วันอาทิตย์, ธันวาคม 16, 2561

ถ้าจะทิ้งใครไว้ข้างหลังสักคน คนนั้นควรจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ฟัง Gossipสาสุข เค้าว่า





“30 บาทรักษาทุกโรคทำให้ รพ.เจ๊งทั่วประเทศ”


ถ้าจะทิ้งใครไว้ข้างหลัง คนนั้นก็ควรจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อปี่กลองการเมืองโหมระทึกขึ้น กระแสการโจมตีนโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค” ก็กลับมาอีกครั้ง

ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่โจมตีก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี

ซึ่งวันนี้ ประกาศตัวเป็น “นักการเมือง” เต็มที่ และเตรียมมีดีกรีห้อยท้าย เป็นนายกรัฐมนตรี จากการเสนอชื่อของพรรคพลังประชารัฐ

“วันนี้การรักษาพยาบาลฟรีต้องดีกว่าเดิม ซึ่งใครคิดขึ้นมาก็แล้วแต่ ผมไม่รู้ในเรื่องรักษาพยาบาล 30 บาทฯ ซึ่งประชาชนชอบ แต่โรงพยาบาลเจ๊งหมดแล้ว”

ชัดเจนว่านัยยะก็คือ ต้องการโจมตีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งกลายเป็น “สัญลักษณ์” ของ ทักษิณ ชินวัตร

และอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ขณะเริ่มโครงการ

และอาจจะเป็นคู่แข่ง เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

หากนับรวมๆ ครั้งนี้ น่าจะเป็นครั้งที่ 6-7 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่ “ใช้ไม่ได้”

ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ ก็เคยโจมตีว่าประเทศไทย “ไม่พร้อม” กับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และการรักษาฟรีทำให้โรงพยาบาลขาดทุน มาตั้งแต่ปี 2558

ทั้งที่คณะกรรมการตรวจสอบปัญหาขาดทุนของโรงพยาบาลก็พิสูจน์มาแล้วว่า บัตรทอง ไม่ใช่สาเหตุทำให้โรงพยาบาลเจ๊ง

และตลอด 4 ปี ตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจ ก็ยังไม่มีโรงพยาบาลของรัฐเจ๊งสักโรงพยาบาล

ซ้ำกระทรวงสาธารณสุขยังออกมาปฏิเสธข้อมูลด้วยซ้ำว่า ที่คุยกันว่าโรงพยาบาลขาดทุน 200-300 แห่ง เป็นเรื่อง “มั่ว” ทั้งนั้น

จะมีปัญหาอยู่บ้างก็คือโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ ที่ต้องรับภาระการรักษาโรคซับซ้อน และการทำหัตถการ ที่โรงพยาบาลเล็กทำไม่ได้

ปัญหาของเรื่องนี้คือ ประชาชนมีสิทธิรักษาพยาบาลแล้ว แต่ไม่พัฒนาระบบบริการให้พอรองรับได้ ตามที่คนในแวดวงสาธารณสุขเรียกร้องกันมาตลอด ว่า คน เงิน ของ ไม่พอ แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่รับฟัง ยังคงจัดงบประมาณให้น้อยนิด ซ้ำในใจท่านยังปิดไม่มิด คิดว่าสิ่งนี้เป็นภาระอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งวิธีแก้ก็คือ รัฐต้องหาทางออก เพื่อเติมงบประมาณ หรือสร้างระบบเพื่อให้หลักประกันสุขภาพ “อยู่ได้” ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ กลับเลือกวิธีที่ง่ายกว่า คือการใช้ปากในการบริหารงาน โจมตีนโยบายเอาเสียดื้อๆ

ไม่แสวงหาข้อเท็จจริง ทั้งที่ถามจาก รมว.สาธารณสุข เอาก็ได้

แต่เมื่อถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปแสดงวิสัยทัศน์ที่องค์การสหประชาชาติ ก็หยิบยกความดีความชอบ ของระบบ “30บาทฯ” ไปพูดให้นานาชาติปรบมือ

ครั้นผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก รองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ก็สะท้อนประโยชน์และความตั้งใจของไทย ในการรักษาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไว้ อีกครั้ง

แต่พอขึ้นโพเดียม ปาฐกถาพิเศษ เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมานี้เอง ก็กลับบอกว่า “การรักษาฟรี ทำให้คนไม่ดูแลสุขภาพ”

ที่หนักที่สุดคือไปเอา “ข้อมูลมั่ว” ไปพูดในรายการคืนวันศุกร์ ว่า 30บาทฯ ไม่ครอบคลุมโรคเรื้อรัง ใช้โรงพยาบาลเอกชนไม่ได้

และข้อเสียของ หลักประกันสุขภาพ คือไม่สามารถใช้ผ่าตัดแปลงเพศ????

นี่คือท่าที “กลับไปกลับมา” ซึ่งสะท้อนชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความเข้าใจ และไม่มีความใส่ใจ ที่จะพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ดียิ่งขึ้น

มีแต่จะมองนโยบายนี้ ในฐานะเครื่องมือทางการเมือง และในฐานะ “แบรนด์” ของฝ่ายตรงข้าม

ที่จะยกเลิกก็ทำไม่ได้ แต่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ก็รู้สึกไม่ต้องการสร้างผลงานให้คนที่ตัวเองมองว่าเป็น “ศัตรูทางการเมือง”

และยิ่งสะท้อนชัดว่า รัฐบาลชุดนี้ หาได้มองระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในฐานะ “สวัสดิการ” ที่รัฐ พึงให้บริการประชาชน ด้วยงบประมาณ ที่ไม่สูงมากนัก

หากเทียบกันจริงๆ ปีงบประมาณ 2562 นั้น “งานกองทัพ” ได้รับงบประมาณสูงกว่าโครงการ “บัตรทอง” ด้วยซ้ำ

แต่จนแล้วจนรอด หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็ถูกป้ายสีไปว่า เป็น “ประชานิยม” จากนักการเมืองผู้หวังคะแนนเสียง

ไม่มีทางที่จะประเสริฐเท่ากับนโยบาย “รัฐสวัสดิการ” ผ่าน “บัตรคนจน” หรือการแจกเงิน 500 บาท เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่

ก็เลยต้องหาโอกาส “แซะ” ตามโอกาสต่างๆ ด้วยวิสัยทัศน์ผู้นำยุค 4.0

จะน่าแปลกใจอยู่บ้าง ก็ตรงที่การบริภาษโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เกิดขึ้นในวัน “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสากล” วันที่ 12 ธ.ค. ของทุกปี

งานนี้มี “รัฐบาลไทย” เป็นแม่งาน มี กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และบรรดาองค์กรตระกูล ส. ร่วมกันขับเคลื่อนงาน

เพื่อสะท้อนความสำเร็จของ ระบบหลักประกันสุขภาพ และขยายผลไปในระดับนานาชาติ

โดยเชิญผู้แทนจาก องค์การอนามัยโลก สหประชาชาติ นักวิชาการ มาแสดงวิสัยทัศน์ กันจำนวนมาก

ภายใต้ธีมที่ว่า “การลงทุนด้านสุขภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

แน่นอนว่า นี่คือการอ้างอิงจากแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ตามแผนของ คสช. และแผนของท่านผู้นำชัดเจน

คือการมองไปข้างหน้า และการหาทางนำเงินมาเติมกองทุน

เพราะในบริบทไทย และในบริบทโลก ทุกคนต่างรู้ดีว่า ระบบหลักประกันสุขภาพ คือเรื่องที่ “ต้องทำ”

สังเกตง่ายๆ ประเทศที่ทำไปแล้ว ก็มีแต่คนชื่นชม และประเทศที่ยังไม่มี ก็ล้วนพยายามหาทางให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำเร็จจนได้

เพราะสหประชาชาติ ประกาศไว้แล้วว่า การให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คือ “เป้าหมาย” การพัฒนาที่สำคัญ ที่ทุกประเทศ ควรจะบรรลุภายในปี 2020

แต่ผู้นำไทย กลับมีความคิดกลับไปกลับมา จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่กล้า

ทัศนคติเช่นนี้ แน่นอนว่า เป็นอันตรายต่อระบบหลักประกันสุขภาพ และเป็นอันตรายต่อประชาชน ที่อยู่ภายใต้สิทธิบัตรทองกว่า 48 ล้านคน

ที่จะไม่ได้รับโอกาสในการพัฒนาสิทธิประโยชน์ และในการถกแถลงอย่างใจเย็น เพื่อให้ระบบ มีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เพียงเพราะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม

ด้วยเหตุนี้ หากจะทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ระบบเดินหน้าต่อไป

คนๆ นั้น ก็ควรจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง....

#30บาทรักษาทุกโรค #หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า


Gossipสาสุข