วันจันทร์, ตุลาคม 16, 2566

ผ่าอาณาจักรจีนเทา - ความน่ากังวล ดินแดนสยามกำลังจะกลายเป็นสวรรค์ ของแก็งค์มาเฟียจีนเทา


Paskorn Jumlongrach
12h
·
อาณาจักรจีนเทา
---------
วันก่อนมีโอกาสสัมภาษณ์ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี
เกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจจีนเทาที่คิงส์โรมันส์
ไปจนถึง KK Parkและชเวโก๊กโก่
ทำให้เห็นการเชื่อมโยงจนน่ากลัว
( https://transbordernews.in.th/home/?p=35975 )
อาณาจักรคิงส์โรมันส์ของจ้าวเหว่ย
ได้สัมปทานที่ดินฝั่งลาวและกลายเป็น
แหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมมามากกว่าทศวรรษ
ขณะที่แหล่งบ่มเพาะธุรกิจสีเทาแห่งใหม่
อยู่ฝั่งพม่าตรงข้ามกับ อ.แม่สอด
ทั้งหมดเชื่อมโยงกัน
ขบวนการมาเฟียเหล่านี้
มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองและบิ๊กข้าราชการไทย
จึงเป็นคำตอบว่าทำไมกิจการถึงเจริญรุ่งเรือง
ในอนาคตทุนใหญ่จีนกำลังสร้างเขื่อนปากแบง
ร่วมทุนกับบริษัทเอกชนของไทย
ถือสิทธิบนแม่น้ำโขงตั้งแต่จีนตอนล่าง
จนถึงเมืองปากแบงที่อยู่ห่างแดนไทยแค่กว่า 90 กม.
หากมีการสร้างสะพานเชื่อมคิงส์โรมันส์กับอ.เชียงแสนอีก
(อ่านข่าวเพิ่มเติม https://transbordernews.in.th/home/?p=35978 )
ทำให้เห็นภาพอนาคตของดินแดนจีนใหม่
ธุรกิจสีเทาเหล่านี้เกาะกินชายแดนไทยตลอดแนว
เชื่อมโยงไปตามกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์
จนถึงเมืองเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับ อ.แม่สอด
พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตกของไทย
กำลังถูกรายล้อมด้วยแหล่งคนจีนนับล้านคน
เช่นเดียวกับโครงการผันแม่น้ำยวมเฟส 2
ตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำสาละวิน
แหล่งพลังงานกำลังถูกสร้างขึ้น
เพื่อป้อนแหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมเหล่านี้
โดยมีนักการเมืองสัมพเวสี
ที่คอยรอบรับเศษเงิน-เศษอาหารจากทุนจีนเทา
เสียดายที่รัฐบาลไทยติดหล่ม
เกรงใจจีนแม้กระทั่งมาเฟียสีเทา
ทำให้นโยบายปราบปรามไม่จริงจัง
วันนี้มีคนไทยและคนต่างชาติมากมาย
ตกเป็นเหยื่อของพวกจีนเทา
หลอกไปทำงานต้มตุ๋นออนไลน์
บังคับกดขี่ด้วยวิธีการโหดร้าย
เชื่อมโยงไปถึงเขตปกครองพิเศษโกก้าง
ซึ่งเป็นกิจการของว้าใกล้ชายแดนจีน
รัฐบาลไทยสิ้นท่าทีจะให้การช่วยเหลือ
กิจการเหล่านี้เฟื่องฟูมากขึ้นทุกวัน
เป็นคำตอบว่าทำไมคนรอบตัวเรา
ถึงยังถูกหลอกทางออนไลน์อยู่ทุกวัน
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเงินเหล่านี้
ได้ถูกส่งมาฟอกขาว
ในรูปแบบกิจการค้าขายต่างๆในไทย
ดินแดนสยามกำลังกลายเป็นสวรรค์
ของแก็งค์มาเฟียจีนเทา

.....

เบื้องลึกสะพานข้ามโขงเชื่อมคิงส์โรมันส์ ชำแหละแก๊งมาเฟียจีนเทา ผ่านมุมมอง ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี


โดย ภาสกร จำลองราช
สำนักข่าวชายขอบ

ข้อเสนอของผู้แทนหอการค้าจังหวัดเชียงรายต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันที่นายกฯและคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อกลางเดือนกันยายน 2566 ที่ต้องการให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่างอำเภอเชียงแสนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำและอาณาจักรคิงส์โรมันส์ (Golden Triangle SEZ, and Kings Romans) ของจ้าว เหว่ย นักธุรกิจจีนสีเทา บริเวณตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมทั้งด้านการพนัน การค้ามนุษย์ ค้าสัตว์ป่ารวมถึงเป็นแหล่งแพร่กระจายยาเสพติด โดยจ้าวเหว่ยถูกขึ้นบัญชีดำจากทางการสหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกับควาเติบใหญ่ของอาณาจักรคิงส์โรมันส์ที่กำลังมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ คาสิโนและกำลังจะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงสนามบินที่กำลังก่อสร้าง นั่นหมายถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่หมุนเวียนอยู่ แต่ยังเป็นที่ข้องใจของหลายฝ่ายถึงแหล่งที่มา แต่เม็ดเงินเหล่านี้กลับถูกตาต้องใจนักการเมืองไทยและบิ๊กข้าราชการไทยจำนวนหนึ่ง พวกเขาออกมารับลูกการสร้างสะพานข้ามโขงทันทีที่กลับจากการเลี้ยงดูปูเสื่อในอาณาจักรคิงส์โรมันส์

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี นักวิชาการจากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีผลงานวิจัยและเขียนหนังสือเจาะลึกเกี่ยวกับการลงทุนด้านคาสิโนและเขตเศรษฐกิจพิเศษของทุนจีนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-ลาว และกำลังรวบรวมข้อมูลทุนสีเทาจีนบริเวณชายแดนเมืองเมียวดีฝั่งพม่าตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก มองว่า จริงๆ แล้วความต้องการสร้างสะพานข้ามไปอาณาจักรคิงส์โรมันส์นั้น จ้าวเหว่ยเขาอยากจะทำมาตั้งนานแล้ว ในหนังสือทุนนิยมคาสิโน ก็มีโควทของจ้าวเหว่ย เขาบอกว่าจะทำเป็นรูปสะพานตัวอักษรเหยิน (ในภาษาจีนแปลว่าคน เชื่อม 3 ประเทศ) กรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ มันเชื่อมโยงกับอาชญากรรม ฝั่งแม่สอดนี่แน่นอนอยู่แล้ว

“ตอนนี้ทำวิจัยทางฝั่งตรงข้ามแม่สอดอยู่ ผู้ช่วยนักวิจัยได้ไปสัมภาษณ์เคสที่เขาให้ความช่วยเหลือ เคสที่หนีออกมาจำนวนมาก โดยจำนวนไม่น้อยในนั้นก็เป็นคนจีน เขาระบุชัดว่ามีนายหน้าหลอกให้มาทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บอกให้ทำพวกโรแมนซ์สแกม (Romance Scam-หลอกลวงหาคู่) พอเขาทำแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบและต้องการจะกลับ เมื่อบอกนายหน้าให้ส่งกลับ ปรากฏว่านายหน้าขายเขาต่อมาที่แม่สอด ซึ่งอันนี้ชัดอยู่แล้ว ข้อมูลที่ทราบมาคือ KK Park ที่อยู่ตรงฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด เลยจากเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ ซึ่งใหญ่มาก ใหญ่กว่า ชเวโก๊กโก่อีก มีคนอยู่ประมาณ 200,000 คน อันนี้เป็นแก๊ง เป็นอาชกรรม เป็นเมืองที่เข้าไม่ได้เลย ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชเว โก๊กโก่ อย่างน้อยยังทำคาสิโน เปิดให้นักพนันเข้าไปเล่นได้แต่กรณี KK Park ไม่เปิดให้คนนอกเข้าเลย และเป็นแหล่งอาชญากรรม 100 %



“1ในตึก KK หรือ KK4 เท่าที่ทราบมาเป็นกิจกรรมร่วมทุนของ คิงส์โรมันส์ (Kings Romans) ก็คือทางจ้าวเหว่ยไปซื้อและลงทุน เขาซื้อทำไมตึกเพราะว่าที่นั่นมีแต่แก๊งคอลเซนเตอร์ และมีความเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว”

นักวิชาการผู้ซึ่งเห็นร่องรอยของอาชญากรรมข้ามชาติจากดินแดนคิงส์โรมัสน์บอกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือตัวแทนรัฐบาลไทยโดยคุณสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปร่วมงานดอกงิ้วคำบ้าง ไปร่วมงานเลี้ยงบ้าง แล้วพูดว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ไม่มีอาชญากรรม พูดได้อย่างไรเพราะจ้าวเหว่ยและพรรคพวกถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐอเมริกา เรื่องพวกนี้เขารู้กันทั่วโลก หากไม่มีหลักฐาน ไม่มีทางเลยที่เรื่องนี้จะออกมา ถ้าไม่มีหลักฐานที่แน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่ทางการสหรัฐอเมริกาจะขึ้นบัญชีดำ ที่แน่ ๆ คือมีการป้องกันการทำธุรกรรมกับคนกลุ่มนี้เพราะว่าเปิดโอกาสให้เกิดการฟอกเงินได้



“ความพยายามจะทำเศรษฐกิจร่วมกันกับทางเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะว่าเท่ากับไปให้ความชอบธรรมต่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ปัจจุบันเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกขายไปจากสามเหลี่ยมทองคำ ได้ไปโผล่ที่ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด โดยจะถูกส่งทางเรือไปเมืองท่าขี้เหล็กก่อน แล้วส่งต่อไปแม่สอด ถ้ามีถนนมันเร็วกว่าอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่การค้ามนุษย์ สิ่งที่คุณชูวิทย์(กมลวิศิษฎ์)ออกมาพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ควรนำมาพิจารณา”

เมื่อปลายปีที่แล้วนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉถึงแก็งค์จีนเทาในประเทศไทยที่รู้จักกันในนาม 5 เสือซึ่งใช้ไทยเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจจีนเทา และเป็นเครือข่ายของจ้าวเหว่ยโดยมีนายเฟย ลูกน้องคนสนิทของจ้าวเหว่ยที่เดินทางเข้าออกไทยได้อย่างอิสระทำหน้าที่เป็นคนเก็บเงิน

“สิ่งที่สงสัยคือว่าเขาจะลงทุนสร้างสะพานเองทั้งหมด เขาทำกิจการอะไร ทำไมถึงมีเงินมหาศาลขนาดนี้ เราก็เคยเข้าไปดูในคิงส์โรมันส์ ก็เห็นอยู่ว่าเมืองนั้นเป็นเขตเมืองท่องเที่ยว แต่กิจกรรมการท่องเที่ยวไม่สามารถสะสมทุนได้ขนาดนั้นเลย เป็นแสนล้าน เป็นไปไม่ได้ โดย common sense ย่อมบอกว่ามันผิดปกติแล้ว” ศ.ดร.ปิ่นแก้วตั้งข้อสังเกตไปยังรัฐบาลไทยเกี่ยวกับเม็ดเงินมหาศาลที่จะใช้ลงทุนสร้างสะพานของจ้าวเหว่ย

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เล่าว่าปัจจุบันตำรวจ 3 ประเทศคือพม่า ไทยและจีน ได้ทำงานร่วมแบบไตรภาคี ซึ่งเดิมจะไป station (ตั้งสถานี) ที่เมืองเมียวดี แต่ทางการพม่าบอกยังไม่พร้อมจึงมาอยู่ที่แม่สอด เขาปฏิบัติการอยู่ 3 เดือน โดยใน 3 เดือนนี้ทางทีมวิจัยได้ไปสัมภาษณ์ตำรวจ ซึ่งทางตำรวจบอกว่ามาอยู่ที่ ตม.ประมาณประมาณ 10 กว่าคน โดยมีวาระสำคัญ 3 เรื่องที่จีนเสนอคือ 1.ตัดไฟฟ้า 2.ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต 3.จับกุมบรรดาผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง

“ทางการจีนคิดว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งเพราะสามารถตัดไฟตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ผลเลย ดิฉันได้พานักศึกษาไปลงพื้นที่ เห็นไฟฟ้าสว่างไสวในตอนกลางคืน คือถ้าเรานั่งกินข้าวจากร้านอาหารฝั่งไทย หากมองไปฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นและได้ยินเครื่องปั่นไฟ นั่นคือเขาเตรียมการไว้ก่อนแล้ว คนจีน ทุนจีน เขาเตรียมการซื้ออุปกรณ์ เครื่องปั่นไฟ เท่าที่สัมภาษณ์คนที่ทำงานอยู่ในนั้นก็เล่าให้ฟังว่ามีเครื่องปั่นไฟครบทุกตึก

“ฝั่งนั้นเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องน้ำมัน เท่าที่สัมภาษณ์คือฝั่งทุนจีนเขามองเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ในอนาคต จะอย่างไรเขาต้องพัฒนาแหล่งไฟฟ้าในพม่า คือพม่ามีทรัพยากร และกลุ่มพวกนี้เขามีเงินเยอะ มีทุนอยู่แล้ว และก็ไม่มีปัญหาในการที่จะหาแหล่งไฟฟ้ามาทดแทน เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลา แค่ตัดไฟในแง่หนึ่งก็เป็นการทำให้เขามองแหล่งพลังงานใหม่มาทดแทนเร็วขึ้น เรื่องอินเทอร์เน็ต เมื่อใช้ของฝั่งไทยไม่ได้ แต่ว่าก็ใช้ฝั่งพม่า ใช้เครือข่ายโทรศัพท์ Mytel ซึ่งกองกำลังกะเหรี่ยงได้รับสัมปทานมา มันแพงกว่าแล้วก็อาจจะไม่สะดวกเท่าอินเตอร์เน็ตทางฝั่งไทย แต่ไม่ได้มีปัญหาในการดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง การที่จีนบอกว่าการตัดสิ่งเหล่านี้ประสบความสำเร็จแต่ความจริงแทบไม่ได้ทำให้กลุ่มใหญ่เหล่านี้ กระทบกระเทือนสักเท่าไหร่”



ที่ผ่านมามีการขุดคุ้ยกลุ่มทุนจีนเทาที่เข้ามาฟอกเงินในไทยถึงขนาดมีการหยิบยกไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรไทย เพราะเชื่อมโยงถึงนักการเมืองและบิ๊กข้าราชการ แต่ดูเหมือนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรัฐบาลไทยกลับดูไม่จริงจัง เสมือนหลับตาข้างหนึ่งไว้ เมื่อกระแสแรงก็ทำขึงขังแต่เมื่อกระแสเบาบางก็ปล่อยสถานการณ์ให้ล่วงเลยไป บทบาทของรัฐบาลไทยซึ่งมีผลต่อการหยุดยั้งของขบวนการผิดกฎหมายของเหล่าจีนเทาจึงเป็นที่จับตามองของวงการมาเฟียทั่วโลก รวมทั้งประชาชนทั่วไป

“ถ้าเอาจริงรัฐบาลไทยทำได้อยู่แล้ว เมื่อตำรวจจีนเข้ามา เขาก็มีลิสต์รายชื่อผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย 400- 500 คน มีหมายเลขพาสปอร์ต มีข้อมูลที่จำเป็นอยู่แล้ว เขาต้องต่อวีซ่า เปิดบัญชีธนาคารในไทย จัดการเรื่องธุรการอะไรต่างๆ

“การที่มีคนไทยไปทำงานให้กับบริษัทจีนเทาเหล่านี้จำนวนมาก อันนี้สะท้อนว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่ผ่าน (transit) อยู่แล้ว เป็นพื้นที่ที่เขาต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำธุรกรรมกับธนาคาร จะอย่างไรเขาก็ต้องข้ามแดนมาทางฝั่งแม่สอด ถ้ารัฐไทยจะเอาจริง ลิสต์รายชื่อ 400-500 คน ถ้าจะตามหาตัวนั้นไม่ยากอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับรัฐไทยว่าจะเอาจริงแค่ไหน

“ทีมงานได้สัมภาษณ์คนที่เป็นล่าม เขาก็บอกเลยว่าธุรกิจจีนเทาในนั้น เขาทำกันไม่นานหรอก ส่วนใหญ่ทำพอสะสมทุนได้ซักระยะ เขาจะมาตั้งหลักทำธุรกิจสีขาวในไทย เงินที่เขาเก็บได้ ก็มาเปิดกิจการเป็นร้านหม้อไฟบ้าง เป็นธุรกิจสั่งของจากจีนมาขายในไทยบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กลับประเทศไม่ได้ เขาจะมาลงที่ไทย คือไทยก็อาจจะไม่ใช่แค่ทางผ่านนะ ที่เป็นทางผ่านไปยังพม่าก็ไม่จริงแล้ว อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่ามันมีความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจสีขาวกับธุรกิจสีเทาเชื่อมโยงกันอยู่ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันและตำรวจไทยตามไม่ยากอยู่แล้ว ถ้าจะทำการอย่างจริงจัง”

เมื่อย้อนกลับไปที่เรื่องสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเชียงแสนของไทย กับอาณาจักรคิงส์โรมันส์ของเจ้าเหว่ย ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เชื่อว่า หากมีการสร้างสะพานจริง จะเป็นตัวฟอกกิจการของเขา และไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม นักการเมืองฝั่งไทยได้ไปช่วยเขาฟอกตัว

“การออกมา defend ว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษของจ้าวเหว่ยไม่มีอาชญากรรม เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เป็นเรื่องตลก ใครเขาจะโชว์คุณล่ะเวลาคุณไปงานเขา ว่าตึกนี้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นไปไม่ได้ ใน Radio Free Asia มีรายงานตั้งแต่ปีก่อน มีข่าวเรื่องคนลาวหนีออกมา มีเรื่องช่วยเหลือคนอินเดีย ช่วยคนชาตินั้นชาตินี้ เขาพูดตรงกันทั้งนั้นว่าหนีออกมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ออกมาเขาก็โทรศัพท์บอกตำรวจลาวด้วย แต่ตำรวจลาวบอกว่าเข้าไปไม่ได้ ให้พยายามหนีออกมา ให้มาถึงตรงรั้วแล้วตำรวจจะพยายามไปรับ มันละเอียดขนาดนี้ นี่คุณไปอยู่ไหนมา คุณไม่ได้อ่านข่าวพวกนี้หรอกหรือ แล้วยังไปช่วยเขาฟอกขาวอีก คือมันตลกมาก

“สิ่งที่จ้าวเหว่ยพยายามประกาศคือ ที่นั่นเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองเศรษฐกิจ เป็นการฟอกขาวให้กับกิจกรรมผิดกฎหมายของเขา เมืองเศรษฐกิจมันไม่สร้างรายได้เยอะขนาดนั้น ที่จะมาสร้างอะไรต่ออะไรมากมายหรอก ในช่วงโควิดใครๆก็รู้เป็นช่วงอาชญากรรมหรือเศรษฐกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์บูม เงินที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจที่หลอกคนอื่น มันมหาศาล

“แต่สิ่งที่ควรพิจารณาให้หนักคือ ไทยจะได้อะไร คือมันได้ไม่คุ้มเสียเอา เพราะเราทราบกันอยู่แล้วว่า สะพานดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้อาชญากรรมและเศรษฐกิจแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการพนัน ทำงานได้รวดเร็วและแผ่ขยายได้กว้างขึ้น”

ที่ผ่านมาชายแดนภาคเหนือตั้งแต่บริเวณสามเหลี่ยมทำคำในฝั่งลาว ไปจนเมืองท่าขี้เหล็กฝั่งพม่า ชายแดนเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ไปจนชายแดนฝั่งตะวันตกด้านจังหวัดตาก กาญจนบุรีไปจนถึงระนอง ต่างกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของเหล่าบรรดาจีนเทาที่เข้ามาจับจองพื้นที่ ทำให้ดินแดนแถบนี้ถูกตั้งคำถามว่าทำไมเหล่ามาเฟียถึงเห็นพื้นที่ย่านนี้เป็นเมืองสวรรค์

“เพราะว่ารัฐในแถวนั้นเขาเอาด้วย มันเป็นพื้นที่ที่รัฐจีนขยายอำนาจไปไม่ถึง มันไม่สามารถทำให้รัฐท้องถิ่น ออกกฎหมายควบคุมกำกับกิจกรรมพวกนี้ ดังนั้นเป็นเหตุผลเดียวเลย กรณีฝั่งตรงข้ามกับแม่สอดจะเห็นว่ามันเป็นพื้นที่ที่เขาเรียกว่ามันมีอธิปไตยหลายฝ่ายใช่หรือไม่ พม่าก็เล่น 2 หน้า หมายถึงเขาก็ได้ประโยชน์ ในขณะที่กองกำลังกะเหรี่ยงก็ต้องการทุนตรงนี้ เขาต้องเลี้ยงกองทัพของเขา

“กะเหรี่ยงทั้ง BGF และ KNU โดย BGF เป็นพื้นที่ของชเว ก๊กโก่ ส่วน KNU เป็น KK Park

ดังนั้นประเด็นเรื่องของอธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ารัฐส่วนกลางอ่อนแอ กรณีของพม่าเป็นเช่นนั้นคือ ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ชายแดนได้โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีกลุ่มกองกำลัง ทางการจีนจะกดดันอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปจัดการได้ ส่วนกรณีลาวนั้น ถูกซื้อด้วยทุนไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเขาไม่แคร์ หรืออาจจะมีข้อตกลงกันบางอย่าง บางประการ เช่น คุณจะต้องทำให้มันเป็นเมือง เพราะฉะนั้นเราจะเห็นสิ่งที่จ้าวเหว่ยพยายามทำ ในแง่ของการสร้างเมืองจริงๆ เขาพยายามสร้างสนามบิน พยายามสร้างสะพาน พยายามสร้างตึก เขาใช้การท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบ แต่ว่าเศรษฐกิจหลักของเขาไม่ได้มาจากตรงนี้ การเปิดให้คนนั้นคนนี้เข้ามาลงทุนร่วมเพื่อสร้างภาพ

“กลุ่มทุนสีเทา 2 กลุ่มนี้ก็จะคล้ายๆ กัน จะเห็นเขาไป donate บริจาคเงินการกุศล นู่นนี่นั่น ทำนองนี้ มันก็คือการเอาเงินสีเทามาฟอกเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กลายเป็นพวกนักบุญ พวกนักลงทุนที่มีจิตใจกว้างขวางอะไรทำนองนี้ แต่เศรษฐกิจหลักของเขามาจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว รัฐลาวก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ดังนั้นพื้นที่ 2 ส่วนนี้เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบที่รัฐท้องถิ่นเอาด้วยกับทุนสีเทา ถ้าหากรัฐไทยยอม รัฐไทยก็จะเป็นหนึ่งในรัฐท้องถิ่นที่อ่อนแอ”

เมื่อถามว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยน่าจะมีข้อมูลเหล่านี้หรือไม่ ศ.ดร.ปิ่นแก้วกล่าวว่า “เขามีข้อมูลและรู้อยู่แล้ว ต้องถามว่ารัฐไทยเอาจริงหรือไม่ล่ะ ถ้าจะเอาจริงมันไม่ได้ยาก ตอนนี้มีองค์กรเกิดขึ้นแล้วก็คือไตรภาคีของตำรวจ 3 ประเทศ ตอนนี้ขยายเป็น 4 ประเทศ โดยมีลาวอยู่ในนั้นด้วย เพิ่งประชุมกันไปเมื่อไม่กี่เดือน จึงเป็นที่มาของการจับกลุ่มอะไรต่อมิอะไร ซึ่งจีนเป็นตัวหลัก คำถามก็คือว่าความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งอาชญากรรม ไทยเอาจริงขนาดไหน ถ้าไทยเอาจริง เราจะเห็นภาพตัดกันเลยว่า เพราะมีลาว มีไทย มีพม่าและมีจีนอยู่ใช่ไหม

“เขากำลังอยากสร้างสะพาน แล้วถ้ารัฐไทยเอากับเขาด้วยเนี่ย มันแสดงถึงความขัดกันในทางนโยบายชัดเจน ตำรวจรู้อยู่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงรู้อยู่แล้วว่าศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ไหนบ้างในภูมิภาค ดังนั้นถ้าจะจัดการให้พื้นที่ที่มันเป็นจุดที่มีการเคลื่อนย้าย ทำอะไรได้ลำบาก โครงการอะไรที่มันจะเอื้ออำนวยให้เกิดการไหลเวียนสิ่งผิดกฎหมาย ควรที่จะต้องถูกพิจารณาอย่างละเอียด หรือไม่ อย่างไร



“เราไม่ได้อยู่ในยุคสงครามเย็น ที่มีมหาอำนาจหรือกลุ่มทุนจะมาเสนอสร้างสะพานให้ก็รีบตะครุบ เราควรคิดบนฐานที่ว่าเงินที่จะมาสร้างสะพานเป็นเงินอะไร มันเป็นเงินบริสุทธิ์หรือไม่ จะทำให้ไทยตกอยู่ในสถานะอะไร ไทยตอนนี้ก็เป็นพื้นที่ไหลเวียนของอาชญากรรมอยู่แล้ว มันจะยิ่งทำให้กลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากขึ้นไปอีก

“มันมีความพยายามของกลุ่มนักการเมืองที่อยากให้เมืองชายแดนเป็นเมืองคาสิโน ทั้งเชียงราย แม่สอด แต่ความคิดยังแตก เราได้ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ทุกคน ยกเว้นสภาอุตสาหกรรม บรรดากลุ่มทุนทั้งหลายบอกว่าไม่ดีหรอก แต่น้ำเชี่ยวไปขวางไม่ได้ หากรัฐจะเอาก็ต้องเตรียมพร้อม แนวมันไปแบบนี้”

นายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันประกาศที่จะปราบปรามยาเสพติดตั้งแต่วันแรกๆที่เข้ามารับตำแหน่ง เช่นเดียวกับการปราบปรามแก๊งมาเฟียและขบวนการอาชญากรรมต่างๆ ถึงขนาดตั้ง “เจ้าพ่อ” เป็นหัวหน้าทีมปราบ “เจ้าพ่อ”ด้วยกันเอง แต่ทั้งหมดจะไม่มีวันสำเร็จหรือทะลุทะลวงได้เลย หากเรายังมีแหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมอยู่ที่รั้วบ้านและใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางไหลเวียนของการกระทำผิดกฎหมาย ขณะที่นักการเมืองใหญ่ที่ใกล้ชิดเหล่ามาเฟียจีนเทายังคงดำรงสถานะอยู่ในพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นแกนรัฐบาล