วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2567

พรรคการเมืองจะสร้างชาติได้อย่างไร ในเมื่อออกแบบกติกาให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ไม่ไว้ใจประชาชน


พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
4h
·

[ พรรคการเมืองจะสร้างชาติได้อย่างไร ในเมื่อออกแบบกติกาให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ไม่ไว้ใจประชาชน ]
.
ระหว่างที่คดียุบพรรคก้าวไกลในฐานความผิด “ล้มล้างการปกครอง” กำลังดำเนินไปตามกระบวนการอย่างต่อเนื่อง วันนี้ (27 มี.ค. 67) ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “พรรคการเมืองสร้างชาติ” ที่จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีตัวแทนจากภาควิชาการและพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้แก่ ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย นักวิชาการ ร่วมวงเสวนาด้วย
.
ชัยธวัชกล่าวว่า อันดับแรกต้องขอขอบคุณ กกต.ที่ยังให้เกียรติเชิญพรรคการเมืองที่ กกต.เห็นว่ามีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองมาร่วมเสวนาวิชาการในครั้งนี้ โดยคำถามที่ว่า “พรรคการเมืองจะทำให้การเมืองดีได้อย่างไร” ตนต้องย้ำก่อนว่าในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองเป็นตัวแสดงที่สำคัญมากอย่างน้อยในสองแง่ ประการแรก พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน เป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญมากในการแสดงออกซึ่งอำนาจและเจตจำนงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ในแง่นี้ การทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอหรือกดทับพรรคการเมืองเอาไว้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ เป็นการลดทอนอำนาจและการแสดงออกซึ่งเจตจำนงของประชาชนผ่านระบบการเลือกตั้งไปด้วย
.
ประการที่สอง พรรคการเมืองมีความสำคัญมากในการสร้างชาติและทำให้การเมืองดี ในแง่การเป็นผู้ที่มีบทบาททางตรงในการกำหนดนโยบายสาธารณะและการออกกฎหมาย ปกติเวลาจะกำหนดนโยบายสาธารณะเรามักนึกถึงสถาบันทางวิชาการ สำนักคลังสมองต่าง ๆ รวมถึงนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญ เรามีการเสวนาทางนโยบายทุกปี แต่เราไม่เคยเห็นพรรคการเมืองหรือการส่งเสริมให้พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญเหล่านี้
.
ในแง่นี้ การพัฒนาการเมืองให้เอื้อต่อการเติบโตและความเข้มแข็งของพรรคการเมือง ก็จะเป็นการพัฒนาตลาดการเมืองไปด้วย กล่าวคือ ถ้าเราทำให้ระบบการเมืองมีความเสรีและเป็นธรรม มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและยกระดับการนำเสนอนโยบายให้พัฒนาเติบโตไปพร้อมกันด้วย การสร้างกฎกติกาและการออกแบบระบบการเมืองจึงสำคัญต่อการพัฒนาพรรคการเมือง
.
ดังนั้น คำถามที่อาจจะสำคัญกว่า “พรรคการเมืองจะทำให้การเมืองดีได้อย่างไร” คือ “การเมืองที่ดีคืออะไร” หากย้อนกลับไปอ่านบันทึกประชุมการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง หรือรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ก็จะเห็นวิธีคิดหรืออาจจะรวมถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการออกแบบกฎกติกาที่มีปัญหา
.
สำหรับชัยธวัชแล้ว “การเมืองที่ดี” ในระบอบประชาธิปไตยต้องวางอยู่บนหลักการพื้นฐานง่าย ๆ คืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานได้รับการคุ้มครอง กฎกติกามีความเสรีและเป็นธรรม ยึดหลักนิติรัฐ (rule of law) ไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง (rule by law) ถ้าคิดอยู่บนพื้นฐานนี้ระบบจะเอื้อต่อการพัฒนาทางการเมือง และไม่ต้องกลัวว่าประชาชนจะไม่มีวุฒิภาวะหรือเรียนรู้ไม่ได้ เพียงแค่อย่าให้มีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไปขัดขวางการดำเนินไปข้างหน้าของระบอบประชาธิปไตยก็พอ
.
“การเมืองที่ดีของบ้านเมืองนี้คือการเมืองที่ยุบพรรคกันเป็นปกติ? พรรคการเมืองบางพรรคถูกสั่งว่าหาเสียงแบบนี้ไม่ได้ ออกแบบนโยบายแบบนี้ไม่ได้ และอาจจะอันตรายถึงขั้นถูกยุบพรรคด้วย การออกแบบกฎกติกาที่ยุบยิบไปหมดจนถึงขั้นกำหนดว่าจะมีโครงสร้างการบริหารจัดการอย่างไร จะใช้เงินอย่างไร การเมืองจะดีไม่ได้ถ้าเราออกแบบกฎกติกาด้วยพื้นฐานที่ไม่ไว้ใจประชาชน พยายามควบคุมอำนาจและสถาบันทางการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชนให้อยู่ใต้อำนาจที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เป็นคุณพ่อรู้ดีไปหมดว่าการเมืองที่ดีเป็นอย่างไร นี่เป็นปัญหาใจกลางที่สำคัญมาก”
.
.
[ เชื่อจริง ๆ หรือว่าคดียุบพรรคเป็นเรื่องกฎหมาย 100% ? ]
.
เมื่อผู้ดำเนินรายการสอบถามถึงกรณีการยุบพรรคก้าวไกล ชัยธวัชได้เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังของการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่าในเวลานั้นตนไม่ค่อยตกใจ เพราะเข้าใจดีว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่การยุบพรรค การตัดสิทธิทางการเมือง หรือกระทั่งการต้องโทษจำคุกทางการเมืองถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติในการเมืองไทย การยุบพรรคอนาคตใหม่มีธงทางการเมืองมาก่อนแล้วว่าจะยุบ เพียงแค่หาเหตุอะไรก็ตามที่จะหาได้ในระหว่างทางเท่านั้นเอง
.
เรื่องที่ตนไม่เคยเล่ากับใครเลย คือหลังการเลือกตั้งปี 2562 ไม่นาน มีคนอ้างว่าเป็นคนของผู้มีอำนาจนำในการเมืองไทย มาบอกกับตนว่าชอบพรรคอนาคตใหม่มาก แต่ถ้าอยากให้พรรคอยู่ต่อต้องทำตามเงื่อนไขบางอย่าง ถ้าไม่ยอมจะมีคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ จะต้องติดคุกติดตะราง ก่อนเปิดสภาฯ มีการมาบอกว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เข้าสภาฯ ซึ่งตอนนั้นตนยังคิดไม่ออกว่าจะทำได้อย่างไร แต่สุดท้ายก็ทำได้
.
ชัยธวัชเล่าต่อไปถึงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยเรื่องเงินกู้ว่า ด้วยความที่พรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้นไม่สามารถระดมทุนได้ทัน ฝ่ายกฎหมายและปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคที่มาอบรมกับ กกต.ในเวลานั้นก็พยายามถามว่าจะระดมทุนจากประชาชนตามแบบที่เราคิดไว้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าระเบียบไม่เอื้อ จนมีเจ้าหน้าที่ของ กกต.บางท่านบอกว่าจะทำให้ยุ่งยากทำไม หัวหน้าพรรคมีเงินก็ยัดให้กรรมการนำไปบริจาคก็จบแล้ว
.
เมื่อนำเรื่องนี้ไปคุยกับกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรคบอกว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้ เราต้องเอาทุกอย่างมาอยู่บนโต๊ะ ในเมื่อจะเลือกตั้งแล้วแต่ระดมทุนไม่ทันก็ต้องกู้เงิน เพราะเมื่อไปย้อนดูรายงานทางการเงินของหลายพรรคการเมืองที่ผ่านมาก็พบว่ามีการยืมเงินกรรมการบริหารพรรค แต่สุดท้ายการเมืองไทยก็ยึดหลัก “ยิ่งเปิดเผย ยิ่งผิด”
.
“เรากำลังออกแบบกฎกติกาแบบไหนที่ทำให้คนเชื่อว่ายิ่งเปิด ยิ่งวางบนโต๊ะ ยิ่งผิด และให้ทุกคนไปมุดเอา กกต.บางท่านด้วยความปรารถนาดี ด้วยความเคยชินก็บอกให้มุดเอา เราจะอยู่กันแบบนี้จริงหรือ”
.
กรณีการยุบพรรคทั้งอนาคตใหม่มาจนถึงก้าวไกล ตนถามจริงว่ามีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องกฎหมายบ้าง คำถามก็คือเราจะอยู่กันแบบนี้ใช่หรือไม่ ถ้าเราอยากจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง เราต้องยืนยันว่าพรรคการเมืองต้องเกิดง่าย ดำเนินการง่าย แต่ตายยาก ห้ามยุบพรรคการเมือง แม้จะมีบางประเทศในโลกที่มีบทบัญญัติเรื่องการยุบพรรค แต่ก็ขึ้นอยู่กับภูมิหลังและประสบการณ์ทางการเมืองของแต่ละประเทศ เช่น ตัวแบบที่เรานำมาใช้คือเยอรมนี ซึ่งมีประสบการณ์โศกนาฏกรรมจากพรรคนาซีที่ทำลายระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตย ทำร้ายสังคม ทำร้ายประชาชน ละเมิดชีวิตผู้คนอย่างร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้ตั้งพรรคการเมืองแบบนั้นได้
.
แต่การยุบพรรคที่ผ่านมาของประเทศไทยเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ในระบอบประชาธิปไตยคุณค่าและหลักการที่สำคัญที่สุดที่กฎกติกาควรจะมุ่งไปสู่ ก็คือการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การที่เยอรมนีไม่อนุญาตให้มีพรรคแบบนาซีก็เพราะพรรคแบบนี้ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานที่สุดของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการยุบพรรคการเมืองของไทยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เช่นนั้น แต่กลายเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานเพื่อรักษาระบอบอะไรบางอย่างที่ผู้มีอำนาจต้องการคงไว้
.
“กลไกการยุบพรรคในประเทศไทยเป็นมรดกของการเมืองแบบเผด็จการอำนาจนิยม เป็นคนละเรื่องกับการยุบพรรคเพื่อปกป้องประชาชนแบบเยอรมัน ประชาชนไม่อยู่ในสมการการยุบพรรคสำหรับสังคมไทย ถ้าเราเชื่อว่าพรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตย ถ้าเราเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับอำนาจของพี่น้องประชาชน พรรคการเมืองและนักการเมืองพัฒนาได้ ปล่อยให้เขาพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องได้แล้ว การยุบพรรคควรจะต้องเลิกได้แล้ว”