ประเทศไทยเปลี่ยนไปแล้วจริง สำหรับการเล่นการเมืองแบบพรรคเพื่อไทย วันนี้ ชลน่าน ศรีแก้ว บอกว่า สโลแกน “ไล่หนู ตีงูเห่า” เป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงเท่านั้น เมื่อได้คะแนนเสียงมาแล้วจะเอาไป ‘ฯยำ’ อย่างไรก็ได้
สองพรรคเปิดแถลงแจ้งข่าวดี ว่าตกลงกันแล้วจะรวมกัน ๒๑๒ เสียงตั้งรัฐบาล ด้วยหลักการ ๓ ข้อที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นั่งพูดจากแท่น “พรรคภูมิใจไทยแจ้งต่อเพื่อไทยในการตอบรับร่วมตั้งรัฐบาล คือ ๑.ไม่แตะต้อง ม.๑๑๒
๒.ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ๓.ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล” นี่เสี่ยหนูบอกอีกว่า “พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน และให้คำยืนยันว่าจะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดเกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน” ส่วนจะมีใครบ้างขออุบไว้ก่อน
จังหวะพอดีกับ ธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาขอความเป็นธรรมแก่พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าตอนนี้ลุงตูบก็วางมือไปแล้ว อย่ามาตั้งแง่กับ รสทช.เลย คอการเมืองจึงต้องคอยจับตาไม่กะพริบว่าจะมีพรรคใดบ้างที่เติมเต็มให้ทีม ‘ภูมิเพื่อใจไทย’ เกิน ๒๕๐ เสียง
เพราะดูแล้วแค่ ๒๔๒ เสียงอย่างที่คุยไว้ก่อนหน้านี้ ก็จะหืดขึ้นคอถ้าไม่มี รสทช.และ พปชร. โดยที่ชลน่านอ้างว่า “จะได้ไม่ต้องง้อ สว.” ยิ่งถ้าจะได้ถึง ๒๘๐-๓๐๐ เสียงอย่างที่ ภูมิธรรม เวชยชัย โว ยิ่งเป็นไปไม่ได้เว้นแต่จะร่วมสองพรรคนี้
ดูเหมือนคนจำนวนมากขึ้นเริ่มหยวนๆ ให้รีบตั้งๆ รัฐบาลเสียเร็วๆ ส่วนผสมอย่างไรช่างแม่งไปก่อน เหมือนตอนรับร่างรัฐธรรมนูญ ๖๐ นั่นไง เสร็จแล้วเวลานี้ชลน่านเอามาอ้าง “วิกฤตรัฐธรรมนูญทำให้ไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่คาดหวังได้”
Kanasin Malivun แห่ง แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่าไว้ใช่เลย “ความจริงคือทำได้ เเต่ก็เลือกที่จะไม่ทำตามที่ประชาชนคาดหวัง เองต่างหาก” เช่นที่ Thanapol Eawsakul บอก “มี ๑๔๑ เสียงแต่กลายเป็นลูกไล่ ของพรรค ๗๑ เสียง”
(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/021viBYibdEk, https://www.thairath.co.th/news/politic/2715121=IwAR1kkWFE และ https://twitter.com/Thairath_News/status/1688495875734327296)