วันจันทร์, สิงหาคม 07, 2566

พงศกร รอดชมภู เล่าเรื่อง คุยกับด้อมส้ม


พงศกร รอดชมภู
14h
·
คุยกับด้อมส้ม ใครไม่ชอบผ่านไปได้ครับ
มีคำพูดอยู่ประเภทหนึ่งที่ผมแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลแต่ก็พอจะรู้อยู่บ้าง ไม่ได้แก้ตัวนะครับ เล่าให้ฟัง ถ้าไม่เข้าใจก้าวไกลแล้วไปต่อว่าเขาจะเตลิดไปกันใหญ่
อันดับแรก ที่ว่าก้าวไกลมีทีมไอโอที่มากกว่า พรรคอื่น
ทีมไอโอนี่ต้องเป็นกองทัพหรือบริษัทยักษ์ที่มีเงินพอจ้าง สมมุติมี ๑,๐๐๐ คน วันละ ๓๐๐ บาท ก็วันละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท มากน้อยกว่านี้ก็คิดเอา เอ้าลดให้เหลือวันละ ๑ แสนบาท เดือนละ ๓ ล้านบาทเชียวนะ พรรคนี้ไม่มีทรัพยากรขนาดนั้น
จริงอยู่มีการมอร์นิเตอร์ข่าวเป็นเรื่องปกติ มีคนจำนวนหนึ่ง แต่แค่ตามข่าว ส่วนการผลิตนั้นมีไม่กี่คน ส่วนมากก็ไปออกที่แกนนำตอนแถลงข่าว
แล้วทำไมแพร่กระจายเร็วนัก เรื่องนี้มาจากด้อมส้มจำนวนมากช่วยกันขยาย ช่วยกันอธิบายหรือเลยไปถึงตีกับ fc สายอื่นก็เยอะ ต้องยอมรับกัน แบบว่าแรงมาก็แรงไป ที่น่าสนใจคือด้อมส้มทั้งหลายกระจายกันไปคิดไปทำ ก็เหมือนนางแบกของพรรคอื่นนั่นแหละ ไม่ต่างกัน
ดังนั้น ไอโอ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง หากแต่การมีรายละเอียดของนโยบายลงลึกถึงขนาดที่คิดตามแล้วเชื่อว่าทำได้มากกว่า อีกทั้งช่วงที่ผมลงไปช่วยหาเสียง เอาเฉพาะส่วนตัวปฏิรูปกองทัพและยกเลิกเกณฑ์ทหารมีคลิปออกเกือบทุกวัน เรื่องอื่น ๆ ก็เช่นกัน แน่นอนว่าการโจมตีคู่แข่งทางการเมืองมี แต่ไม่ถึง ๓ ใน ๑๐๐ ส่วน ส่วนมากหยิบมาอธิบายแล้วถามกลับ อาจเป็นข่าวบ้าง แต่ข่าวนโยบายกระจายมากกว่า
สำคัญคือคำขวัญที่ว่าเลือกก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ความปั่นป่วนทั้งหลายของฝ่ายอนุรักษ์นิยม จารีตทั้งหลายในเวลานี้เห็นได้ชัด
ยังมีเรื่องตรงไป ตรงมารักษาคำมั่น สัญญา คำไหน คำนั้น ที่ประชาชนต้องการ
จำเรื่องหัวคะแนนธรรมชาติกันได้นะครับ สิ่งนี้ไม่มีรูปแบบ ใครชอบก้าวไกลก็บอกต่อกัน อธิบายเรื่องนโยบายกันไปเองเสียส่วนใหญ่
มีอีกคำคือ ก้าวไกลมีสื่อในมือมากกว่า ลงลึกไปอีกที่ผมเห็นในเฟสคือคำว่า อาจารย์อีกแล้ว
นักวิเคราะห์ในเกือบทุกช่องตั้งแต่ก่อนหาเสียงจนถึงช่วงจัดตั้งรัฐบาลโดนกล่าวหาว่าเข้าข้างก้าวไกล อาจมองว่า influencers เหล่านี้คือพวกกินส้ม
เรื่องของเรื่องคือนักวิเคราะห์เหล่านี้เขานิยมระบอบประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ เขาเบื่อลุง ๆ ที่จ้องสืบทอดอำนาจ เขาก็เชียร์ให้ประชาธิปไตยชนะ ต้องการให้ ๘ พรรคจับมือกัน พอไม่เป็นดังที่หวังก็เป็นธรรมดาที่จะต้องวิจารณ์กันหนักหน่อย เพราะเขาเห็นกันว่าอีกนิดเดียวก็ชนะแล้ว
จริงอยู่ก้าวไกลอาจใช้ระบบ AI ประเมินความเห็นของประชาชน ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่แล้ว ทุกพรรคหามาใช้ได้ ความเห็นของประชาชนนี้ทำให้ก้าวไกลต้องฟัง ไม่ใช่เฉพาะ fc ในเพจ แต่เป็นสังคมโดยรวมด้วย การขยับอะไรจึงอาจช้าหน่อยและเหมือนเป็นอุปสรรค
แต่ทิศทางของพรรคเป็นแบบนี้คือ ประชาชนจ้างพรรคก้าวไกลมาทำนโยบายที่ประชาชนต้องการให้เป็นจริง พรรคมีเจ้านายคือประชาชนเท่านั้น พรรคไม่มีเจ้าของพรรคที่สามารถทำอะไรขัดใจประชาชนส่วนใหญ่ได้
อธิบายมายืดยาวไม่ได้ต้องการความเห็นใจ ในฐานะคนนอกเข้าใจความลำบากของพรรคก้าวไกลดี จะบอกว่าไม่ต้องการเป็นรัฐบาลคงไม่ใช่ แต่จะให้ละทิ้งประชาชนเพื่ออำนาจหรือแค่ชนะการเลือกตั้งก็คงเป็นได้แค่นักเลือกตั้ง อนาคตของลูกหลานจะไม่มีแสงสว่างครับ