thaiarmedforce.com
6h·
#ซื้ออาวุธ - รัฐบาลผุดไอเดีย ยกเลิก #เรือดำน้ำ เติมเงินเพิ่มซื้อ #เรือฟริเกต จีน ดีลมหัศจรรย์ที่ไม่รู้ว่าใครคุ้มกันแน่
ท่านนายกรัฐมนตรี นาย #เศรษฐา ทวีสิน เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ไปพูดระหว่างการประชุมที่จีนว่า ประเทศไทยแม้เป็นประเทศที่เล็ก แต่มีศักยภาพสูง เราเป็นน้องคนหนึ่งของประเทศจีน ซึ่งมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะดูแล้วไทยเป็นประเทศที่ไม่มีอำนาจต่อรองกับใครเลย มีอะไรก็ต้องยอมเขาตลอด โดยบอกว่ากลัวจะกระทบความสัมพันธ์ แต่ก็แปลกที่ประเทศอื่นเขาไม่เห็นจะกลัวกระทบความสัมพันธ์กับเราบ้าง
พอมาดูการตัดสินใจเรื่องเรือดำน้ำของรัฐบาล ตามที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์วันนี้ก็เข้าใจแล้วว่า คนเป็นน้องต้องทำตัวอย่างไร
นั่นก็คือรัฐบาลจะยกเลิกการจัดหาเรือดำน้ำ #S26T จากจีนที่มีปัญหาเครื่องยนต์ที่ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ CHD620 ของจีน แต่รัฐบาลจะเติมเงินโดยการจ่ายเงินเพิ่มอีกสูงสุด 1 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อเรือฟริเกตของจีนแทน ตามราคาที่แม้จะบอกว่าจีนยังไม่ได้ยืนยันราคามา แต่ศึกษามาแล้วว่าเป็นราคานี้
TAF คิดว่าถือว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยมของจีน เพราะตอนแรกขายเรือดำน้ำให้ไทย 1 ลำ มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท แต่ตอนนี้พอมีปัญหา ลูกค้าก็ยินดีเพิ่มเงินไปซื้อเรือฟริเกตมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาทแทน เยี่ยมมาก ๆ
แต่ทั้งนี้ TAF เคยคาดการณ์ว่า มีโอกาส 90% ที่เรือดำน้ำจีนน่าจะได้ไปต่อ เพราะเราคาดว่ากองทัพเรือจะยอมรับเครื่องยนต์จีน ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ แต่เราคาดว่ารัฐบาลจะยอมตามกองทัพเรือ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเราคิดผิด แต่เราก็วิเคราะห์ว่า ถ้ารัฐบาลไม่ยอมตาม ก็น่าจะขอคืนเป็นของมูลค่า 7 พันล้าน ซึ่งเราก็ช่วยออกไอเดียว่า ขอเป็น OPV ก็ได้ แล้วมาต่อที่อู่ไทย รักษาการจ้างงาน หรือขอเป็นรถเกราะ จรวด หรืออะไรที่ต้องใช้มูลค่า 7 พันล้าน มันก็ยังโอเค
แต่นี่กลายเป็นว่า ไทยซึ่งเป็นฝ่ายถูก กลับต้องจ่ายเงินให้ฝ่ายผิดสัญญาเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องขอพูดอีกครั้งว่า ยอดเยี่ยมจริง ๆ
------------------
1. กรณีนี้ไม่ว่ามันจะเกิดจากอะไร แต่ตามสัญญาแล้ว จีนเป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะไม่สามารถจัดหาเรือดำน้ำมาให้ไทยตามสเปคที่ลงนามกันได้ แม้จีนจะไม่ได้ตั้งใจผิดสัญญาก็ตาม ดังนั้นไม่ว่าจะยกเลิกสัญญาหรือจะไปต่อกับเรือดำน้ำจีน ไทยก็ควรต้องได้รับการชดเชยในฐานะที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ต้องมารับผลของสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่นี่นอกจากไม่ได้ชดเชยอะไร จีนยังได้เงินเพิ่มจากไทยไปอีกสูงสุด 3,500 ล้านบาท จากเดิมที่ต้องจ่ายเงินค่าเรือดำน้ำ 1.35 หมื่นล้านบาท กลายเป็นต้องจ่ายค่าเรือฟริเกตุ 1.7 หมื่นล้านบาท
ดีลนี้มีแต่คุ้มและคุ้มและคุ้มสำหรับจีน ของไทยคุ้มหรือไม่ ไปคิดกันเอาเอง
------------------
2. จริง ๆ แล้วถ้าจะยกเลิกเรือดำน้ำ ... โอเค ไม่ใช้คำว่ายกเลิกตามที่ท่านสุทินพูดก็ได้ บอกว่าเลื่อนไปก่อน ... แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือไม่ได้เรือดำน้ำนั้น ถ้าจะไม่เอาอะไรชดเชยเลย จีนควรคืนเงินมาให้ไทยเป็นเงินสด หรือแย่ที่สุดคือขอคืนเป็นของในราคา 7 พันล้าน จะเป็นอาวุธหรือเป็นปุ๋ยอะไรก็ว่าไป
คือกรณีนี้ เราไม่ปรับจีนที่จีนล่าช้าผิดสัญญาทั้งที่ควรปรับก็ถือว่าไทยนอบน้อมปราณีมากแล้ว แต่นี่กลับบอกว่า จีนผิดสัญญา งั้นเอาเงินไปอีก 1 หมื่นล้านแล้วขอเปลี่ยนของนะ โดยใช้ข้ออ้างว่า กองทัพเรือกำลังเสนอซื้อเรือฟริเกตมูลค่า 1.7 หมื่นล้านพอดี ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องเปิดประมูลอะไร ไม่ต้องแข่งขันอะไร เลือกจีนไปเลย จ่ายให้อีก 1 หมื่นล้าน
ดังนั้นย้ำอีกที ดีลนี้มีแต่คุ้มและคุ้มและคุ้มสำหรับจีน ของไทยคุ้มหรือไม่ ไปคิดกันเอาเอง
------------------
3. ทำไมที่ผ่านมา TAF ถึงเสนอแต่การขอคืนเป็นอาวุธแบบอื่น ไม่เสนอให้ขอเป็นเรือฟริเกต? นั่นก็เพราะว่าเราไม่เห็นว่าควรจะจ่ายเงินเพิ่มมากขนาดนี้ให้กับฝ่ายที่เป็นผู้ผิดสัญญา อย่างที่กล่าวไป และเราควรจำกัดความเสียหายที่ 7 พันล้านให้จบกัน แล้วไปเริ่มต้นใหมา
ถ้ามาดูมุมมองทางเทคนิค ตอนนี้กองทัพเรือไทยมีปัญหาการจัดการกองเรือ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า กองทัพเรือจัดหาเรือ "มั่ว" มานาน
นั่นถือถ้านับเฉพาะเรือรบหลัก กองทัพเรือมีเรือที่หน้าตาแตกต่างกัน ระบบอาวุธแตกต่างกัน ระบบอิเล็กทรอนิกส์แตกต่างกันมากกว่า 10 แบบ นั่นทำให้กองทัพเรือประสบปัญหาทั้งในการซ่อมบำรุงที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูง การฝึกที่ไม่สามารถสลับคนกันไปมาได้เพราะใช้งานอุปกรณ์เรือข้างเคียงไม่เป็นเนื่องจากมันคนละรุ่น ความหลากหลายของระบบอาวุธที่ทำให้กองทัพเรือต้องมีจรวดมีกระสุนแตกต่างกันมากมาย นอกจากจะสลับกันไม่ได้ ก็ทำให้แต่ละแบบมีจำนวนน้อยเพราะต้องสล็อกของทุกแบบ
เรือฟริเกตที่กองทัพเรือเสนอซื้อนั้น จริง ๆ แล้วมันคือโครงการต่อเนื่องจากเรือหลวงภูมิพลที่ครม.เคยอนุมัติไว้ 2 ลำ แต่จัดหามาก่อน 1 ลำ โดยหลักการที่ถูกต้องและเหมาะสม กองทัพเรือควรจะจัดหาเรือภูมิพลลำที่ 2 เพื่อให้อย่างน้อยมีเรือเหมือนกันสองลำ จะทำอะไร จะสต็อกอะไหล่ จะซ่อมบำรุง จะฝึก ก็จะได้มีเรือทดแทนกันได้อย่างน้อยก็สองลำ
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตจีน หรือแม้แต่เรือฟริเกตรัสเซีย เรือฟริเกตอังกฤษ เรือฟริเกตเยอรมัน เรือฟริเกตฝรั่งเศส หรือเรือฟริเกตอเมริกัน มันจะยิ่งเพิ่มความ "มั่ว" ให้กับกองทัพเรือมากขึ้นไปอีก
เรือฟริเกตจีนใช้ระบบที่เข้ากันไม่ได้กับกองทัพเรือไทย แน่นอนว่าไทยมีเรือจีนใช้หลายลำ แต่เป็นเรือจีนในยุคก่อน ไม่ใช่เรือในยุคปัจจุบัน ระบบต่าง ๆ เปลี่ยนไปหมดแล้ว ดังนั้นนี่คือเรือแบบใหม่ที่เข้ากันไม่ได้กับระบบของไทย ซึ่งถ้าซื้อมาใช้ ก็ต้องเพิ่มการสต็อกอะไหล่ การฝึก อาวุธ กระสุนเข้าไปอีก
นี่มันคือการแก้ปัญหาความมั่วของโครงการหนึ่ง ด้วยการไปทำให้อีกโครงการหนึ่งมั่วแทน ยอดเยี่ยมจริง ๆ
-------------------
4. ข้อสำคัญคือก่อนที่จะมาเป็นเรือหลวงภูมิพลซึ่งใช้แบบเรือจากประเทศเกาหลี เรือฟริเกตจีนเคยเข้ามาแข่งแล้ว และก็แพ้ไป แม้จะใช้มุกเหมือนกับเรือดำน้ำในรอบนี้คือ ให้เรือถึง 3 ลำ แถมเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำอีก (แต่มุกนี้มาสำเร็จตอนเรือดำน้ำ)
นั่นหมายถึงเรือฟริเกตแบบนี้ กองทัพเรือก็เคยประเมินค่าและก็คิดว่าเรือเกาหลีดีกว่า เลยไปซื้อเรือเกาหลี ดังนั้นถ้าลำที่สองจะมาซื้อเรือจีน ก็ต้องถามว่า แล้วเหตุผลที่กองทัพเรือบอกว่าเรือของจีนด้อยกว่าเรือเกาหลีในตอนนั้น กองทัพเรือยอมรับได้อย่างไรในตอนนี้
อีกอย่าง กองทัพเรือมีแผนที่จะต่อเรือฟริเกตลำที่สองในไทย เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเรือของไทย แต่พอไปซื้อเรือจีนในลักษณะนี้ คาดว่าก็ต้องต่อในจีน แบบนี้เหมือนรัฐบาลออกดิจิตอลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจให้จีน 1 หมื่นล้าน
-------------------
5. ถ้าจะไม่ต่อเรือฟริเกตเกาหลีต่อ เพราะบอกว่าไม่ประทับใจเรือหลวงภูมิพล (ซึ่งก็เห็นกองทัพเรือไปต่อเรือที่ไหนก็บ่นทุกที เลยไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่คนต่อหรือคนสั่งต่อกันแน่) ก็ควรจัดประมูลให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้แต่ละบริษัทแต่ละประเทศมายื่นแข่งขันกันเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด แต่นี่คือยกให้จีนไปเลย ไม่ต้องแข่งกับใคร เติมเงินให้อีกด้วยเพราะจ่ายแพงกว่าเดิม
เทียบง่าย ๆ ก็เหมือนที่กองทัพอากาศไม่เปิดให้ใครแข่งขัน อยากได้ F-35 ก็ไปขอเขาซื้อเลย ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีการแข่งกันยื่นข้อเสนอ จะได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดมันก็ไม่ใช่ แล้วคนขายเขาก็ไม่สนใจ กรณีนี้ก็กรณีเดียวกัน
และกลับมาที่ประเด็นเดิมคือ เรือฟริเกตจีนเคยมาแข่งแล้วแพ้เรือเกาหลี แต่ตอนนี้จะไปซื้อเรือจีน บอกว่าดีและเหมาะสม ไม่รู้ว่าใช้ตรรกะแบบไหนคิดเหมือนกัน
--------------------
6. โอเคที่ว่า การจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือ G2G อาจจะไม่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ดังนั้นสามารถแหกทุกกฎได้ ไม่ต้องปรับ ไม่ต้องขอชดเชย ไม่ต้องทำอะไรก็ได้หมดเลย
แต่นี่จะเป็นตัวอย่างให้ผู้ผลิตอาวุธทั่วโลกว่า ตอนขายอาวุธให้รัฐบาลไทย พูดอะไรไปก็ได้ สัญญาอะไรไปก็ได้ ไม่ต้องสนใจ เพราะถ้ามีปัญหา นอกจากรัฐบาลไทยจะไม่ปรับ ไม่ยกเลิกสัญญาแล้ว รัฐบาลไทยจะเจรจาโดยรักษาผลประโยชน์ของซัพพลายเออร์ให้มากที่สุด โดยยินดีที่จะเติมเงินให้ ซื้อของแพงกว่าเดิมให้ เป็นการปลอบใจที่คุณทำผิดสัญญา
มันช่างเป็นการเจรจาที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ต่อไปซื้อรถถังอาจจะได้ปืนใหญ่ ซื้อเครื่องบินรบอาจจะได้เครื่องบินโดยสาร เพราะซื้อเรือดำน้ำยังได้เรือฟริเกตที่แพงกว่าเดิมเลย จริงไหม
--------------------
7. เรายังยืนยันเหมือนเดิมว่า ถ้ารัฐบาลจะเลือกทางออกในการยกเลิกเรือดำน้ำ และถ้าจะไม่ปรับจริง ๆ ควรขอคืนเงินทั้งหมด ถ้าจะไม่คืนเป็นเงินสดมูลค่า 7 พันล้าน ควรขอคืนเป็นของที่เราขาดมูลค่า 7 พันล้าน ซึ่งสามารถทำได้ทั้งเรือ OPV จรวดปราบเรือผิวน้ำ จรวดป้องกันฝั่ง จรวดต่อสู้อากาศยาน ฯลฯ เพื่อให้ความเสียหายจำกัดอยู่ที่ 7 พันล้าน แล้วไปว่ากันใหม่ รีเซ็ตกันใหม่ด้วยการประมูลเรือดำน้ำใหม่เลย
แต่นี่คือยินดีเติมเงินให้คนผิดสัญญา จ่ายให้อีกเลยสูงสุด 1 หมื่นล้าน เป็น 1.7 หมื่นล้าน มันฟังดูดีไหม ใครคุ้มค่า ใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ ท่านใช้ Common Sense คิดได้เลยครับ
--------------------
รอมีข้อมูลมากกว่านี้เราก็จะวิเคราะห์มากกว่านี้ ซึ่งถ้ามีเราก็จะมาวิเคราะห์ให้ฟังอีกครั้ง ตอนนี้เชื่อว่ายังอยู่ในขั้นเจรจา อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ จีนอาจจะไม่ตอบรับก็ได้
แต่เท่าที่ข้อมูลที่ออกมา ณ ตอนนี้ และถ้ารัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบนี้ มันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตลก เพิ่มความมั่วให้กับกองเรือของไทย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเป็นการเอาใจจีน ซึ่งก็อาจจะถูกต้องแล้ว เพราะท่านนายกมองว่าไทยเป็นน้อง พี่ใหญ่จะทำอะไร เราเถียงไม่ได้
มันก็คงอย่างนั้นแหละครับ
6h·
#ซื้ออาวุธ - รัฐบาลผุดไอเดีย ยกเลิก #เรือดำน้ำ เติมเงินเพิ่มซื้อ #เรือฟริเกต จีน ดีลมหัศจรรย์ที่ไม่รู้ว่าใครคุ้มกันแน่
ท่านนายกรัฐมนตรี นาย #เศรษฐา ทวีสิน เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ไปพูดระหว่างการประชุมที่จีนว่า ประเทศไทยแม้เป็นประเทศที่เล็ก แต่มีศักยภาพสูง เราเป็นน้องคนหนึ่งของประเทศจีน ซึ่งมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะดูแล้วไทยเป็นประเทศที่ไม่มีอำนาจต่อรองกับใครเลย มีอะไรก็ต้องยอมเขาตลอด โดยบอกว่ากลัวจะกระทบความสัมพันธ์ แต่ก็แปลกที่ประเทศอื่นเขาไม่เห็นจะกลัวกระทบความสัมพันธ์กับเราบ้าง
พอมาดูการตัดสินใจเรื่องเรือดำน้ำของรัฐบาล ตามที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์วันนี้ก็เข้าใจแล้วว่า คนเป็นน้องต้องทำตัวอย่างไร
นั่นก็คือรัฐบาลจะยกเลิกการจัดหาเรือดำน้ำ #S26T จากจีนที่มีปัญหาเครื่องยนต์ที่ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ CHD620 ของจีน แต่รัฐบาลจะเติมเงินโดยการจ่ายเงินเพิ่มอีกสูงสุด 1 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อเรือฟริเกตของจีนแทน ตามราคาที่แม้จะบอกว่าจีนยังไม่ได้ยืนยันราคามา แต่ศึกษามาแล้วว่าเป็นราคานี้
TAF คิดว่าถือว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยมของจีน เพราะตอนแรกขายเรือดำน้ำให้ไทย 1 ลำ มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท แต่ตอนนี้พอมีปัญหา ลูกค้าก็ยินดีเพิ่มเงินไปซื้อเรือฟริเกตมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาทแทน เยี่ยมมาก ๆ
แต่ทั้งนี้ TAF เคยคาดการณ์ว่า มีโอกาส 90% ที่เรือดำน้ำจีนน่าจะได้ไปต่อ เพราะเราคาดว่ากองทัพเรือจะยอมรับเครื่องยนต์จีน ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ แต่เราคาดว่ารัฐบาลจะยอมตามกองทัพเรือ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเราคิดผิด แต่เราก็วิเคราะห์ว่า ถ้ารัฐบาลไม่ยอมตาม ก็น่าจะขอคืนเป็นของมูลค่า 7 พันล้าน ซึ่งเราก็ช่วยออกไอเดียว่า ขอเป็น OPV ก็ได้ แล้วมาต่อที่อู่ไทย รักษาการจ้างงาน หรือขอเป็นรถเกราะ จรวด หรืออะไรที่ต้องใช้มูลค่า 7 พันล้าน มันก็ยังโอเค
แต่นี่กลายเป็นว่า ไทยซึ่งเป็นฝ่ายถูก กลับต้องจ่ายเงินให้ฝ่ายผิดสัญญาเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องขอพูดอีกครั้งว่า ยอดเยี่ยมจริง ๆ
------------------
1. กรณีนี้ไม่ว่ามันจะเกิดจากอะไร แต่ตามสัญญาแล้ว จีนเป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะไม่สามารถจัดหาเรือดำน้ำมาให้ไทยตามสเปคที่ลงนามกันได้ แม้จีนจะไม่ได้ตั้งใจผิดสัญญาก็ตาม ดังนั้นไม่ว่าจะยกเลิกสัญญาหรือจะไปต่อกับเรือดำน้ำจีน ไทยก็ควรต้องได้รับการชดเชยในฐานะที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ต้องมารับผลของสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่นี่นอกจากไม่ได้ชดเชยอะไร จีนยังได้เงินเพิ่มจากไทยไปอีกสูงสุด 3,500 ล้านบาท จากเดิมที่ต้องจ่ายเงินค่าเรือดำน้ำ 1.35 หมื่นล้านบาท กลายเป็นต้องจ่ายค่าเรือฟริเกตุ 1.7 หมื่นล้านบาท
ดีลนี้มีแต่คุ้มและคุ้มและคุ้มสำหรับจีน ของไทยคุ้มหรือไม่ ไปคิดกันเอาเอง
------------------
2. จริง ๆ แล้วถ้าจะยกเลิกเรือดำน้ำ ... โอเค ไม่ใช้คำว่ายกเลิกตามที่ท่านสุทินพูดก็ได้ บอกว่าเลื่อนไปก่อน ... แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือไม่ได้เรือดำน้ำนั้น ถ้าจะไม่เอาอะไรชดเชยเลย จีนควรคืนเงินมาให้ไทยเป็นเงินสด หรือแย่ที่สุดคือขอคืนเป็นของในราคา 7 พันล้าน จะเป็นอาวุธหรือเป็นปุ๋ยอะไรก็ว่าไป
คือกรณีนี้ เราไม่ปรับจีนที่จีนล่าช้าผิดสัญญาทั้งที่ควรปรับก็ถือว่าไทยนอบน้อมปราณีมากแล้ว แต่นี่กลับบอกว่า จีนผิดสัญญา งั้นเอาเงินไปอีก 1 หมื่นล้านแล้วขอเปลี่ยนของนะ โดยใช้ข้ออ้างว่า กองทัพเรือกำลังเสนอซื้อเรือฟริเกตมูลค่า 1.7 หมื่นล้านพอดี ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องเปิดประมูลอะไร ไม่ต้องแข่งขันอะไร เลือกจีนไปเลย จ่ายให้อีก 1 หมื่นล้าน
ดังนั้นย้ำอีกที ดีลนี้มีแต่คุ้มและคุ้มและคุ้มสำหรับจีน ของไทยคุ้มหรือไม่ ไปคิดกันเอาเอง
------------------
3. ทำไมที่ผ่านมา TAF ถึงเสนอแต่การขอคืนเป็นอาวุธแบบอื่น ไม่เสนอให้ขอเป็นเรือฟริเกต? นั่นก็เพราะว่าเราไม่เห็นว่าควรจะจ่ายเงินเพิ่มมากขนาดนี้ให้กับฝ่ายที่เป็นผู้ผิดสัญญา อย่างที่กล่าวไป และเราควรจำกัดความเสียหายที่ 7 พันล้านให้จบกัน แล้วไปเริ่มต้นใหมา
ถ้ามาดูมุมมองทางเทคนิค ตอนนี้กองทัพเรือไทยมีปัญหาการจัดการกองเรือ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า กองทัพเรือจัดหาเรือ "มั่ว" มานาน
นั่นถือถ้านับเฉพาะเรือรบหลัก กองทัพเรือมีเรือที่หน้าตาแตกต่างกัน ระบบอาวุธแตกต่างกัน ระบบอิเล็กทรอนิกส์แตกต่างกันมากกว่า 10 แบบ นั่นทำให้กองทัพเรือประสบปัญหาทั้งในการซ่อมบำรุงที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูง การฝึกที่ไม่สามารถสลับคนกันไปมาได้เพราะใช้งานอุปกรณ์เรือข้างเคียงไม่เป็นเนื่องจากมันคนละรุ่น ความหลากหลายของระบบอาวุธที่ทำให้กองทัพเรือต้องมีจรวดมีกระสุนแตกต่างกันมากมาย นอกจากจะสลับกันไม่ได้ ก็ทำให้แต่ละแบบมีจำนวนน้อยเพราะต้องสล็อกของทุกแบบ
เรือฟริเกตที่กองทัพเรือเสนอซื้อนั้น จริง ๆ แล้วมันคือโครงการต่อเนื่องจากเรือหลวงภูมิพลที่ครม.เคยอนุมัติไว้ 2 ลำ แต่จัดหามาก่อน 1 ลำ โดยหลักการที่ถูกต้องและเหมาะสม กองทัพเรือควรจะจัดหาเรือภูมิพลลำที่ 2 เพื่อให้อย่างน้อยมีเรือเหมือนกันสองลำ จะทำอะไร จะสต็อกอะไหล่ จะซ่อมบำรุง จะฝึก ก็จะได้มีเรือทดแทนกันได้อย่างน้อยก็สองลำ
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตจีน หรือแม้แต่เรือฟริเกตรัสเซีย เรือฟริเกตอังกฤษ เรือฟริเกตเยอรมัน เรือฟริเกตฝรั่งเศส หรือเรือฟริเกตอเมริกัน มันจะยิ่งเพิ่มความ "มั่ว" ให้กับกองทัพเรือมากขึ้นไปอีก
เรือฟริเกตจีนใช้ระบบที่เข้ากันไม่ได้กับกองทัพเรือไทย แน่นอนว่าไทยมีเรือจีนใช้หลายลำ แต่เป็นเรือจีนในยุคก่อน ไม่ใช่เรือในยุคปัจจุบัน ระบบต่าง ๆ เปลี่ยนไปหมดแล้ว ดังนั้นนี่คือเรือแบบใหม่ที่เข้ากันไม่ได้กับระบบของไทย ซึ่งถ้าซื้อมาใช้ ก็ต้องเพิ่มการสต็อกอะไหล่ การฝึก อาวุธ กระสุนเข้าไปอีก
นี่มันคือการแก้ปัญหาความมั่วของโครงการหนึ่ง ด้วยการไปทำให้อีกโครงการหนึ่งมั่วแทน ยอดเยี่ยมจริง ๆ
-------------------
4. ข้อสำคัญคือก่อนที่จะมาเป็นเรือหลวงภูมิพลซึ่งใช้แบบเรือจากประเทศเกาหลี เรือฟริเกตจีนเคยเข้ามาแข่งแล้ว และก็แพ้ไป แม้จะใช้มุกเหมือนกับเรือดำน้ำในรอบนี้คือ ให้เรือถึง 3 ลำ แถมเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำอีก (แต่มุกนี้มาสำเร็จตอนเรือดำน้ำ)
นั่นหมายถึงเรือฟริเกตแบบนี้ กองทัพเรือก็เคยประเมินค่าและก็คิดว่าเรือเกาหลีดีกว่า เลยไปซื้อเรือเกาหลี ดังนั้นถ้าลำที่สองจะมาซื้อเรือจีน ก็ต้องถามว่า แล้วเหตุผลที่กองทัพเรือบอกว่าเรือของจีนด้อยกว่าเรือเกาหลีในตอนนั้น กองทัพเรือยอมรับได้อย่างไรในตอนนี้
อีกอย่าง กองทัพเรือมีแผนที่จะต่อเรือฟริเกตลำที่สองในไทย เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเรือของไทย แต่พอไปซื้อเรือจีนในลักษณะนี้ คาดว่าก็ต้องต่อในจีน แบบนี้เหมือนรัฐบาลออกดิจิตอลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจให้จีน 1 หมื่นล้าน
-------------------
5. ถ้าจะไม่ต่อเรือฟริเกตเกาหลีต่อ เพราะบอกว่าไม่ประทับใจเรือหลวงภูมิพล (ซึ่งก็เห็นกองทัพเรือไปต่อเรือที่ไหนก็บ่นทุกที เลยไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่คนต่อหรือคนสั่งต่อกันแน่) ก็ควรจัดประมูลให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้แต่ละบริษัทแต่ละประเทศมายื่นแข่งขันกันเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด แต่นี่คือยกให้จีนไปเลย ไม่ต้องแข่งกับใคร เติมเงินให้อีกด้วยเพราะจ่ายแพงกว่าเดิม
เทียบง่าย ๆ ก็เหมือนที่กองทัพอากาศไม่เปิดให้ใครแข่งขัน อยากได้ F-35 ก็ไปขอเขาซื้อเลย ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีการแข่งกันยื่นข้อเสนอ จะได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดมันก็ไม่ใช่ แล้วคนขายเขาก็ไม่สนใจ กรณีนี้ก็กรณีเดียวกัน
และกลับมาที่ประเด็นเดิมคือ เรือฟริเกตจีนเคยมาแข่งแล้วแพ้เรือเกาหลี แต่ตอนนี้จะไปซื้อเรือจีน บอกว่าดีและเหมาะสม ไม่รู้ว่าใช้ตรรกะแบบไหนคิดเหมือนกัน
--------------------
6. โอเคที่ว่า การจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือ G2G อาจจะไม่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ดังนั้นสามารถแหกทุกกฎได้ ไม่ต้องปรับ ไม่ต้องขอชดเชย ไม่ต้องทำอะไรก็ได้หมดเลย
แต่นี่จะเป็นตัวอย่างให้ผู้ผลิตอาวุธทั่วโลกว่า ตอนขายอาวุธให้รัฐบาลไทย พูดอะไรไปก็ได้ สัญญาอะไรไปก็ได้ ไม่ต้องสนใจ เพราะถ้ามีปัญหา นอกจากรัฐบาลไทยจะไม่ปรับ ไม่ยกเลิกสัญญาแล้ว รัฐบาลไทยจะเจรจาโดยรักษาผลประโยชน์ของซัพพลายเออร์ให้มากที่สุด โดยยินดีที่จะเติมเงินให้ ซื้อของแพงกว่าเดิมให้ เป็นการปลอบใจที่คุณทำผิดสัญญา
มันช่างเป็นการเจรจาที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ต่อไปซื้อรถถังอาจจะได้ปืนใหญ่ ซื้อเครื่องบินรบอาจจะได้เครื่องบินโดยสาร เพราะซื้อเรือดำน้ำยังได้เรือฟริเกตที่แพงกว่าเดิมเลย จริงไหม
--------------------
7. เรายังยืนยันเหมือนเดิมว่า ถ้ารัฐบาลจะเลือกทางออกในการยกเลิกเรือดำน้ำ และถ้าจะไม่ปรับจริง ๆ ควรขอคืนเงินทั้งหมด ถ้าจะไม่คืนเป็นเงินสดมูลค่า 7 พันล้าน ควรขอคืนเป็นของที่เราขาดมูลค่า 7 พันล้าน ซึ่งสามารถทำได้ทั้งเรือ OPV จรวดปราบเรือผิวน้ำ จรวดป้องกันฝั่ง จรวดต่อสู้อากาศยาน ฯลฯ เพื่อให้ความเสียหายจำกัดอยู่ที่ 7 พันล้าน แล้วไปว่ากันใหม่ รีเซ็ตกันใหม่ด้วยการประมูลเรือดำน้ำใหม่เลย
แต่นี่คือยินดีเติมเงินให้คนผิดสัญญา จ่ายให้อีกเลยสูงสุด 1 หมื่นล้าน เป็น 1.7 หมื่นล้าน มันฟังดูดีไหม ใครคุ้มค่า ใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ ท่านใช้ Common Sense คิดได้เลยครับ
--------------------
รอมีข้อมูลมากกว่านี้เราก็จะวิเคราะห์มากกว่านี้ ซึ่งถ้ามีเราก็จะมาวิเคราะห์ให้ฟังอีกครั้ง ตอนนี้เชื่อว่ายังอยู่ในขั้นเจรจา อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ จีนอาจจะไม่ตอบรับก็ได้
แต่เท่าที่ข้อมูลที่ออกมา ณ ตอนนี้ และถ้ารัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบนี้ มันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตลก เพิ่มความมั่วให้กับกองเรือของไทย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเป็นการเอาใจจีน ซึ่งก็อาจจะถูกต้องแล้ว เพราะท่านนายกมองว่าไทยเป็นน้อง พี่ใหญ่จะทำอะไร เราเถียงไม่ได้
มันก็คงอย่างนั้นแหละครับ