วันอาทิตย์, ธันวาคม 16, 2561

‘เกิดปั๊บรับแสน’ ของ ปชป. นี่ 'ประชารัฐ' ชัดๆ


ไม่น่าจะ แรงมาก อย่างที่ กรณ์ จาติกวณิช คุยไว้ละมั้ง แต่ในทางโฆษณา (พีอาร์ ยังไม่ถึง ชวนเชื่อ) ฟังแล้วก็ร้องฮ้า นโยบาย เกิดปั๊บรับแสน ของประชาธิปัตย์ นั่นน่ะ

พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียง ประชารัฐก้องรายรอบยังกับระบบ เอ็คโคแม้นตัวหัวหน้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รีบตีกันไว้ก่อนว่าไม่ใช่ ประชานิยมแต่เป็นสวัสดิการที่ควรได้รับ” พูดเหมือน ปปช. ที่บอก คสช.แจกเงินคนจนไม่ได้ช่วยหาเสียงให้พลังประชารัฐนั้นแหละ

ผีซ้ำเข้าไปอีกเมื่อกรณ์อ้าง ทีดีอาร์ไอ“ยังบอกว่าน้อยไป (๑ พันบาทต่อเดือน x ๓๐ วัน x ๓ มื้อ = มื้อละ ๑๑ บาท) เด็กไทยถึงไม่พัฒนา”


อันเนื่องมาแต่ถึงครา ปชป. เปิดขาอ่อนหาเสียงบ้าง (เปิดหน้ามานานแล้วไม่ค่อยเซ็กซี่) เน้นๆ เฉพาะนโยบายด้านการศึกษา ยุทธศาสตร์ไม่ต้อง ใช้ของ คสช. อีก ๒๐ ปี ปฏิรูปการเมืองไม่มี คสช.วางไว้ให้หมดแล้ว แค่รอส้มหล่น

เติมนิดตรงนี้ ปชป.เค้ามีนโยบายการเมืองเรื่องเดียว ด่าทักษิณเข้าไว้ เรียกคะแนนฐานเสียง สลิ่มแบบที่ จวกทักษิณ ยุเผาบ้านเผาเมืองรอบใหม่” จากการที่อดีตนายกฯ คนนี้ ปชป.ไม่เคยก้าวข้าม แนะให้รัฐบาลใหม่แก้รัฐธรรมนูญ http://www.voicetv.co.th/live
 
(ไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่ทวี้ตรายนี้ว่าหรือเปล่าเนอะ “พอมีกฎหมายออกมาว่าคนหนีคดีห้ามฟ้อง เอาเลยนะพี่มาร์ค สันดานดีจริงๆ พับผ่าสิ” -@Fanatic_Pat)

ก็เลยได้ลงรายละเอียดด้านการศึกษาของชาติ ๑๐ ข้อ แต่ก็วนเวียนอยู่กับ ของฟรีแจกแบบ ‘ถ้วนหน้า’ (คำของกรณ์อีกแระ) อ้างมีประสบการณ์ “รัฐไม่เก่งเรื่องการคัดกรอง คือคัดแล้วคนจนจริงจะไม่ได้สิทธิเสียเยอะ ยิ่งมีเงื่อนไขมากคนจนจริงยิ่งเข้าถึงยาก”

คงจะประสบการณ์เฉพาะของรัฐบาลอภิสิทธิ์นั่นละ ตอนแจกรายละ ๒ พัน ก็ดันตั้งเงื่อนไขให้กับคนที่มีหลักฐานตัวตน ก็เลยมีแต่ข้าราชการได้รับ คนจนที่ไหนจะไปมีหลักฐานการเสียภาษีหรือบัญชีเงินฝาก จึงได้ “เข้าถึงยาก” ไง

มาดูซิว่าพีอาร์เจ๋งของ ปชป.คราวนี้เป็นอย่างไร เริ่มด้วยให้ ‘เบี้ยเด็กเข้มแข็ง’ คนละ ๑ พันบาทต่อเดือน ตั้งแต่เกิดจนอายุครบ ปี และตามสถิติเมื่อปี ๖๐ มีเด็กอายุในเกณฑ์ดังกล่าวราวเกือบ ๖ หมื่นล้านคน ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณกับการนี้ปีละราว ๖.๙๖ หมื่นล้านบาท

นอกนั้นก็เป็นเรื่องสวัสดิการเด็กเล็กต่างๆ เช่นตั้งศูนย์เด็กเล็ก ให้อาหารเช้า อาหารกลางวันฟรี สอนภาษาอังกฤษ ปรับหลักสูตรทั้งระดับประถมและมัธยม ให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ เป็นตัวของตัวเอง นอกนั้นเป็นเรื่อง ไมโครเอามาลงไว้ให้ครบสิบ

เว้นแต่ข้อ ๖ ให้เรียนฟรีถึงชั้น ปวส. “จบแล้วมีงานทำ...เพื่อผลิตบุคลากรให้ตรงกับตลาดแรงงานไทย โดยเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน” ตรงนี้บรรษัทครอบจักรวาลของเข้าสัวช่วยได้


ที่จริงพวกเจ้าสัวเขาน่าจะเตรียมไว้ มอบปลาให้รัฐบาลพรรคลิ่วล้อทหาร คสช. แล้วละ เพียงแต่ทีมไอทู้บ ๔.๐ ยังเหนียม ไม่กล้าเอามาโฆษณา คงจะเป็นด้วยทั่นรองฯ วิษณุ เครืองาม เตือนไว้ เฮียตู้บพูดไม่ได้นะ เพราะรอนั่งเสลี่ยงไม่ได้เข้าระบบพรรค พูดชวนให้คนไปออกเสียงได้เท่านั้น

นายอภิสิทธิ์ “ยังเปิดเผย” อีกว่า จะแก้ “ปัญหาหลักของการศึกษาไทย...(บลาๆ) ซึ่งจำเป็นต้องเร่งแก้ไขด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างทั้งระบบ โดยเริ่มจากการกระจายอำนาจไปที่ระดับโรงเรียน เพิ่มอำนาจการบริหารจัดการตัวเอง และเป็นโรงเรียนที่ประชาชนเป็นเจ้าของโดยแท้จริง”

เฮ้ อันนี้ฟังดูดีนะ แต่ก็ฟังอีกทีเหมือนรายงานวิชาการ เขียนเปเปอร์ส่งอาจารย์ อีกอย่างรัฐบาล ปชป. ไม่เคยเห็นทำอะไรตลอดรอดฝั่งดังที่แถลงนโยบายไว้ตอนหาเสียงสักครั้ง เอาที่เด่นๆ สมัย ชวนรอข้าราชการประจำ ชงไม่พอ บางคนชงชาเขียวให้ ดันไม่ชอบกลิ่น ปัดทิ้งเสียนิ

สมัยอภิสิทธิ์ก็ลุกลี้ลุกลน ส้มหล่นทหารยื่นให้ นโยบายปฏิรูปภาษีมรดกเขียนไว้สวย พอได้เป็นรัฐบาลแล้วลืม มัวแต่ ขอคืนพื้นที่-กระชับพื้นที่ จนได้ดี มี คสช. เป็นพ่องของทุกพรรคการเมืองขณะนี้

เป็นอันว่าพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ ที่ใช้รูปนายหัวชวนหาเสียงไม่ได้เหมือนที่พรรคเพื่อไทยถูกห้ามใช้รูป แม้ว-ปู ยันไม่เล่นการเมือง สองขั้ว(รัฐประหารกับประชาธิปไตย) ถ้าจะมีขอเป็นขั้วที่สาม แต่ถึงที่สุดเอาแบบ ตัวเดียวอันเดียว

สนใจแค่ “อยากยกระดับการเมืองไทยให้หลุดพ้นจากการใช้เล่ห์เหลี่ยม ใช้ช่องของกฎหมายหรือวิธีต่อรองเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ พรรคประชาธิปัตย์เสนอแนวทางตรงไปตรงมา”


พูดแบบนั้นก็เคยแล้วมิใช่หรือ ลงเอยเห็นวิ่งโร่ไปกิน ลาบ(๑๑)