ท่าทีของประชาชน
ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ข่าวสดออนไลน์
13 สิงหาคม พ.ศ. 2559
มีความพยายามจะอธิบายผลการลงประชามติที่เสียงของผู้มาใช้สิทธิให้ความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง มีจำนวนสูงกว่าผู้มาใช้สิทธิที่ลงมติไม่เห็นชอบ ด้วยการจุดประเด็นและขยายต่อกันเป็นทอดๆ ทำนองว่า เสียงของประชาชนได้ปฏิเสธการชี้นำของพรรคการเมืองอย่างชัดเจน
เพราะพรรคการเมืองแทบทุกพรรค โดยเฉพาะ 2 พรรคใหญ่ ประกาศท่าทีไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอย่างเอิกเกริก ก่อนวันลงประชามติ
แต่สุดท้ายเสียงประชามติกลับเห็นชอบมากกว่า
นั่นแสดงว่า คนเริ่มไม่ยอมรับนักการเมืองอย่างเห็นได้ชัด เท่ากับว่าพรรคการเมืองทั้งหลายต้องไปปรับปรุงตัวเองครั้งใหญ่แล้ว
ยิ่งเมื่อพิจารณาสาระของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่เน้นควบคุมนักการเมืองจนแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
ประชาชนกลับยิ่งเห็นชอบ อย่างนี้แปลว่าอะไร
ข้ออธิบายประการนี้ก็น่าสนใจ พรรคการเมืองและนักการเมืองก็ต้องนำไปขบคิดกันต่อ!?
เพียงแต่ต้องถามกันต่อไปว่า จะถือว่าเสียงประชามติคราวนี้ สมบูรณ์แบบน่าเชื่อถือ จนสามารถใช้อธิบายความตกต่ำของพรรคการเมืองได้ขนาดนั้นหรือ
มองอย่างนี้ก็พอจะพูดได้ว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้น
ถ้าบรรยากาศของกระบวนการประชามติ เป็นไปอย่างเป็นประชาธิปไตยปกติ เปิดรับฟังทุกด้าน ก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่หาเป็นเช่นนั้นไม่
อีกทั้งมีภาพที่เห็นได้ชัดคือ เสียงของคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในกทม. ซึ่งจะต้องแห่แหนกันกลับบ้านเพื่อไปใช้สิทธิกัน กลับไม่ปรากฏให้เห็น
ว่ากันว่า การเลือกตั้งอบต. ยังมีความเคลื่อนไหวกลับบ้านไปกาบัตรคึกคักกว่านี้หลายเท่า!
เอาเป็นว่า โอกาสต่อไปที่จะได้เห็นประชาชนออกมาใช้สิทธิทางการเมือง คือการเลือกตั้งที่น่าจะมีในปลายปี 2560 นั้น
อาจจะเห็นได้ชัดเจนกว่า ว่าประชาชนปฏิเสธพรรคการเมืองจริงหรือไม่
ไม่เพียงเท่านั้น มีคำอธิบายผลประชามติที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่า นั่นคือ เสียงเห็นชอบส่วนใหญ่ เป็นเพราะไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดการสะดุด เกิดความขัดแย้งใดๆ อีก จึงเห็นว่าควรจะเร่งให้รัฐธรรมนูญออกมาบังคับใช้
เพื่อจะได้มีเลือกตั้งโดยเร็ว และจะได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งมาแทนที่รัฐบาลพิเศษ
เพื่อให้โลกเลิกปิดล้อม การค้าขายจะได้ฟื้นคืนมาเสียที
ประเด็นนี้ยิ่งไม่สามารถนำมาอธิบายได้ว่า เสียงประชามติคือปฏิเสธนักการเมือง
ที่สำคัญประชาชนจำนวนไม่น้อยล้วนตระหนักว่า มีแต่ระบบพรรคการเมือง นักการเมือง และการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ที่ยึดโยงกับอำนาจในมือประชาชนมากที่สุด
แล้วประชาชนจะไปปฏิเสธระบบที่ตนเองได้มีอำนาจการเมืองอย่างนั้นหรือ!?