน่ๆ

คุณยายหงสา ทองสิงห์ วัย 70 ปี แม่ค้าขายผัก กล่าวโอดครวญว่า ขายผักอีขม ข้าวโพด พุทรา ต้นหอมผักชี และหอยขมมาตั้งแต่สมัยยังสาว 4 ปีให้หลัง ผักที่เหลือบางส่วนขายไม่ได้ก็เน่าเสียต้องทิ้ง เพราะไม่มีคนมาซื้อ รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีใครมาซื้อ ตลาดสดที่เคยคึกคักมาก่อน พอมีตลาดนัดคลองถมเข้ามา เงียบเหงาแล้วก็ยังพอค้าขายได้ แต่พอเศรษฐกิจยุคที่คนจนไม่มีเงิน ยังไม่มีกำลังแม้แต่จะซื้อผักไปประกอบอาหาร ยิ่งใกล้วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แทนที่จะคึกคัก กลับเงียบสงบลง เพราะช่วงบ่ายแทบไม่มีผู้คนมาเดิน วันเสาร์-อาทิตย์ยิ่งหนัก นั่งเฝ้าแผงขายผักแม่ค้าบางคนก็งีบหลับ เพราะตลาดในวันนี้มันเงียบเหงาวังเวงเหลือเกิน

ด้านนางสมยง รันศรี อายุ 50 ปี แม่ค้าขายผลไม้ กล่าวว่า เดิมขายลูกชิ้นและน้ำอัดลม แต่ก่อน 4-5 ปีขายดี ต่อมาก็เจ๊ง เพราะไม่มีคนซื้อ จึงมาเปลี่ยนขายส้มจีน พุทรา เดิมทีขายได้วันละ 10 ลัง หรือลังละ 7-10 กิโลกรัม เคยขายดีสุดกำไรวันละ 3,000-4,000 บาท ปัจจุบันขายวันละ 2 ลังก็ยังไม่หมด บางวันก็เน่าเสียทิ้งกำไรหด ไปกู้ยืมธนาคารธกส. และ ธนาคารธอส. เป็นหนี้ 500,000 บาทแล้ว เพราะขายไม่ดี วันไหนขายได้ก็มีกำไรวันละ 200-300 บาท

แต่ปัจจุบันขายไม่ได้หนี้ก็พอกพูน อยากบอกรัฐบาลว่า วันนี้แม่ค้าในตลาดสดแห่งนี้จะตายกันหมดอยู่แล้ว

ลิงค์อัลบั้มภาพ-วิดีโอจากข่าวสดออนไลน์



...





https://www.facebook.com/thairathtv/videos/362154154336387/