ถ้าไม่แก้ นับวันจะยิ่งแย่ลงไปกว่านี้ กรณี ป.อาญา ม.๑๑๒ กำหนดให้ใครก็ได้ฟ้องใครก็ได้ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ-อัยการต้องรีบเด้งรับ ส่งให้ผู้พิพากษา แอ่น ‘bend over backward’ รับ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเรื่อง “ธีรเมธ หรือ ‘นัท’ ผู้บกพร่องด้านสติปัญญา (พิการประเภท ๕) วัย ๑๙ ปี เดินทางไปที่ สภ.ผาขาว จ.เลย เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีมาตรา ๑๑๒” เดชะบุญไม่ต้องเผ่นไปถึงพัทลุง ตามที่ผู้ฟ้องตั้งใจ
ทรงชัย เนียมหอม ‘นักฟ้อง ๑๑๒’ ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน เป็นผู้กล่าวหาคดี จงใจไปแจ้งความที่พัทลุง เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความยากลำบากตั้งแต่แรกเริ่มคดีเลยเชียว นายคนนี้ “เป็นผู้แจ้งความ
ดำเนินคดีประชาชนในข้อหามาตรา ๑๑๒ หลายคดี ใช้วิธีแจ้งความกระจายกันไปในสถานีตำรวจต่าง ๆ หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ใช่เพียงภูมิลำเนาที่ผู้แจ้งความอาศัยอยู่เท่านั้น” แต่ธีรเมธผู้ถูกฟ้องอาศัยอยู่กับพ่อและญาติๆ ที่จังหวัดเลย
แม้แต่การเดินทางจากที่อยู่อาศัยไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอผาขาว ก็ต้องใช้มอเตอร์ไซค์ในเส้นทางกว่า ๕๐ กิโลเมตร (ไปกลับกว่าร้อย) ทุกวันนี้เขามีสถานะว่างงาน “ด้วยอุปสรรคการใช้ชีวิต”
ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในกรุงเทพฯ “ด้วยความสนใจส่วนตัวอยากช่วยเหลือสังคมและคาดหวังจะชนะรัฐเผด็จการ ทำให้ธีรเมธเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองอยู่หลายครั้ง” นี่เป็นเหตุเบิ้องต้นนำเขามาสู่การเป็นผู้ต้องหา ม.๑๑๒
ด้วยอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบัน ทำให้ทนาย อานนท์ นำภา ร้องขอ “พนักงานสอบสวนในคดีนี้เดินทางมาสอบสวนนอกพื้นที่ คือเดินทางไปยังที่อยู่ปัจจุบันของผู้ต้องหา” ในจังหวัดเลย
สำเร็จลุล่วงไปในชั้นนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๖ สิงหา ๖๖ ที่ผ่านมาด้วยปณิธานของเขาที่ “ไม่อยากให้คนรุ่นหลัง ๆ โตมาลำบากเหมือนเรา ให้มันจบที่รุ่นเรา รุ่นหลังมาเขาจะได้มีการศึกษาที่ดี มีชีวิตที่ดี”
(https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/0cSRbK7K8S9)