ความแตกต่างของระเบียบเดิมกับที่ประกาศใหม่ ๑๑ สิงหา เซีย จำปาทอง @SiaJampathong อธิบายไว้สั้นๆ ง่ายๆ ว่าเป็นการ “ยกเลิกระบบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบ ‘ถ้วนหน้า’ เปลี่ยนเป็นระบบ ‘อนาถา’ ต้องพิสูจน์ความจนก่อนรับ”
ซึ่งเขาบอกว่าจะทำให้ “ผู้สูงอายุมากกว่า ๖ ล้านคนไม่ได้เงินส่วนนี้อีกต่อไป” รองโฆษกสำนักนายกรักษาการ รัชดา ธนาดิเรก บอก “ผู้สูงอายุที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพอยู่ก่อนวันที่ระเบียบใช้บังคับ จะยังมีสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป”
ถึงกระนั้นก็ยังเป็นระบบสวัสดิการ “ไม่ถ้วนหน้า” และยังต้องพิสูจน์ความจนอยู่ดี ทั้งที่ น.ส.รัชดา ถองกลับว่า อย่าดราม่า “วันนี้เราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะเพิ่มต่อเนื่อง” งบประมาณก็เพิ่มตามทุกๆ ปี
“จากเคยตั้งไว้ห้าหมื่นล้านต่อปี เพิ่มเป็นแปดหมื่นล้าน และแตะเก้าหมื่นล้านแล้ว ในปีงบประมาณ ๒๕๖๗” ดังนั้นจำเป็นต้องลดรายจ่ายเบี้ยเลี้ยงคนชรา สำหรับ “ผู้สูงอายุเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้สูงหรือผู้สูงอายุที่ร่ำรวย” ถือว่าเป็นการสร้างความยั่งยืนการคลังระยะยาว
เช่นนี้ดูจะแตกต่างกับตรรกะการคลังของว่าที่แกนนำรัฐบาลใหม่ ในข้อเขียนพีอาร์โฆษณา ‘ดิจิทัล วอลเล็ต’ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยบอกว่าขอเห็นต่างกับแบ๊งค์ชาติ ให้เลิก “ติดกับดักคำว่าเสถียรภาพ...กลัวความเสี่ยง”
นั่นคือให้จัดสรรงบประมาณออกมากระตุ้นการใช้จ่าย นัยว่านี่เป็นเศรษฐกิจยุคใหม่ ถึงอย่างไรก็จะยังไม่รู้ผลแน่ จนกว่าจะได้ลงมือทำจริงจังไปแล้วพักใหญ่ ปัญหามีอยู่แต่ว่าพรรคเพื่อไทยในสภาพที่ต้องไปง้อพรรคโน้นพรรคนี้ เพื่อที่จะกำจัดพรรคก้าวไกลออกไป
จะสามารถลองผิดลองถูกนโยบายยุคใหม่ที่คุยได้แค่ไหน แม้แต่ตัวแคนดิเดทนายกฯ พวกพรรคร่วมที่มีทุนผูกขาดอยู่เบื้องหลังเริ่มตีรวน ผ่านไปทาง สว.กันแล้ว เมื่อ เศรษฐา ทวีสิน แย้มว่าเพื่อความโปร่งใส “รมต. ในรัฐบาลใหม่ ต้องไม่นั่งกระทรวงเดิมที่เคยนั่งในรัฐบาลประยุทธ์”
ข่าว สว.จะไม่เอาเศรษฐา ขอเปลี่ยนไปเป็น ‘อุ๊งอิ๊ง’ แทน บางกระแสว่าแม้อุ๊งอิ๊งก็จะไม่เอา น.ต.ศิธา ทิวารี @SitaDivari เลยได้ทีแซว “จะไปสุดที่ตรงไหน...โหวตอุ๊งอิ๊งจะเอาอนุทิน โหวตอนุทินจะเอาลุงป้อม” ละสิท่า
(https://twitter.com/joe_black317/status/1690701562757472257, https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/361908 และ https://www.matichon.co.th/bullet-news-today/news_4125290)
