ธรรมนัส พรหมเผ่า : เส้นทางการเมืองที่ผ่านมาของอดีตรัฐมนตรีวัย 56 ปี
ธรรมนัสแจงเหตุลาออก เพราะไม่ต้องการ "คอยรับใช้ใคร"
ในการแถลงข่าวที่รัฐสภา ร.อ. ธรรมนัสกล่าวถึงเหตุผลในการลาออกว่า ตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพี่น้องประชาชน โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก แต่ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งมา บรรยากาศการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังเอาไว้ จึงอยากกลับไปอยู่จุดเดิม นั่นคือการเป็น ส.ส.
"ผมต้องการทำการเมืองให้มันเข้มแข็ง เพื่อประเทศชาติ บ้านเมืองจริง ๆ ไม่ใช่มารองรับ หรือทำอะไรเพื่อคนบางกลุ่ม" ร.อ. ธรรมนัสกล่าวและว่า จริง ๆ คิดมาหลายเดือนแล้ว สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดคือสายตาประชาชน ไม่ใช่คอยรับใช้ใคร
เขายังฝากถึงประชาชนทุกจังหวัดว่า "วันนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเลือกทางเดิน เส้นทางการเมืองใหม่ โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมจะไปต่อสู้ในเวทีการเมืองอย่างเต็มที่" พร้อมเอ่ยขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ หลังจากนี้จะกลับไปตั้งต้นที่ จ.พะเยา และจังหวัดอื่น ๆ หากกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง มีวาสนาอีกครั้ง ตั้งมั่นว่าจะทำงานเพื่อชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ลาออก เป็นเพราะทำงานกับนายกรัฐมนตรีไม่ได้แล้วหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวยอมรับว่า "คงเดินไปในทิศทางเดียวกันไม่ได้"
ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า จับมือทักทาย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา หนึ่งใน "พี่น้อง 3 ป." ที่นายกฯ บอกว่ารักกันเหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ก่อนการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. แต่ พล.อ. อนุพงษ์ไม่ได้คุยกับเขา
นักการเมืองผู้กลายเป็นอดีตรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ได้หารือกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งแต่ก่อนลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะลาออกตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. แต่หัวหน้าพรรคห้ามไว้ สุดท้ายต้องขัดคำสั่งหัวหน้า เพราะไตร่ตรองดูแล้วว่าทางเดินชีวิตของตนทำเพื่อประชาชน มันต้องเดินไปอีกไกล ดังนั้นตัดสินใจเด็ดขาดด้วยตนเอง
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าหลังพูดคุยและขอโทษนายกฯ แล้ว แสดงว่าปัญหาไม่จบใช่หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสตอบว่าไม่จบ และรู้สึกไม่สบายใจ ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป หมายความว่าเมื่อพูดด้วยเหตุด้วยผลแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์ วิธีการดีที่สุดก็คือต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนความสัมพันธ์กับพี่น้อง 3 ป. ประกอบด้วย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ. ประยุทธ์ นั้น นักการเมืองรายนี้เลือกที่จะพูดถึงเพียงความสัมพันธ์กับหัวหน้าพรรคว่ายังรักเคารพเหมือนเดิม แต่ไม่เอ่ยถึงอีก 2 ป. โดยบอกเพียงว่า "ไม่ถึงกับแตกหัก แต่ผมเลือกทางเดินแล้ว"
ยังไม่ลาออกเลขาธิการ พปชร. แต่ประกาศไม่ไปเหยียบที่ทำการพรรค
นอกจากสถานะในฝ่ายบริหารของประเทศ ร.อ. ธรรมนัส ยังมีบทบาทในพรรคแกนนำรัฐบาลในฐานะเลขาธิการ พปชร. ทำให้เขาถูกโยนคำถามใส่ว่าจะยังทำงานกับ พปชร. ต่อไปหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขากล่าวว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันต่อไป
"ผมอาจจะไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่มันมีความสุข ผมย้ายจากบ้านหลังเก่ามา บ้านหลังเดิม ผมก็มีความสุขอยู่แล้ว บ้านหลังเดิมคือบ้านที่พะเยามีความสุขดีอยู่แล้ว ส่วนบ้านหลังใหม่ อาจจะไปสร้างบ้านใหม่" ร.อ. ธรรมนัสกล่าว
ร.อ. ธรรมนัสไม่ได้ตอบคำถามชัดเจนว่าจะกลับไปบ้านหลังเดิม หรือสร้างบ้านหลังใหม่ อันหมายถึงการทำพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา
สำหรับ "บ้านหลังเดิม" ที่ถูกพูดถึง บีบีซีไทยเข้าใจว่าเป็นการเปรียบเปรยที่หมายถึงพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองสุดท้ายที่ ร.อ. ธรรมนัสเคยสังกัดและลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ก่อนที่การเลือกตั้งครั้งนั้นจะกลายเป็นโมฆะ และมีการรัฐประหารในเวลาต่อมา กระทั่งก่อนการเลือกตั้งปี 2562 ร.อ. ธรรมนัสจึงยกคณะเข้ามาลงเล่นการเมืองในนาม พปชร.
ทว่าเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจไปอยู่บ้านอื่น มีพรรคเพื่อไทยอยู่ในตัวเลือกด้วยหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสตอบว่ามีพรรคมาจีบเยอะแยะ และไม่เกี่ยวกับที่มีกระแสข่าวว่ามีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้ อาจจะเป็น "พรรคพะเยา" หรือ "พรรคพลังพะเยา" หรือ "อีสานล้านนา" ก็ได้ ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว เร็วๆ นี้จะได้เห็นโฉมหน้าแน่
เขายังประกาศด้วยว่าจะไม่ไปเหยียบที่ทำการ พปชร. อีก "ไม่ชอบ ไม่อยากฝืนใจตัวเอง" แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเลขาธิการพรรค ยังไม่ได้ลาออก
การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีของ ร.อ. ธรรมนัส เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ หลังเสร็จสิ้นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีอีก 5 คน ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เกิดปรากฏความเคลื่อนไหวใต้ดินจากบางกลุ่มก้อนภายใน พปชร. กดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังเสร็จสิ้นศึกซักฟอก และอาจไปไกลถึงขั้น "เปลี่ยนตัวนายกฯ" ร้อนถึงผู้นำรัฐบาลต้องออกมาปฏิเสธข่าวหลายวันติดต่อกัน ขณะที่ร.อ. ธรรมนัสตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่เขาก็ออกมาระบุว่ามีคนในพรรคฝ่ายรัฐบาลเป็น "คนเต้าข่าว" เรื่องนี้ขึ้นมา
พล.อ. ประยุทธ์ยังไม่คิดปรับ ครม. เติมคนแทน 2 รมต.
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล "ประยุทธ์ 2" ทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ถึงกับถอนหายใจก่อนตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนช่วงเวลา 16.20 น.
นายกฯ ถูกถามเรื่องการลาออกของ รมช.เกษตรฯ ในระหว่างตรวจเยี่ยม รพ.สนามสำหรับผู้ป่วยไอซียู ที่ รพ.ปิยะเวท
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวเพียงว่า ได้ข่าวเมื่อกี้ว่าลาออก เขาก็เคยพูดอยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องเป็นรัฐมนตรีก็ได้ เป็น ส.ส. ก็สามารถช่วยประชาชนได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยงานกันมาโดยตลอด เดี๋ยวคงเป็นเรื่องของพรรคที่จะไปหารือกันว่าจะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่างานทุกงานไม่มีหยุดยั้ง มีคนทำงานให้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการลาออกหรือถูกปรับออก นายกฯ กล่าวว่า "ก็เขาลาออก" เมื่อถามย้ำว่า แต่เนื้อความในราชกิจจานุเบกษาระบุว่า นายกฯ กราบบังคมทูลว่า "สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ" พล.อ. ประยุทธ์หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ โดยบอกเพียงว่า "เอาล่ะ ยังไงเขาก็ไม่อยู่แล้ว จะมายังไง จะไปยังไง ผมไม่ตอบ" พร้อมย้ำว่า "ไม่ได้แจ้งใครทั้งสิ้น มันอยู่ที่ผม ผมทำของผม" และ "เหตุผลของผมก็คือเหตุผลของผม"
พล.อ. ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการปรับ ครม. ด้วยว่า ขอดูก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่ปรับใคร ถึงจะมีคนลาออก ก็ยังไม่ปรับเข้า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นผลมากระแส "ล้มนายกฯ" ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า "ทั้งหมดมาจากเธอ (สื่อมวลชน)"
ที่มา บีบีซีไทย
ธรรมนัส พรหมเผ่า เตรียมทำพรรคใหม่ หลังถูกปลดพ้นรัฐมนตรีพร้อมนฤมล ภิญโญสินวัฒน์