วันจันทร์, ตุลาคม 02, 2566

ทุ่งลาวาไอซ์แลนด์ถูกคุ้มครองด้วยกฎหมาย มาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.อนุรักษ์ธรรมชาติไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ มีข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติคือ


Reporter Journey
Yesterday·

ทุ่งลาวาไอซ์แลนด์ถูกคุ้มครองด้วยกฎหมาย
มาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.อนุรักษ์ธรรมชาติไอซ์แลนด์
ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ ห้ามสัมผัสหรือเข้าไปเหยียบ
.
เว็บไซต์ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมไอซ์แลนด์ (The Environmental Agency of Iceland ) ระบุว่า พื้นที่ ทุ่งลาวาซึ่งครอบคลุมไปถึงทุ่งลาวามอส ต่างถูกคุ้มครองด้วยกฎหมายคุ้มครองพิเศษ มาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.อนุรักษ์ธรรมชาติของไอซ์แลนด์ โดยมีการแจ้งขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติ
.
1. อย่าสัมผัสหรือเหยียบมอส เพราะมอสเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศของไอซ์แลนด์ และต้องใช้เวลานานกว่าจะเติบโต เป็นพืชชนิดเดียวที่เจริญเติบโตบนลาวาได้
.
2. อย่าเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนด เพราะอาจสร้างความเสียหายหรือทำลายพันธุ์พืชหรือสัตว์ ทำร้ายระบบนิเวศที่ล้อมรอบเส้นทางได้ นี่เป็นเรื่องที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไอซ์แลนด์ ที่ๆ มีมอสเติบโตเกือบทุกที่
.
3. อย่ามองข้ามป้ายรอบๆ ไอซ์แลนด์ ตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในไอซ์แลนด์ จะมีป้ายเตือนทุกประเภท เพื่อให้นักท่องเที่ยวเคารพระบบนิเวศของไอซ์แลนด์ และเที่ยวด้วยความปลอดภัย
.
4. อย่าก่อกองไฟใดๆ เป็นความโชคร้ายของไอซ์แลนด์ที่มีต้นไม้น้อยมากในประเทศ ปละการก่อกองไฟในที่สาธารณะถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เนื่องจากระบบนิเวศในไอซ์แลนด์มีความเปราะบางมาก
.
5. อย่าเอาอะไรกลับไป ไอซ์แลนด์พยายามปกป้องระบบนิเวศ สิ่งใดก็ตามที่เป็นธรรมชาติ จะไม่สามารถนำออกจากพื้นที่คุ้มครองของประเทศได้ ซึ่งรวมถึงพืช ฟอสซิล แร่ธาตุ และ หินลาวา
.
ประเด็นเรื่องของการเข้าไปเหยียบในทุ่งลาวา เป็นที่พูดถึงในกลุ่มนักอนุรักษ์ค่อนข้างสูง เพราะด้วยความเปราะบางของธรรมชาติ การสัมผัสหรือเดินบนตะไคร่น้ําของไอซ์แลนด์สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างถาวร ซึ่งอาจทําลายลักษณะที่สวยงามของภูมิทัศน์ไอซ์แลนด์แห่งนี้ มอสเป็นส่วนสําคัญของระบบนิเวศของไอซ์แลนด์และต้องใช้เวลาหลายปีในการเติบโต
.
ไอซ์แลนด์มีมอสมากกว่า 600 สายพันธุ์ ซึ่งหลายชนิดสามารถทนต่ออุณหภูมิต่ํากว่าศูนย์องศา ที่พบได้บ่อยตลอดฤดูหนาวและเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นและเปียกชื้น
.
การเยี่ยมชมทุ่งลาวาจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการทำให้มอสเสียหาย เพราะในไอซ์แลนด์พืชพรรณชนิดหนึ่งที่แพร่หลายมากที่สุดคือมอส ที่นี่มีลักษณะเฉพาะของทุ่งลาวาของไอซ์แลนด์และสามารถพบได้ในปริมาณที่มากทั่วทั้งภูมิประเทศที่เป็นภูเขา
.
โดยทุ่งลาวา Eldhraun บนชายฝั่งทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ เป็นพื้นที่ที่จะจะพบกับผ้าห่มมอสที่น่าทึ่งที่บนเกาะ
.
ทั้งนี้ทุ่งลาวา Eldhraun ถูกห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไป เนื่องจากเป็นภูมิประเทศที่ไม่เสถียร ภายใต้มอสสีเขียวอ่อนอาจเห็นหินลาวาสีดําแหลมคมยื่นออกมาในรูปแบบลูกคลื่นที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
.
และไม่แนะนําให้เดินบนทุ่งลาวาเนื่องจากมีช่องว่างและรอยแยกขนาดใหญ่และหินลาวาใต้พื้นโลกเป็นอันตรายอยู่ข้างใต้
.
ไอซ์แลนด์เป็นดินแดนที่มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นที่ใหญ่ที่สุดซึ่งการระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2017
.
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าตามทุ่งลาวาเริ่มมีกลิ่นเหมือนกํามะถันมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศ
.
สำหรับประเด็นดราม่าในการเข้าไปเหยียบย่ำมอสในทุ่งลาวานั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งถ่ายทอดผ่านส่วนหนึ่งของมิวสิกวิดีโอที่มีชื่อเสียง "I'll Show You" ของ จัสติน บีเบอร์ ที่ถ่ายทําใน Eldhraun ซึ่งมีฉลากที่มีการการเต้นและเหยียบย่ํามอสน้ําในมิวสิกวิดีโอ
.
เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งชี้ให้เห็นว่ามอสน้ําได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
.
และเริ่มมีการพูดกันในวงกว้างเกี่ยวกับการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในทุ่งลาวาจนพืชชนิดนี้ได้รับความเสียหาย จากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเกินกว่าที่จะดูแลทั่วถึง
.
ในทางกลับกันมอสไอซ์แลนด์เติบโตช้าและใช้เวลาประมาณ 100 ปีเป็นอย่างต่ำในการเจริญเติบโต
.
สำหรับไอวซ์แลนด์นับเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสวยงามจนได้รับฉายาว่าเป็น ดินแดนในฝันของชาวอินสตาแกรม ด้วยจำนวนรูปกว่า 10 ล้านรูปบนอินสตาแกรม เห็นได้ชัดว่าไอซ์แลนด์เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผู้คนเดินทางไปโดยหวังว่าจะได้รูปสวย ๆ ติดมือกลับมา
.
อย่างไรก็ตาม คนในพื้นที่ก็เริ่มเบื่อหน่ายกับ "อินฟลูเอนเซอร์" หรือผู้ที่มีผู้ติดตามและมีอิทธิพลในอินสตาแกรมมาก ที่มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติสถานที่ และเข้าไปกระทำสิ่งที่เป็นการรบกวนธรรมชาติ ไม่เคารพกฎ และสร้างความเสียหายแก่ธรรมชาติและสัตว์ป่า
.
ประเด็นปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยจนทุกวันนี้มีเพจเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมที่ชาวไอซ์แลนด์สร้างขึ้นเพื่อบันทึกพฤติกรรมแย่ ๆ ของนักท่องเที่ยวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเหล้าและขับรถ ไปนั่งบนธารน้ำแข็ง เดินย่ำไปบนพืชมอสส์ เดินล้ำเขตที่กั้นไว้สำหรับนักท่องเที่ยว และบินโดรนไล่เหนือฝูงม้า
.
หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว Visit Iceland ได้ริเริ่มโครงการหลายโครงการเพื่อรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวมีความรับผิดชอบ มีวิดีโอเตือนให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าพืชมอสส์ของไอซ์แลนด์สำคัญอย่างไร และต้องไม่ขับรถออกนอกเส้นทาง
.
นอกจากนี้ ยังมีการให้นักท่องเที่ยวเซ็นสัญญาที่สนามบินว่าจะไม่เข้าไปยุ่งหรือทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่ปัสสาวะตามพื้นที่ในชนบท
.
พืชมอสส์ไอซแลนด์มีความบอบบางเป็นพิเศษและสามารถตายได้หากถูกย่ำ พืชชนิดนี้ช่วยให้ไม่มีการกัดเซาะของดิน ช่วยในการอุ้มน้ำและรักษาความชื้น ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์หลากชนิดอีกด้วย