วันพฤหัสบดี, มีนาคม 03, 2559

"ทำไมผมถึงวิจารณ์คุณไม่ได้?”





"ทำไมผมถึงวิจารณ์คุณไม่ได้” ประโยคนี้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ต้อง goes viral แชร์กันระเบิดแน่

เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีคนสนองกันแล้ว “นั่นสิ ทำไมถึงวิจารณ์ไม่ได้” คุณ ♥Ghost Writer ♥ @RITT41 แกทวี้ตไว้

ลองฟัง ‘ลูกน้อง’ คสช. ดูก่อนว่า ‘ทำไม’

พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น

“เนื่องจากพบการแสดงความเห็นที่อาจจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของ คสช. จึงได้มีการเชิญเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจ พร้อมขอความร่วมมือเบื้องต้นเท่านั้น

และยืนยันว่าเป็นเพียงการทำเพื่อความสงบเรียบร้อย ไม่ได้เป็นการขัดแย้งกันแต่อย่างใด พร้อมทั้งยังกล่าวด้วยว่ายังมีอีกหลายคนที่แสดงความเห็นในลักษณะเดียวกัน จึงอยากขอความร่วมมือทุกฝ่าย อย่าเพิ่งออกมาเคลื่อนไหว”

(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=682562)

อ่า น้องพันเอก ‘อีกหลายคนที่แสดงความเห็นในลักษณะเดียวกัน’ เขาก็คงบอกว่า “ทำไมจะวิจารณ์ไม่ได้” เหมือนแหละ ดูที่ วัฒนา เมืองสุข หนึ่งในคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการพาณิชย์เขียนไว้ ถึงจะเข้าใจ




“นายทหารพระธรรมนูญแจ้งกับผมว่า ข้อความที่ผมโพสต์นั้นเป็นความเท็จทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งผมไม่ขอมีความเห็น เพราะเมื่อมีการดำเนินคดีแล้วก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม

แต่สิ่งที่ผมต้องพูดคือ ถ้าคุณเห็นว่าผมทำผิด คุณต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับผมตามกฎหมาย ไม่ใช่ยกกำลังมาบุกบ้านเพื่อควบคุมตัวผมไปอย่างที่ทำกัน

นั่นคือพฤติกรรมของการลุแก่อำนาจและใช้อำนาจตามอำเภอใจ ซึ่งขัดกับคำพูดของพวกคุณเองที่เรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย นี่คือสาเหตุสำคัญที่ผมเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย”

(https://www.facebook.com/WatanaMuangsook/posts/714259592042906)

นั่นเป็นโพสต์เฟชบุ๊คของเขาทันทีที่กลับถึงบ้าน หลังจาก คสช. ทำทรกรรม ส่งทหารราวสิบคนบุกบ้านของเขา

“วานนี้ผมถูกทหารมาควบคุมตัวไปจากบ้านเพื่อปรับทัศนคติ กรณีที่ผมโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ควิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรี ทหารพาผมไปถึง มทบ. ๑๑ ประมาณ ๑๑.๓๐ น. จากนั้นผมถูกควบคุมตัวไว้ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ ๕ x ๘ เมตร มีนายทหารมาพูดคุยกับผมสองชุด

จนเวลาประมาณ ๒๑.๓๐ น. ผมจึงถูกควบคุมตัวมาที่ สน. นางเลิ้ง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาผมตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ เสร็จจากโรงพักทหารพาผมกลับมาส่งถึงบ้านประมาณ ๒๓.๑๐ น. วันนี้ผมต้องไปศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อขอประกันตัวสู้คดีต่อไปตามกฎหมาย”

เกือบ ๑๒ ชั่วโมงที่ต้องทนกับพฤติกรรม ‘ลุแก่อำนาจ’ ซึ่งคนที่ (ไม่ยอม) รับผิดชอบตระบัดสำนวนว่าแค่ “เรียกไปกินข้าวหน่อย”

ซ้ำร้าย ใช้เล่ห์กลลวงล่อดุจสุนัข (จิ้ง) จอก “ทหารกลุ่มที่พาตัวผมไปได้ย้อนกลับมาที่บ้านผม มาหลอกแม่บ้านว่าผมใช้ให้มาเอาโทรศัพท์ที่ผมฝากไว้กับลูกสาว โชคดีที่ลูกสาวผมไม่เชื่อไม่มอบโทรศัพท์ให้ไป

พฤติการณ์ของทหารที่ทำแบบนี้ควรเรียกว่าอะไรครับ” คำตอบอยู่บนสันดอน

เหตุการณ์ “ใช้อำนาจตามอำเภอใจ” ครั้งนี้มิได้หลุดรอดไปจากสายตาของสาธารณชนจำนวนมาก ดังที่เจ้าตัวขอบคุณ “พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ พรรคเพื่อไทย นายกยิ่งลักษณ์ ทุกท่านและทุกองค์กรที่เรียกร้องให้ทหารปล่อยตัวผม”

โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ปล่อยตัวโดยอดีตนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้ ‘ลิ่วล้อ’ คสช. ต้องออกมาชี้แจงบ้าง

“พ.อ.วินธัย สุวารีโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกรณีแถลงการพรรคเพื่อไทย กับข้อกังวล นส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ...

คสช.ก็ได้เคยขอความร่วมมือให้ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีของบ้านเมืองมาแล้ว แต่กลับยังมีการกระทำในลักษณะเดิมอีก จึงจำเป็นที่ต้องเชิญมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม”

ด้วยการกล่าวโทษต่อข้อตำหนิบิ๊กตือเหยียดเพศของนายวัฒนาว่า “เป็นการนำเสนอในลักษณะเชิงกล่าวหา เชิงอคติ ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและสังคมสับสน สุมเสี่ยงต่อความสงบเรียบร้อย”

อันเป็นวิธีแก้ต่างด้วยการทำให้แผ่นเสียงตกร่อง ใช้ ‘วาทกรรมซ้ำซาก’ (อ่านได้เต็มๆ จาก http://www.matichon.co.th/news/56888) ล้วนสำนวนแบบนักยึดอำนาจ (อยากอยู่ยาว) เพื่อประชาธิปไตยที่ยังไม่รู้หมู่หรือจ่า (แต่อ้างว่าจะให้ยั่งยืน)

วิธีการ ‘ลุแก่อำนาจและใช้อำนาจตามอำเภอใจ’ ของ คสช. เลยเป็นลัทธิเอาอย่างสำหรับองค์กรอิสระที่จะยกระดับขึ้นไปเป็น ‘เทวดา’ เหมือนศาล ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญ ‘มีชัย’ ผ่านออกมาบังคับใช้

วันนี้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ผลิต นวรรต ‘เวร’ ใหม่ ฟ้องทั้งคนทำผิดและผู้เสียหาย ในคดีที่ กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งครั้งหลังสุด แล้ว กกต. เองเป็นใจ





“ที่ประชุม กกต. ได้พิจารณาโดยลับและลงมติเอกฉันท์ ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ขัดขวางการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ”

นั่นคือฟ้องทางอาญาต่อกลุ่ม กปปส. ๒๓๔ คน อันมี “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. นายถาวร เสนเนียม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย พระพุทธอิสระ แกนนำกปปส. เป็นต้น” พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ๒,๔๐๐ ล้านบาท

(http://www.matichon.co.th/news/56873)

ใครที่ศรัทธากับระบบปกครองที่ต้องผ่านการเลือกตั้งคงจำกันได้ หลายต่อหลายคนที่พยายามจะไปใช้สิทธิกรอกบัตรลงคะแนน ถูกพวก กปปส. สกัดกั้นและทำร้าย หีบบัตรหลายแห่งถูก กปปส. ยึดครองไม่ยอมให้ใช้ กกต. เองก็ทำตัวเป็น กขต. (คณะกรรมการขัดขวางเลือกตั้ง)

การยื่นฟ้องร้อง กปปส. ก็ถูกต้องแล้ว แต่ไหงมีพ่วงฟ้องแพ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เรียกค่าเสียหายต่อรัฐ ๒,๔๐๐ ล้านด้วย โดยแย้มว่า “ถ้าผิดทั้งสองฝ่ายก็อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายคนละครึ่ง”

(http://www.matichon.co.th/news/56873)

“ให้ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐหนึ่งราย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานละเมิด โดยการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตามพ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้งทั้งที่มีการทักท้วงกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว โดยเรียกค่าเสียหาย ๒,๔๐๐ ล้านบาทเช่นเดียวกับกลุ่มแรก”

อ๋าย กกต. ทำอย่างนี้มิเรียก ‘ตบทรัพย์’ ยิ่งลักษณ์เอาไปช่วยจ่ายค่าปรับให้ กปปส. ดอกหรือ ตอนนั้นก็ช่วยทีหนึ่งแล้ว (เรียกร้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์เลิกล้มเลือกตั้ง) ตอนนี้สอดไส้คำวินิจฉัยผูกมัดยิ่งลักษณ์เข้าไปด้วย

ทั้งๆ ที่รัฐบาลตอนนั้นน่ะเป็นผู้เสียหายชัดๆ ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วงได้เพราะ กกต. ให้ท้ายฝ่ายต่อต้าน นี่จะให้ผู้เสียหายจ่ายคนละครึ่งกับผู้กระทำผิดเสียอีก

แล้วยังที่ว่า “พิจารณาโดยลับ” นั้นน่ะ ใครได้ยินต้องชวนคิดไปว่า ‘ลับ’ เพราะต้องพิจารณาตาม ‘ใบสั่งงาน’ หรือเปล่า

ดังที่คนสำคัญในพรรคเพื่อไทย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศโต้ว่า ขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเพียงนายกฯ รักษาการ “ซึ่งผู้ที่จะต้องตัดสินใจให้ยกเลิกหรือดำเนินการเลือกตั้งต่อไปหรือไม่ ก็คือ กกต. เท่านั้น เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ กกต.”




“รัฐบาลรักษาการณ์จะใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในเรื่องอะไรก็ตามก็ยังต้องขออนุมัติจาก กกต. แทบทุกเรื่อง...

แม้กระทั่งการประท้วง ปิดกั้นไม่ให้มีการเลือกตั้งโดย กปปส. หรือใครก็ตามก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง”

(http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/689132)

ไฉนตอนนี้ให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายกฯ รักษาการเสียอีก

แล้วก็ช่วยไม่ได้ละ ที่จะสงสัย กกต. เกิดเห็นดีกับวิธีของสุวิทย์ อิสระ ที่เคยตบทรัพย์โรงแรมเอสซีพ้าร์คได้สำเร็จ เลยคิดจะ ‘ขอกิน’ กับยิ่งลักษณ์บ้าง

คงอย่างที่ V Nus @meVnus ว่า “ยกฟ้อง ‪#‎กปปส‬ ขวางเลือกตั้งไปแล้ว จะมาเรียกร้องเอาเงินจาก ‪#‎อิปูว์‬ และพวกนกหวีดอีกทำไม ในเมื่อล้มเลือกตั้งไม่ผิด

หรือถังแตกพอดี?”