วันอังคาร, ธันวาคม 18, 2561

“ทำให้ประเทศ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เป็นหัวหน้าพรรคใหม่ ไม่ง่ายอย่างที่คิด” ลองมาฟังข้อคิดของชูวิทย์





อนาคตวูบ! สมาชิกแฉ “ไพรมารีโหวต” หมกเม็ด แห่ลาออก อดีตว่าที่ผู้สมัครเมืองคอนซัดหลอกลวง-ไม่จริงใจ ขอเคลียร์ค่าสมาชิกให้ชาวบ้าน

https://mgronline.com/politics/detail/9610000124364

“ทำให้ประเทศไทย ไม่ง่ายอย่างที่คิด”

หากใครไม่รู้ คิดว่าการตั้งพรรคมันง่าย ใครๆก็เป็นหัวหน้าพรรคได้ ลองมาฟังชูวิทย์

ผมเคยตั้งพรรคมาหลายพรรค เริ่มจากปี 47 พรรคแรก “พรรคต้นตระกูลไทย“ ลงสมัครผู้ว่า กทม. ผู้คนเขาดูถูก เพื่อนฝูงหัวเราะเยาะเย้ย ว่า “เฮ้ย ! มึงล้อเล่นหรือเปล่า?” ผมตอบ “กูเอาจริง บ้าก็บ้าวะ”

ผมปูพรม ใช้กลยุทธ์ “ให้โอกาสชูวิทย์สักครั้ง” เพราะขณะนั้นเพิ่งจบการทะเลาะกับตำรวจนครบาล การเอาตัวรอดของผม ใช้ช่องกฎหมาย และลีลาประกอบ หากไม่ทำ คงเอาตัวไม่รอด

ผมรู้ว่า การเมือง กทม. ยึดกระแสเป็นหลัก จึงเน้นใช้สื่อ ป้ายเยอะเข้าไว้ นโยบายไม่ต้องมากให้เลอะเทอะ คน กทม. เขายุ่งกับการทำมาหากิน บางทียังจำไม่ได้ด้วยซำ้ว่า ผู้ว่า กทม. ชื่ออะไร ?

เลือกตั้งครั้งนั้น ผมได้ 300,000 กว่าคะแนน คนตกใจไม่คิดว่าจะได้มากขนาดนั้น เพื่อนฝูงเสียพนันรถกันเป็นคันๆ เพราะคิดว่ายังไงเสียก็ได้ไม่เกิน 100,000

แต่เมื่อมีคะแนนแบบนี้ ทางการเมืองเขาเรียกว่า ”มีราคา” ขึ้นมาในบัดดล บรรหารเอาดอกไม้มาให้ ชวนเข้าพรรคชาติไทย เป็นรองหัวหน้าพรรค มีหรือที่ชูวิทย์จะไม่เอา จากย่านรัชดาฯ ประชุมกับหมอนวด เชียร์แขก เดินทางมาถึงดุสิต ได้ประชุมกับอดีตนายกรัฐมนตรี จากหัวหน้าพรรคที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้ หาว่าออกทะเลไปแล้ว เจอลูกนี้เข้าไปมีมึน

ยังจำได้ชัด ผมบอกบรรหารว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯหมดเงินไป 8 ล้าน บรรหารตกใจ “คุณทำได้อย่างไร? บ้านนอกลงเขตก็หมด 30 ล้านแล้ว”

เรื่องราวการทำพรรคเป็นอย่างไร ชูวิทย์จะบอกเคล็ดลับให้รู้ไว้ ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

โปรดติดตามตอนต่อไป





EP.2

“เป็นหัวหน้าพรรคใหม่ ไม่ง่ายอย่างที่คิด”

เรื่องจริงที่หัวหน้าพรรคใหม่ต้องเจอ !

การเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ มันช่างน่าปวดเศียรเวียนเกล้า

ตอนเริ่มตั้งพรรคเหมือนจะคุมได้ แต่พอสมาชิกเพิ่มขึ้น คนมากขึ้น เรื่องมันก็มากขึ้น มวลมหาสมาชิก กระสัน ใฝ่ฝัน อยากเป็น ส.ส. หรือแม้แต่เป็นแค่ “ผู้สมัคร” เพิ่มโปรไฟล์ประวัติชีวิตให้ดูมี “สตอรี่” หลากหลายประเภทที่เข้ามามีตั้งแต่

1. รู้มาก แต่ไม่ทำ ขี้โม้ รู้จักตั้งแต่รัฐมนตรี ปลัด ผอ. ยันภารโรง แต่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง

2. รู้น้อย แต่เสือกทุกเรื่อง ไปไหนไปด้วย ช่วยบาทเดียว

3. มาเดี่ยว เก่งคนเดียว มาดนิ่งแบบนักวิชาการ ด็อกเตอร์เรียกพ่อ แต่หาพวกไม่มี (เงินก็ไม่มี)

4. บ้าการเมือง รู้เบื้องลึกถึงหลังบ้าน แต่พอเอาเข้าจริง ต้องเงินมางานถึงเดิน

5. ตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ผ่านประสบการณ์ล้านแปด เป็นสารพัดที่ปรึกษา สารพันกรรมการ จนถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส. หลายสมัย แต่ทุกสมัยได้คะแนนแค่หลักร้อย

6. พวกอยู่เป็น ยิ่งอยู่ ยิ่งรวย ชักเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันรถหาเสียง บวกทุกอย่าง ทุกเรื่องที่ได้เงิน(ทอน)

เป็นหัวหน้าพรรค มันช่างชีช้ำ เงินไหลเป็นนำ้ก๊อกบ้านเศรษฐี ไหลไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นสมาชิกประเภทไหนที่กล่าวมาข้างบน ล้วนยึดถือนโยบายเดียวกัน คือ “หัวหน้าพรรค ควักคนเดียว”

ทำธุรกิจหาเงินมาเลือดตาแทบกระเด็น แล้วต้องมาละเลงกับการเมือง คงหมดตัว ผมจึงตั้งนโยบายแม่น้ำสายเดียว คือ “ใครอยากลง จ่ายเงินกันเอง” ทั้งค่าป้ายหาเสียง รถหาเสียง ทีมงาน และค่าใช้จ่ายจิปาถะ ของใครของมัน

ผลลัพธ์ เหมือนคณะตลกออกงานบุญ บางคนเอาถุงปุ๋ยมาทำป้าย บางคนใส่เสาอากาศที่หัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ บางคนเอารถซาเล้งมาทำเป็นรถหาเสียง เข้าทำนอง “คนจนผู้ยิ่งใหญ่”

ผมคิดในใจ พังแน่กู !



ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ooo


บิ๊ก เชาวัส วรรณบวร (สเตตัสอ.ปิยบุตร)
จากกรณีที่ผู้เสนอตัวและแสดงความประสงค์เป็นผู้ลงสมัคร ส.ส. ในนามของ #พรรคอนาคตใหม่ ไม่มีรายชื่อในการหยั่งเสียงภายในหรือไพรมารีโหวต แล้วไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองไม่มีรายชื่อ

ผมได้ชี้แจงถึงกระบวนการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในรายการ #คืนวันศุกร์ให้ประชาชน คืนนี้ว่าพรรคอนาคตใหม่ใช้ 3 หลักการร่วมกันในการพิจารณา คือ 1.การเปิดกว้าง ให้สมาชิกทุกคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย มีสิทธิ์เสนอตัวเป็นผู้ประสงค์ลงสมัครได้ 2. อุดมการณ์แนวคิด คุณค่าพื้นฐานเดียวกัน ซึ่งมาจากการสัมภาษณ์ ตรวจสอบประวัติ ทัศนคติ บุคลิก รวมถึงลักษณะที่เหมาะสมในการที่จะเป็น ส.ส. 3. การมีส่วนร่วมจากสมาชิกพรรค ซึ่งนั่นก็คือไพรมารีโหวต

โดย ทั้ง 3 กติกานี้ได้เคยชี้แจงให้สมาชิกทุกคน ให้ผู้เสนอตัวเป็นผู้ประสงค์ลงสมัครได้ทราบตั้งแต่เราเปิดรับสมัครเมื่อเดือนตุลาคม จากนั้นก็ได้มีคนเสนอตัวเป็นผู้ประสงค์ลงสมัครทั้งหมด 700 คน

ซึ่งคณะกรรมการสรรหา ตามที่ประชุมใหญ่ของพรรคเลือกมาจำนวน 11 คน มีหน้าที่คัดกรองเบื้องต้น ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดกรองอยู่ที่ 417 คน และนี่คือจำนวนผู้ที่ได้เข้าไปแข่งขันไพรมารีโหวตผ่านระบบออนไลน์ของพรรค ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อได้ผลไพรมารีแล้ว จะต้องนำไปรับความฟังความคิดเห็นจากสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด สมาชิกพรรค แล้วเอาความเห็นกลับมาให้คณะกรรมการบริหารพรรคคัดเลือกว่า ใครจะได้เป็น ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค นี่คือขั้นตอนของเราที่ผสมผสานกัน โดยสรุปก็คือ เปิดโอกาส คัดกรอง และหยั่งเสียงรับฟังสมาชิกผ่านการไพรมารีโหวต

ทั้งนี้สำหรับผู้เสนอตัวเป็นผู้ประสงค์ลงสมัคร แล้วไม่ได้ผ่านการคัดกรองตามกระบวนการ ไม่มีรายชื่อในการไพรมารีโหวตนั้น ต้องขอชี้แจ้งให้ทราบว่า นี่เป็นกระบวนการของพรรคที่เราออกแบบมา ซึ่งผมเองหรือคุณธนาธร ก็เคยชี้แจงเรื่องกระบวนการทั้งหมดนี้ ตั้งแต่มีการเปิดรับสมัคร และชี้แจงอยู่เรื่อยๆ ทั้งภายใน หรือแม้กระทั่งการแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน

รายการ #คืนวันศุกร์ให้ประชาชน วันที่ 14 ธันวาคม (แบบเต็ม) : https://goo.gl/B7S7rG

โพสของผมถึงการประกาศรายชื่อผู้เข้ารับการหยั่งเสียงเบื้องต้นภายในพรรค (ไพรมารีโหวต) วันที่ 12 ธันวาคม : https://goo.gl/mqvu5i

วิดิโอจากงานแถลงข่าวเรื่องการเปิดรับผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ : https://goo.gl/7TX6RL

วิดิโออธิบายกระบวนการ ขั้นตอนการคัดกรอง และทำไพรมารีโหวต ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ (ฉบับเต็ม) : https://goo.gl/THSdnj