https://www.facebook.com/thepotentialTH/posts/707220111617106?ref=embed_post
The Potential
4d·
“ปรากฏการณ์ความรุนแรงในเด็กและเยาวชน มันเกิดขึ้นบนทุนชีวิตที่กำลังอ่อนแอและบกพร่องครับ”
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวจากประสบการณ์ของกุมารแพทย์และผู้ดูแลงานวิจัยชุด #ทุนชีวิต ซึ่งเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ระบบนิเวศที่แวดล้อมเด็ก 5 ด้านเป็นตัวชี้วัดได้แก่ พลังตัวตน พลังครอบครัว พลังชุมชน พลังเพื่อนและกิจกรรม
15 ปี กับกว่า 1 แสนตัวอย่างของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั้งในและนอกรั้วโรงเรียน ข้อค้นพบก็คือ ทุนชีวิตของเด็กอ่อนแอลงเรื่อยๆ ในทุกๆ ด้าน
"เสียงสะท้อนของเด็กคือ เขาไม่มีความสุข ไม่ได้มีความรู้สึกดีกับตัวเอง ไม่มีความรู้สึกดีต่อบ้าน ชุมชน โรงเรียนและเพื่อน”
“วันนี้สิ่งที่หมอค้นพบคือ ระบบนิเวศของเด็กป่วยซะยิ่งกว่าตัวเด็ก ระบบนิเวศของเด็กอาการหนักกว่าตัวเด็ก หมอใช้งานวิจัยตอบทั้งนั้นไม่ใช่คิดเอาเอง รวมทั้งการที่หมอเป็นหมอเองด้วยแล้วมีโอกาสตรวจคนไข้วัยรุ่น
หมอจะเปรียบเทียบให้ฟังว่า 100 เคสที่มาพบหมอ เราพบว่าครึ่งหนึ่งนั้นหมอรักษาคนที่พามา คือพ่อแม่ และอีก 25% ตามไปซ่อมคนส่งมาก็คือครู แสดงว่า 75% ของเด็กที่ส่งมาว่าเป็น ‘เด็กมีปัญหา’ นั้น 75% คือบริวารของเด็กที่มีปัญหามากกว่าตัวเด็ก บางรายต้องส่งไปพบจิตแพทย์ผู้ใหญ่ มาด้วยเด็กแท้ๆ แต่คนได้ยากลับบ้านคือผู้ใหญ่ เพราะอาการหนักเกินเด็ก”
“เหตุที่กำลังเกิดขึ้นบนความรุนแรงต่างๆ ย้อนกลับไปดูจะเห็นเลยว่าบ้านไม่เป็นบ้าน แต่นอกจากสมมติฐานของผู้ใหญ่ที่ชอบพูดกันว่า ถ้าบ้านอยู่ในสภาวะยากลำบาก บ้านเป็นครอบครัวหย่าร้าง พ่อแม่มีการศึกษาน้อย พวกนี้เลี้ยงลูกมีความเสี่ยง เสี่ยงยาเสพติด เสี่ยงอะไรสารพัด หมอล้มสมมติฐานนี้ด้วยงานวิจัยของหมอว่า มีข้อที่ 4 เพิ่มคือ #เลี้ยงลูกมีทุนชีวิตต่ำ เป็นบ้านที่มีการศึกษา พ่อแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้หย่าร้าง แล้วก็ร่ำรวยคือมีฐานะ แต่เงื่อนไขคือเลี้ยงลูกให้มีทุนชีวิตต่ำ
คะแนนทุนชีวิตที่ต่ำนั้นพร้อมจะมีพฤติกรรมเสี่ยง อย่าว่าแต่ความรุนแรงเลย ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็กติดเกม ปัญหาพ่อแม่วัยใส ทุกปัญหาที่กำลังระดมเกิดขึ้นในประเทศไทยบนวาระแห่งสารพัดชาติที่กำลังเกิดขึ้นนี้ หมอบอกให้เลยว่ามันมาจากรากเหง้าของทุนชีวิตที่อ่อนแอหมดเลย
เพราะฉะนั้นเวลาหมอตอบคำถาม หมอจึงตอบได้ชัดเจนว่า ระบบนิเวศมันป่วยซะยิ่งกว่าตัวเด็ก ทีนี้พอระบบนิเวศป่วย ทุนชีวิตอ่อนแอ พลังบวกมันดรอปลงไปเนี่ยพฤติกรรมเสี่ยงมันจะออกมาทันทีเลย เด็กก็ก่อเหตุก่อการได้หมด"
ในสถานการณ์ที่ระบบนิเวศรอบตัวเด็กทุกด้านส่งสัญญาณอันตราย นพ.สุริยเดว บอกว่าอย่างน้อยขอ 2 ระบบนิเวศที่ใกล้ชิดตัวเด็กอย่าง ‘บ้าน’ และ ‘โรงเรียน’ ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย
"บ้านมันเป็นที่ close เด็ก ที่พ่อแม่ก็เป็นต้นแบบที่ดี แล้วใช้ความรักความอบอุ่น และต้องไม่สำลักความรักด้วยนะ โปรดเข้าใจด้วยนะ เพราะการเลี้ยงลูกจนสำลักความรักก็มีปัญหา
พูดง่ายๆ คือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน มีการเหลาความคิด มีการจัดการแบบคลุกวงใน เป็นครอบครัวหัวใจประชาธิปไตยที่สร้างการมีส่วนร่วม ฟังเสียงเด็ก ฟังเสียงซึ่งกันและกัน สามารถจัดการอารมณ์ได้ และพ่อแม่เองก็เป็นต้นแบบที่ดี”
ส่วนโรงเรียน "โรงเรียนก็ต้องมีการจัดการ มีการบริหารความร่วมมือระหว่างสมาคมผู้ปกครองกับครู อย่างเรื่องการบูลลี่ ถ้าบ้านกับโรงเรียนทำงานกันดีๆ ป้องกันได้ มีระบบช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งระบบพวกนี้มีนะในประเทศไทย ไม่ใช่ไม่มี แต่มันไม่ถูกปัดฝุ่นออกมาใช้ให้มันเข้มแข็งและเอาจริงเอาจัง"
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม (https://thepotential.org/social-issues/life-assets/)
เรื่อง ชุติมา ซุ้นเจริญ
ภาพ ปริสุทธิ์