วันพุธ, พฤษภาคม 10, 2566

‘คู่แข่ง’ วิตกมากกว่า ‘ติ่ง’ ถ้า ‘ก้าวไกล’ ถูกยุบพรรคเพราะหุ้นไอทีวี คะแนนจะตกน้ำเสียเปล่าๆ “เพื่อนพ้องฝั่งเดียวกันพลอยอดอานิสงค์”

ที่วิตกมากกว่า ติ่ง เรื่อง ก้าวไกล คะแนนจะตกน้ำถ้าโดนยุบพรรคจากคำฟ้องของ นักร้อง มืออาชีพ ว่ารับมรดกจากบิดาผู้ล่วงลับ เป็นหุ้นสื่อ ไอทีวี เห็นจะเป็น คู่แข่ง นั่นแหละ

รายนี้บอกว่า “ผมโจมตีก้าวไกลจริง แต่ใจจริงก็ไม่อยากให้ถึงยุบพรรคหรอก เพราะผมประเมินด้วยตัวเองว่าโดยรวมๆแล้ว ก้าวไกลไงๆ ก็ยังไม่ชนะเพื่อไทยในปีนี้” Kamkerng Tungmalong @kamkerng เขียนไว้บนหน้าทวิตเตอร์

“ก็เป็นห่วงอยู่ว่าหากโดนยุบเพราะเรื่องแบบนี้ก็น่าเสียดาย อย่าลืมว่าที่ธนาธรโดนคราวที่แล้วก็เป็นบริษัทสื่อที่ไม่ได้ดำเนินกิจการแล้วเหมือนกัน ไม่ได้ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งแต่อย่างใดนะครับ” เขาวิเคราะห์ได้เข้าไคล้ทีเดียว

“ถ้า กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญชุดเดิมพิจารณาก็มีสิทธิ์เหมือนกัน ดังนั้นหากโดนยุบจริงๆ คะแนนก็คงจะตกน้ำไปหรือไหลไปพรรคลุงตู่” ข้อนี้ก็มีคนอื่นวิเคราะห์ไว้เหมือนกัน อุเชนทร์ เชียงเสน ว่าไม่ทำให้ทั้งแฟนคลับเพื่อไทยและก้าวไกลเปลี่ยนใจ

“ตรงข้ามน่าจะส่งผลอย่างมากกับฝั่งโน้น คือ ประยุทธ์น่าจะรวบรวมเสียงได้มากขึ้นเพื่อจะมาสู้กับทักษิณ” คือเพิ่มกระแสอนุรักษ์นิยมขึ้นไปอีก “ไม่ใช่เฉพาะผลการเลือกตั้งเท่านั้น ฝ่าย ปชต.โดยรวมน่าจะลำบากมาก...มีผลกระทบในเชิงลบมากกว่า”

รายที่เคยโจมตีแต่ตอนนี้เห็นใจว่าต่ออย่างมีทีเด็ด “ก็ลองพิจารณาดูครับว่าเลือกแล้วเสี่ยงคะแนนจะตกน้ำไหม” อันนี้เป็นการหาเสียงกับพวกครึ่งๆ กลางๆ ได้อย่างดี ระวังนะคิดจะเปลี่ยนประเทศกัน คะแนนมันจะไปตกน้ำเสียเปล่าๆ

“แต่ก็ไม่แน่อาจโดนยุบตอนเลือกตั้งแล้ว” กรณีนี้เสียเปล่าจริงๆ เพื่อนพ้องฝั่งเดียวกันพลอยอดอานิสงค์ไปด้วย แต่ก็ยังมีอีกทางเป็นไปได้ รายนี้เม้นต์ไว้ที่เพจอุเชนทร์ “เคยคุยกับระดับนำประชาธิปัตย์” Bukhoree Yeema บูฆอรี ยีหมะ บอก

“ช่วงที่ทักษิณประกาศกลับบ้านช่วงนั้นกระแสรวมไทยสร้างชาติพุ่ง กระทบต่อประชาธิปัตย์คะแนนลดลง ครั้งนี้ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อประชาธิปัตย์ภาคใต้ รวมไทยสร้างชาติคะแนนน่าจะสูงขึ้น” แต่ก้าวไกลจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

โดยเฉพาะในประเด็นที่ เรืองไกรร้อง เอกชัย หงส์กังวาน เอาหลักฐานมาแย้ง “ปกติผู้จัดการมรดกจะไม่มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทรัพย์สินยังคงเป็นของคนตายจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนชื่อเป็นทายาท การที่มีชื่อของพิธาเป็นผู้ถือหุ้นถือเป็นเรื่องแปลก

กรณีสู้ได้ในประเด็นที่เอกสารนี้ระบุวันที่ ๒๗ เม.ย. ๒๕๖๕ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการสมัครเลือกตั้ง และจำนวนหุ้นเพียง ๔๒,๐๐๐ หุ้นซึ่งน้อยมากจนไม่มีสิทธิใดๆ”

(https://www.facebook.com/photo/?fbid=2009215459493245&set=a.610427702705368 และ https://www.facebook.com/c.cheangsan/posts/pfbid02bRHmY2L)