วิษณุ เครืองาม เดี๋ยวนี้ไม่มากไม่น้อยไปกว่า ‘เหลิงอำนาจ’ เหมือนพวกทหาร คสช. วันก่อน (๓๐ พ.ย.) พูดเองเออเอง
“คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ รวมถึงคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน
ไม่ต้องยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เพราะหลายคนทำท่าตกใจ
ขอลาออกจากตำแหน่ง” ไม่เท่านั้น ‘คำสั่ง’ ด้วยปากทั่นรองฯ ครอบคลุมไปถึงกรรมการในองค์การมหาชน
กรรมการสภามหาวิทยาลัยด้วย
ที่เป็นข่าว “บางท่านอาจลาออกไปแล้วด้วยซ้ำไป
บางท่านกำลังเตรียมจะลาออก” วิษณุบอก “กรุณาอย่าไปลาออก เพราะทั้งหมดที่เป็นประกาศ
ป.ป.ช.ออกไปนั้น เขาจะแก้ไขหรือยกเลิกทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมื่อทบทวนใหม่แล้ว
มันจะไม่ครอบคลุมสิ่งที่ท่านเป็นอยู่”
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งประกาศว่า
“ไม่อยากยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช. แต่ในช่วงท้ายกลับระบุว่า หาก ปปช.มีการเปลี่ยนแปลงประกาศ
ขยายเวลาเพิ่มและประกาศเดิมไร้ผลบังคับ ก็จะขอระงับใบลาออก” หรือเปล่า
ไม่เช่นนั้นน่าจะเพราะกรรมการบอร์ดหลักประกันสุขภาพ (สปสช.)
สี่คนยืนยันจะลาออกแน่นอนเพราะมีปัญหากับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน
(ก่อนหน้านี้มีแพทย์หญิงคนหนึ่งพูดให้ฮาว่า ถ้าให้ต้องยื่นบัญชีแล้วจะเป็นการเสี่ยงต่อโจรผู้ร้ายปล้นทรัพย์)
แต่สี่คนนีทำให้รัฐมนตรีสาธารณสุขสั่นเป็นเจ้าเข้า ในเมื่อไปอ้อนวอนให้อยู่ก่อนแล้วไม่มีใครเอา
อ้างจะมีผลกับการประชุมบอร์ดไม่ครบองค์ ๗ คน ไม่สามารถพิจารณาเรื่องสำคัญได้
ต้องเร่งจัดการสรรหากรรมการใหม่มาแทนที่ ภายในวันที่ ๓ ธันวานี้เลย
โหยยุ่งตายห่ละนี่
รองนายกฯ รัฐบาล คสช. ฝ่ายกฎหมายเปล่งศักดาแก่กล้าขนาดนี้ ร้อนถึงสภาคณาจารย์
ศูนย์ประสานงานเจ้าหน้าที่อุดมศึกษา และกลุ่มเสริมธรรมาภิบาลมหาวิทยาลัย
ร้องฮ้าว่านี่ คสช. จะใช้ ม.๔๔ กดดันการทำงานของ ปปช.เชียวหรือ
นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล ผู้ประสานงานของที่ประชุมชี้ว่าคำพูดของนายวิษณุ
“เข้าข่ายการแทรกแซงการทำหน้าที่อย่างโปร่งใสขององค์กรอิสระ” อีกทั้ง “อาจถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจจากตำแหน่งที่มีทางการเมืองเข้าแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบที่เป็นมาตรฐานตามหลักธรรมาภิบาล”
(https://www.matichon.co.th/education/news_1252487, https://www.prachachat.net/general/news-258439QWD04LPOM, https://www.matichon.co.th/social/news_1250973 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_1895354)
ไม่เท่านั้นอาการทั่นรองฯ
หัวหมอที่เดี๋ยวนี้พูดจาวางก้ามหนักข้อ (ไม่ช้าคงออกลายเจ้านาย มีสร้อย ‘ห่าเหว
ซังกะบ๊วย’ บ้างละ) ลามไปถึงเรื่องแบ่งเขตของ กกต. ซึ่ง ‘เกอรีแมนเดอร์’
เสียจนภาพแผนที่เขตที่แบ่งเป็นรูปตัวด้วงและผีเสื้อ น่าร้าก
วิษณุบอกใครไม่พอใจไปร้องศาลปกครองเอาเอง แต่คำสั่ง
คสช.ที่ออกมาให้อำนาจ กกต.เรื่องนี้ ฉบับที่ ๑๖/๒๕๖๑ นั้นดีไซน์ไว้ “เป็นตัวป้องกันในการฟ้องร้อง
ซึ่งจะคุ้มครองเฉพาะกรรมการชุดใหญ่ ที่เราเขียนป้องกันไว้ให้”
ส่วนพวกลูกไล่หางแถว “ในระดับล่าง หรือ กกต.จังหวัด”
ที่มีหลักฐานยืนยันว่า “การทุจริตหรือตุกติก” ไม่ได้มาจากชุดใหญ่ “ถ้าไปยื่นแล้วศาลเห็นว่าคำร้องที่ถูกยื่นไม่เข้าข่ายเพราะการแบ่งเขตที่ออกมาเป็นที่สุดแล้ว
ศาลก็จะไม่รับคำร้องดังกล่าว”
เรื่องสุดไม่สุดนี่ต้องฟังทั่นรองฯ อีกคน รายนี้รองเลขาธิการ
กกต. ณัฎฐ์ เล่าสีห์สวกุล พูดเอาไว้ให้กึ๊ก “การแบ่งเขตของ กกต.ทั้ง ๓๕๐ เขต ตามคำสั่งหัวหน้า
คสช.ที่ ๑๖/๒๕๖๑ ให้ถือเป็นที่สุด”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_1249490 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_1894845HWuZ5oC1no)
ถ้าจะให้สุดๆ แต่ไม่ ‘พิสุทธิ์’
คงต้องสไตล์พวกตะหาน คสช. ใช้กฎหมายและคำสั่งที่ออกกันมาเอง แบบว่าเที่ยวฟ้องนักการเมืองคนโน้นคนนี้เป็นชนักปักหลังไว้
หรืออย่างน้อยแกล้งให้ไปนอนคุกเสียสามสี่คืนฐานที่วิพากษ์ด่าว่า คสช. ให้ได้อาย
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.
แก้ตัวแทนคณะรัฐประหารว่าการฟ้องคดีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ต่อ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยนั้น ไม่ได้แอบแต่เดินเข้าไปแจ้งความตามปกติ
“หากมีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เช่น หมิ่นประมาท ทำให้บุคคลหรือองค์กรได้รับความเสียหาย”
ความเสียหายที่ว่าคือการไปออกรายการว้อยซ์ทีวีเมื่อ ๕
เดือนที่แล้ว บอกว่า “การเขียนรัฐธรรมนูญ การออกฏหมายลูก คำสั่ง คสช.ที่ออกมาโกง
อีกทั้งยังมีการสืบทอดอำนาจ” ที่ใครๆ ก็พูดอย่างนี้เกลื่อนเว็บ บางรายเพราะเกิด ‘ตาสว่าง’ ทั้งที่เคยเป่านกหวีดกวักมือเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจด้วยซ้ำ
ข้อสำคัญมันอยู่ที่ “ไปขอหมายจับวันศุกร์ตอนบ่าย กะว่าถ้าจับตนได้ก็ต้องนอนในห้องขังก่อน
เพราะศาลหยุดวันเสาร์อาทิตย์ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงศาลแล้ว ศาลไม่ออกให้เพราะตนไม่ได้ฆ่าคนตาย
ไม่ได้ค้ายาเสพติด ไม่ได้ผิดลูกเมียใคร เขาพูดเรื่องประชาธิปไตย” ต่างหาก
นี่ ‘เสรี’
เพิ่งท้าประยุทธ์ (จันทร์โอชา) มาลงเลือกตั้งแข่งกันมั้ย
ใครชนะอีกฝ่ายต้องหยุดการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งแน่อยู่แล้วประยุทธ์ไม่เอาหรอก เขารอพวกพรรคลิ่วล้อเอาเสลี่ยงมาหามไปเป็นนายกฯ
แต่ถึงตอนนี้มีปัญหา แม้จะได้เป็นนายกฯ
แต่เสียงในสภาผู้แทนฯ ไม่พองัดกับฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าเขารวมตัวกันได้เกิน ๒๕๐
เสียงโดยไม่ยาก สามารถยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกฯ แล้ว
สว.ลากตั้งไม่มีสิทธิเข้ามาช่วย ก็จบเห่