วันอาทิตย์, สิงหาคม 09, 2558

บทความแปล: การต่อสู้กับรัฐบาลทหารจากต่างประเทศ: ยังคงฟาดฟันกันอย่างต่อเนื่องโดยผู้ลี้ภัยทางการเมืองของประเทศไทย

บทความโพสต์อยู่ที่ Facebook ส่วนตัว: บทความแปล: การต่อสู้กับรัฐบาลทหารจากต่างประเทศ: ยังคงฟาดฟันกันอย่างต่อเนื่องโดยผู้ลี้ภัยทางการเมืองของประเทศไทย

(อ้างอิงFighting the junta from abroad: Struggle goes on for Thailand’s political exiles)

เขียนโดย อัศนีย์ วารี (Asanee Waree)

"ผมหลบออกมาจากประเทศไทย... เพื่อในวันหนึ่งข้างหน้า เรื่องราวต่างๆ ของผมอาจจะถูกลืมกันไป.... จากนั้น ผมก็สามารถเดินทางกลับบ้านได้อีกครั้งหนึ่ง..."

---------------------------------------------

ผู้แสวงหาการลี้ภัยทางการเมืองเป็นจำนวนนับร้อยคน ได้หลบหนีออกจากประเทศไทย จากการไล่ล่าของกองกำลังฝ่ายกองทัพตั้งแต่หลังการรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว ผู้ต่อสู้ทางการเมืองที่มีชื่อเสียงโดดเด่น เช่น คุณอั้ม เนโกะ และ คุณจรัญ ดิษฐาอภิชัย ต่างแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการเนรเทศตนเอง ด้วยการเล่าถึงเหตุการณ์อันสำคัญที่เป็นการข่มขู่คุกคามกับชีวิตของพวกเขา แต่สำหรับบุคคลผู้มีชื่อเสียงน้อยกว่าซึ่งหลบออกมานอกประเทศนั้น ทางเลือกที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังนั้น กลายเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกกังวลและเพิ่มความยากลำบากต่อความหวังว่าจะได้กลับไปอย่างเงียบๆ กัน



อันตรายของการมีชีวิตอยู่ในประเทศไทย ภายใต้การปกครองของฝ่ายทหาร:


คุณเกมส์ ซึ่งเป็นนักศึกษาอายุ 19 ปี ใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดกลัวต่อความปลอดภัยของตัวเขาเองก่อนที่เขาจะหลบหนีออกมาจากการปกครองของฝ่ายทหารในประเทศไทย "ผมกลัวมาก.... ครอบครัวของผมก็กลัว... เพื่อนๆ ของผมก็กลัว" เขากล่าว " พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะพูดคุยกับผม เนื่องจากว่าผมเป็นเป้าหมายของฝ่ายทหารอยู่"

คุณเกมส์ เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงมากต่อการถูกจับกุม หลังจากทำการแสดงละครเรื่อง "เจ้าสาวหมาป่า" ซึ่งเป็นการแสดงละครของมหาวิทยาลัย แต่กลับกลายเป็นเรื่องทีไปก้าวร้าวต่อฝ่ายพระบรมวงศานุวงศ์ของประเทศไทย - นั่นก็คือ อาชญากรรมในข้อหา การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีโทษต้องจำคุก ตั้งแต่ 3 ไปจนถึง 15 ปี เพื่อนๆ ของคุณเกมส์สองคน ได้ถูกตัดสินว่ากระทำความผิด และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี  ในโทษฐานที่มีบทบาทในละครที่แสดงอยู่ ด้วยความกลัวที่จะโดนตัดสินแบบเดียวกันกับเพื่อนของเขา คุณเกมส์ตัดสินใจหลบหนี และในท้ายที่สุด ก็สามารถข้ามพรมแดนออกมาจากการไล่ล่าได้เป็นผลสำเร็จ

ประสบการณ์ของคุณเกมส์เป็นเรื่องของความจำเป็นเรื่องหนึ่ง นั่นคือ: เมื่อเพื่อนร่วมแสดงถูกจับกุมแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอี่นใด นอกจากหลบหนีออกไปจากประเทศไทย หรือไม่ก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกจับกุม "ผมไม่ต้องการที่จะเป็นผู้ทำการเคลื่อนไหวหรือนักจัดกิจกรรมแต่อย่างใด" คุณเกมส์กล่าว และดูเหมือนว่า เขาไม่สามารถที่จะเชื่อตนเองได้ว่า ตนได้ถูกบังคับให้เนรเทศออกมาทั้งๆ ที่ตนเองเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง อีกเพียงไม่กี่เดือน เขาก็จะมีอายุ 20 ปีเต็ม และมีความรู้สึกคล้ายกับว่า "เป็นแค่เด็กๆ คนหนึ่งที่ต้องเนรเทศตัวเองออกมา"

ความหวาดกลัวของคุณเกมส์ได้ถูกแชร์ให้ผู้ลี้ภัยทุกๆ คนที่ให้การสัมภาษณ์ได้รับทราบกัน มีคุณบัว ซึ่งก็เป็นผู้มีส่วนร่วมในการแสดงละครเรื่อง "เจ้าสาวหมาป่า" อยู่ด้วย และแสดงความคิดเห็นอย่างห่วงใยเช่นเดียวกันกับคุณเกมส์ คุณบัวเล่าลายละเอียดว่า ทางฝ่ายทหารได้ออกหมายจับต่อนักแสดงอย่างเขาอย่างไร โดยเฉพาะด้วยการส่งไปยังท้องถิ่นหลายๆ แห่ง และเหตุการณ์เป็นอย่างไรในเวลาต่อมา ที่ทำให้เขาไม่มีทางเลือกใดๆ เหลืออยู่เลย นอกเสียจากหลบออกไปนอกประเทศเสีย "เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของผมไว้"

จากนั้น ก็มีคุณขุนทอง ไฟเย็น และ คุณจอม (ป๋า จอมตั๊บ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักดนตรีผู้หลบอยู่นอกประเทศ ที่มีจุดประสงค์ในการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองจากต่างประเทศ และคุณอนุชา ซึ่งเป็นอาจารย์ และยังทำหน้าที่เป็นผู้แปลภาษาอังกฤษให้กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อยู่นอกประเทศอีกด้วย ทั้งคุณขุนทอง และคุณจอมต่างก็บอกว่า พวกเขามีความวิตกกังวลต่อความปลอดภัยของพวกเขา คุณป๋าจอม มีความรู้สึกว่า การข่มขู่คุกคามนั้นเป็นเรื่องที่เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว (พ.ศ. 2557) เขาได้ถูกส่งไปอยู่ในคุก (ข้อมูลเพิ่มเติม:  คุณจอมให้ข้อมูลแก้ไขว่า ตนเอง "ถูกออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัวที่ค่ายทหาร ไม่ได้ถูกส่งไปอยู่ในคุกตามบทความที่ลงไว้ในภาษาอังกฤษ") ภายหลังการก่อการรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 ด้วยข้อหาเพียงแค่ นัดรวมตัวกับเพื่อนๆ ด้วยกันเพื่อพูดคุยในเรื่องการเมือง เขาได้ละเมิด "กฎหมายบ้าบอคอแตก" ของระบบกองทัพที่ห้ามมิให้ประชาชนรวมตัวกันเกินกว่า 5 คน เพื่อการนัดหมายพูดคุยกันทางการเมือง คุณอนุชาเป็นบุคคลที่มีอุดมการณ์มากกว่าคนอื่นๆ กล่าวว่า บุคคลที่เป็นผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างตัวเขานั้น ไม่ได้หลบออกมาจากประเทศไทย เพียงเพื่อหนีจากการกระทำอันเป็นเผด็จการเลย แต่เขาทำเพื่อ "การต่อสู้โต้กลับ" กับฝ่ายทหารเอง

---------------------------------------------

สภาพความเป็นอยู่โดยทั่วไป:

ชีวิตภายใต้การลี้ภัยนั้น กลายเป็นทางเลือกเกินกว่าที่คุณขุนทอง, คุณจอม และคุณอนุชา ได้คิดไว้ ซึ่งบุคคลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถือว่าตนเองว่า เป็นพวก "นักจัดกิจกรรมเพื่อการต่อสู้" (Activists) และมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับพวกเขาเลย คุณขุนทองจะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงินอุดหนุนบริจาค (Stipend) ประมาณ $100 เหรียญ (3,500 บาท) ต่อเดือน ซึ่งถูกนำไปใช้เป็นค่าอาหาร, ค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า -- ซึ่งห่างไกลมากจากจำนวน $1,000 เหรียญ (35,000 บาท) ที่เขาเคยได้รับตอนสมัยอยู่ในกรุงเทพมหานครจากการเล่นดนตรี

ในขณะที่กลุ่มผู้ลี้ภัยอีกหลายๆ คนที่อยู่ในพื้นที่ที่คุณขุนทองอาศัยอยู่นั้น ต่างก็มีบ้านช่องและได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือเพื่อการทำมาหากินจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นอกเห็นใจ เขาก็เห็นได้ชัดว่า "ไม่มีนักจัดกิจกรรมเพื่อการต่อสู้เหล่านี้ สามารถอยู่อาศัยกันได้อย่างสบายๆ ในที่นี่เลย" มันเป็น "เรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้" ที่จะหางานทำ จากสมมติฐานที่ว่า เขาสามารถเล่นดนตรีในที่สาธารณะได้ และพวกเขาก็ไม่มีกองทุนหรือเครือข่ายใดๆ ที่จะเริ่มประกอบธุรกิจกันในต่างประเทศ เนื่องจากสถานภาพทางเศรษฐกิจของเขา คุณขุนทองก็วิเคราะห์ตนเองว่า เป็นผู้ที่มีความเป็น "อิสระเพียงครึ่งเดียว" ในขณะที่หลบจากการจับกุมของฝ่ายไทยอยู่

ตามที่คุณขุนทองอ้างไว้ เขายังเป็น "นักจัดกิจกรรมที่เต็มไปด้วยภาระ" เขาเคยเป็นผู้ทีหาเงินเข้ามายังครอบครัวของเขา ในเวลานี้ เขาจะต้องกระเสือกกระสนเพื่อที่จะไม่ต้องติดลบกับเรื่องเงินทองในขณะที่เขายังหลบอยู่ในต่างประเทศ ในบางเวลา คุณขุนทองก็ทราบดีเสมอว่า ในเวลาหนึ่ง ความคิดอ่านของเขาเองจะบังคับให้ตัวเขาต้องออกไปจากประเทศ แต่เขาไม่สามารถหลบพ้นไปจาก"ความเครียด, ความเจ็บปวด และความอับอาย" ซึ่งไม่สามารถจะช่วยเหลือครอบครัวเขาได้

แม้ว่ากำลังหลบภัยอยู่ก็ตาม คุณอนุชาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในความกลัวว่า ทางฝ่ายเผด็จการทหารเอง กำลังดันเรื่องทำการจับกุมตัวเขาในขณะที่ยังอยู่ในต่างประเทศ มีการอ้างว่า บุคคลที่ทำการขอลี้ภัยทางการเมืองอย่างเช่นคุณอนุชานั้น เป็นพวกผู้ก่อการร้าย ทางการของประเทศไทยมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะอุปถัมภ์ในเรื่องกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้สำเร็จให้จงได้

---------------------------------------------

การจัดกิจกรรมเพื่อการต่อสู้จากต่างประเทศ:

ในฐานะที่เป็นสมาชิกของ "วงไฟเย็น" ทั้งตัวคุณจอมและคุณขุนทองเอง ต่างก็มีจุดประสงค์ในการดลบันดาลใจให้กับผู้คน เพื่อออกมาร่วมดำเนินการทางการเมืองด้วยกัน โดยใช้ดนตรีและบทเพลงของพวกเขา คุณจอมอธิบายว่า "เมื่อสิ้นสุดเวลาของวัน.... ความหวังก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้คนสามารถเข้าใจถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด" เขาเขียนบทเพลง เพื่อเป็นหนทางในการสื่อสารกับผู้ฟังรุ่นหนุ่มสาวในประเทศไทย "ตราบนานเท่าที่คุณยังฟังและคิดวิเคราะห์กันอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับเรื่องที่เรากล่าวไว้ คุณก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของพวกเราไปเรียบร้อยแล้ว" เขากล่าวสรุป

กลุ่มผู้ลี้ภัยนี้ ก็ยังมีความเชื่อมโยงกับผู้คนในประเทศไทยด้วยการสื่อสารกันทางโซเชี่ยลมีเดี่ย ถึงแม้ว่า คุณอนุชาและคุณบัวจะดูเงียบขรึมมากกว่าคนอื่นก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงใช้โซเชียลมีเดี่ย กันอย่างไม่หยุดหย่อน และให้การสนับสนุนทางอินเตอร์เนท กับกลุ่มที่ทำการเคลื่อนไหวต่อต้านฝ่ายทหารในประเทศไทย จุดประสงค์หนึ่งของการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ของคุณอนุชานั้น ก็เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทย "ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา"

เขาแย้งว่า การโค่นล้มระบอบเผด็จการทหารในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจของประชาชนในเรื่องโครงสร้างทางการเมืองที่ซ่อนเร้นอยู่ในสังคมไทย และรวมไปถึงความพร้อมของพวกเขาที่จะต่อสู้เพื่อตัวเขาเอง คุณบัวเห็นว่า การแสดงความคิดเห็นของเขาโดยใช้เครือข่ายทางโซเชี่ยลนั้น เป็นหนทางของเขาเองในการตอบแทนกลับไปให้กับสังคม

---------------------------------------------

ความหวังในอนาคต::

ทัศนคติของผู้ลี้ภัยนั้น ห่อหุ้มสภาพการณ์ปัจจุบันในหมู่นักจัดกิจกรรมของประเทศไทย นั่นก็คือคือ ติดกับอยู่ระหว่างความไม่แยแสใดๆ และ การต่อต้านที่เพิ่งเริ่มในระยะแรกๆ เพื่อต่อสู้กับระบอบทหาร "ผมไม่ทราบว่า (การต่อสู้ของผม) มันจะคุ้มกับคุณค่าหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุด เราจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้" กล่าวโดยคุณจอม แต่คุณบัว ก็ยอมรับว่า เขายังมีความหวาดกลัวกับการต่อต้านกับฝ่ายทหาร เมื่อเขาก็ยังมีความเคลือบแคลงอยู่ว่า ความสำเร็จสามารถเกิดขึ้นอย่างแท้จริงได้มากแค่ไหน จากการใช้กิจกรรมในการต่อสู

ส่วนตัวคุณเกมส์เอง ก็ขอเพียงแค่เดินทางกลับบ้านได้เท่านั้น "ผมออกมาจากประเทศ.... เพื่อที่วันหนึ่งข้างหน้า เรื่องราวต่างๆ ของผมจะได้ลืมๆ กันไป ..... จากนั้น ผมก็สามารถกลับบ้านได้อีกครั้งหนึ่ง" เขากล่าว แต่เมื่อหนทางกลับนั้นถูกปิดกั้นลงเสียแล้ว คุณเกมส์ก็เริ่มทำงานเป็นดีเจให้กับสถานีวิทยุออนไลน์แห่งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อที่จะยืนหยัดต่อสู้กับพวกทหารที่ก่อการรัฐประหาร ในเวลานี้ เขาใช้สภาพหน้าที่ของเขาในการอยู่ต่างประเทศ เพื่อ "เป็นเครื่องมือที่จะนำเอาความเปลี่ยนแปลงกลับไปสู่ประเทศไทยให้ได้"

---------------------------------------------

หมายเหตุ:

* คุณอนุชาและคุณบัว เป็นชื่อที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นนิรนาม ถ้าไม่รวมการสัมภาษณ์กับคุณอนุชาแล้ว การสัมภาษณ์กับบุคคลอื่นๆ ทั้งหมด ได้ถูกแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ

** ไม่มีการเปิดเผยสถานที่หรือตำแหน่งที่อยู่ของผู้หลบภัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น

*** ชื่ออัศนีย์ วารี เป็นนามแฝง (Nom de pleur)



---------------------------------------------

ความคิดเห็นของผู้แปล:

เชิญแชร์บทความได้ตามสบายนะคะ 

และขอกล่าวให้ทราบว่า บุคคลที่ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในต่างประเทศนั้น ไม่ได้มีความเป็นอยู่อย่างสบายๆ แต่อย่างไร พวกเขา / พวกเธอ ต้องดิ้นรน เพื่อต่อสู้ให้กับอุดมการณ์ที่มีอยู่ ด้วยความหวังที่ว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า ประชาชนชาวไทยจะได้รับทราบถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง


Doungchampa Spencer-Isenberg