⚠️TW : BLOOD
— โอบกกี้ 🎀 (@iamjungwoosdog) September 29, 2021
A youth protester was injured by a Thai cops who shot something to the head. The sentence that someone told the world that “Thailand is a land of compromise”, that’s someone a big fat liar.#whatsHappenningInThailand#ม็อบ29กันยา
pic.twitter.com/bP81aCqKZI
⚠️บังคับรีทวิต⚠️
— Kamerad firista ☭✨🔥 (@C_foxtrot23) September 29, 2021
TW : เลือด , blood , แผล
มีคนถูกยิง! โดยกระสุนไม่ทราบชนิด
(อาจจะเป็นลูกแก้วจากปืนลมหรือหิน)
ที่ศีรษะ ศรีษะแตกเลือดออก !!!
มีคนถูกยิง! โดยกระสุนไม่ทราบชนิด
(อาจจะเป็นลูกแก้วจากปืนลมหรือหิน)
ที่ศีรษะ ศรีษะแตกเลือดออก !!!
.
.
.
.
.
.#ม็อบ29กันยา pic.twitter.com/O1i7JAh872
They use chemical to attack people again. They aim the gun at people (on upper body) again, too.
— celadon 川 (@celadoncxg) September 29, 2021
ICCPR can't work here. Police brutality everyday, Please pay attention. #WhatsHappeningInThailand #ม็อบ29กันยา
⚠️⚠️PLEASE PAY ATTENTION TO #ม็อบ29กันยา ⚠️⚠️
— นอนด้วยกันทั้งเดือน🌈🌺 #ItsOkNotToBeAlright (@Set_the_BKPP) September 29, 2021
1.A woman was shot by a Gino (water) car and she was unconscious
2.Someone was hit by tear gas and spit out blood. -
3.Laser was fired into the protesters' eyes and face
4.Someone was shot in the head.#WhatsHappeningInThailand pic.twitter.com/bgbv1mKYIo
#ม็อบ29กันยา
— iLawFX (@iLawFX) September 29, 2021
16.53 น. ตร.เริ่มฉีดน้ำเปล่าหลังจากผู้ชุมนุมตัดลวดหนาม จากนั้นเริ่มใช้น้ำผสมสารระคายเคืองเป็นระยะระหว่าง 16.58 -18.00 น. มีประชาชนได้รับผลกระทบเช่น หมดสติและอาเจียน ผู้สังเกตการณ์รายงานว่า น้ำผสมสารเคมีก่ออาการระคายเคืองมากกว่าครั้งก่อนๆทั้งทางเดินหายใจและผิวหนัง pic.twitter.com/drGREGs3Qd
The #Thai police’s use of teargas and rubber bullets against pro-democracy protesters has become a norm in #Thailand - this is disgusting! #ม็อบ29กันยา https://t.co/pqLw3VG3Lv
— Nanthida (@ThaiPolitica) September 29, 2021
Din Daeng protesters threw fireworks after announcing “round 2 fight” . Police responded with tear gas which they haven’t used in a while. #ม็อบ29กันยา #ดินแดง #ทะลุแก๊ส pic.twitter.com/XHkcZ2qQTY
— Evie Chomchuen (@EvieNHKWORLD) September 29, 2021
Atukkit Sawangsuk20:41 จนท. เริ่มยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก ผชน.ตอบโต้พลุ #ม็อบ29กันยา pic.twitter.com/trYYMXnfoI
— มนลสท อตอป (@immvvry) September 29, 2021
21h ·
จาก 6 ตุลาถึงสามนิ้ว
จะถูกปราบถูกกลืนเหมือนกันหรือไม่
.......................................
ว่าโดยบริบท
ขบวนการนักศึกษา ตั้งแต่ก่อน 14 ตุลาถึง 6 ตุลา
เป็นขบวนการรักชาติ รักความเป็นธรรม เรียกร้องประชาธิปไตย
แต่โลกยุคสงครามเย็นไม่มีประชาธิปไตยให้เลือก
ประเทศโลกที่สามมีแต่เผด็จการที่อเมริกาหนุนหลัง ต่อต้านก็ถูกฆ่าถูกจับ
กับกระแสปฏิวัติสังคมนิยม
เป็นอุดมการณ์แห่งความใฝ่ฝัน ตามไอดอลอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ เช กูวารา
หลังถูกเข่นฆ่า ขบวนการนักศึกษาจึงเข้าป่าจับปืน
ใฝ่ฝันว่าจะปลดปล่อยประเทศไทย
........................................
6 ตุลา 2519 เป็นวันเดียวกันที่จีนโค่นแก๊งสี่คน
ยุติการปฏิวัติวัฒนธรรม แล้วอีก 2-3 ปี เติ้งเสี่ยวผิงก็ฟื้นทุนนิยม
เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของอุดมการณ์สังคมนิยม จีนเปลี่ยนเป็นทุนนิยมโดยรัฐ (แล้วโซเวียตก็ล่มสลายในอีกไม่กี่ปีต่อมา)
2-3 ปีหลังจากนั้นเช่นกัน ที่เกิดความขัดแย้งใน พคท. ระหว่าง "จัดตั้ง" กับนักศึกษา จนป่าแตก ด้วยปัญหาประชาธิปไตยภายใน การไม่รับฟังข้อเสนอให้วิเคราะห์สังคมใหม่ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ยุทธวิธี
ตามมาด้วยจีนทำสงคราม "สั่งสอน" เวียดนาม (แต่แพ้จุกตูด)
พคท.เลือกข้างจีนเลยถูก "อ้ายน้องลาว" และเวียดนามตัดแนวหลัง
ขัดแย้งรุนแรงขนาดนายผีถูกลาวจับไปขัง ผู้กองนักรบน่านที่ถูกจับพร้อมนายผีถูกยิงทิ้ง
......................................
อีกด้านหนึ่ง อเมริกาแพ้สงครามเวียดนามปี 2518
ก่อนหน้านั้นก็มีกระแสเสรีนิยม ต่อต้านเหยียดผิวเรียกร้องเสมอภาคทางเพศต่อต้านสงครามเวียดนาม ฯลฯ (ซึ่งส่งผลสะเทือนมาถึงนักศึกษาไทย)
ทำให้เกิดจุดเปลี่ยน จิมมี คาร์เตอร์ พรรคเดโมแครต ชนะเลือกตั้งในปี 2519 (รับตำแหน่ง 20 มกราคม 2520)
หลังจากนั้นอเมริกาก็สรุปบทเรียน เลิกส่งออกรัฐประหารต้านคอมมิวนิสต์
โดยเมื่อโรนัลด์ รีแกน รีพับลิกันชนะอีกครั้ง ก็หันมาเปิดการค้าเสรี
กำหนดกติกาโลกใหม่ให้เปิดประเทศ เป็นประชาธิปไตย มีเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เพื่อสอดคล้องการค้าเสรี
........................................
หลังรัฐประหารตั้งรัฐบาลหอยได้หนึ่งปี
เกรียงศักดิ์ อินทรีบางเขนก็ทำรัฐประหารซ้อนโค่นรัฐบาลหอย
ชนชั้นนำปรับตัว (หรืออิทธิพลอเมริกา?)
ประกาศร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้ง นิรโทษกรรม 18 ผู้ต้องหา
แล้วต่อมา จปร.7 ก็ดันเปรมเป็นนายกฯ 66/23
ที่ไม่ใช่แค่รับนักศึกษากลับจากป่า แต่เปิดประชาธิปไตยครึ่งใบ
ให้พื้นที่นักการเมือง นักธุรกิจ (ตั้ง กรอ.) เปิดพื้นที่สื่อ ให้ NGO นักวิชาการ มีบทบาท (จนเข้าชื่อไล่เปรมนั่นแหละ)
โดยทางเศรษฐกิจ ก็พอดี ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาไทย เศรษฐกิจเฟื่องฟู ขบวนการนักศึกษาก็ล่มสลาย เป็นมหาลัยวัยหวาน ฟื้นโซตัส เรียนจบมีงานดีๆ ทำ มีห้างมีฟาสต์ฟู้ดให้นั่ง รัฐก็อาศัยวัฒนธรรมบริโภค propaganda อำนาจนำ
...................................
ตัดกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน
ถามว่าสถานการณ์โลก อุดมการณ์ประชาธิปไตยจะล่มสลายหรือ
(สลิ่มย้อนแย้งนิยมจีนคอมมิวนิสต์ เชียร์ระบอบปูติน)
ไม่ใช่นะ เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เป็นความต้องการของมนุษยชาติ
แต่เราอยู่ในโลกยุคเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่กำลัง Disrupted
เป็นโลกยุคตัวใครตััวมันเอาตัวรอดไว้ก่อน ระเบียบโลกอ่อนแอ
ทรัมป์กีดกันการค้า America First ไบเดนก็ต้อง First เหมือนกันนั่นแหละ แม้นโยบายหลายอย่างต่างกัน
แต่ละประเทศมีแนวโน้มต้องการผู้นำเข้มแข็ง รับมือวิกฤติ
โดยประเทศที่ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง ก็กลายเป็นผู้นำอำนาจนิยม
(แต่ส่วนใหญ่เขาไม่เอาคนโง่)
...........................
ปัจจัยภายใน ชนชั้นนำไทยอยู่ในช่วงอัสดง
จนต้องทำรัฐประหารกระชับอำนาจถอยหลัง
49 เสียของ 57 ยิ่งย้อนยุคกึ่งสมบูรณา ยิ่งอำนาจมากยิ่งเสื่อมศรัทธา
ยึดอำนาจ 7 ปี ไม่สามารถปรับตัวได้ หย่อนคลายอำนาจไม่ได้แม้แต่น้อย
แม้แต่ตัวบุคคลก็หาใครทดแทนประยุทธ์ไม่ได้
หาระบอบที่เหมาะสม ที่จะอยู่ร่วมกับประชาชนได้ ไม่เจอ
(ยุคเกรียงศักดิ์-เปรม ยังสามารถถอยกลับจากสุดโต่งมาเป็นครึ่งใบ)
นี่แตกต่างอย่างสุดขั้วกับสมัยหลัง 6 ตุลา ที่ชนชั้นนำพลิกตัวทันควัน
นี่เหมือนอยู่กับรัฐบาลหอยมา 7 ปีโดยไม่เกิดเกรียงศักดิ์ เปรม
เป็นอำนาจที่แข็งกร้าว ใหญ่โต ปึกแผ่น แต่เปราะ
.............................
ขบวนประชาธิปไตย มีปัญหาที่ความหลากหลาย
(ไม่ใช่แตกแยกทางอุดมการณ์)
ซึ่งเป็นธรรมชาติ เพราะนี่เป็นการยกระดับคุณภาพครั้งใหญ่
ไมใช่แค่ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งอีกแล้ว
แต่ไปถึงร่าง รธน.ใหม่ทั้งฉบับ รื้อโครงสร้าง
ปฏิรูปสถาบัน ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปศาล ฯลฯ ไปจนถึงความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
ซึ่งยังไม่มีใครเห็นภาพชัด ยังไม่สามารถนำเสนอยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่จะไปสู่ชัยชนะทีละขั้น แม้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจระบอบนี้เต็มที
เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า พคท.มีแนวทางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีชัดเจน แต่ผิดพลาด พ่ายแพ้ ขบวนประชาธิปไตยไม่มี แต่อุดมการณ์นี้ไม่ล่มสลาย สู้ได้ยาว ไม่ชนะแต่ก็ไม่แพ้
..............................
โดยธรรมชาติสังคม ไปถึงจุดหนึ่งจะต้องเกิด Compromise
(ประชาธิปไตยครึ่งใบคือ Compromise กับพลังต่างๆในสังคม)
ต่างฝ่ายต่างไม่ชนะ แต่ต่อรองให้ได้ในสิ่งที่ต้องการให้มากที่สุด
ซึ่งขึ้นกับความเข้มแข็งของพลังต่อรอง
ความเข้มแข็งของคนรุ่นใหม่ การต่อต้านอำนาจอนุรักษ์ทั้งกระบิ สิ้นศรัทธา-เย้ยหยัน แบบยกเจนเนอเรชั่น บวกกับความห่วยโง่ของผู้นำตัวแทน
คืออำนาจต่อรองที่ทำให้แม้แต่ตอนนี้เขาก็ใช้อำนาจไม่ได้เต็มที่
(มันจะจับขังมากกว่าอานนท์ เพนกวิน ไผ่ ไมค์ จับไปเป็นหมื่นก็ได้นะ แต่ไม่กล้าทำ แล้วก็ยังหาทางออกไม่ได้ว่าจะทำไงดี แค่ขังแกนนำไปพลางๆ ก่อน ไล่ดำเนินคดีไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งมา 112 ยิ่งเยอะ)
....................................
สถานการณ์ที่อำนาจนำไม่ยอมหาทาง Compromise หรือหาไม่ได้
ไม่สามารถอยู่ร่วมกับสังคมที่เปลี่ยนไป แตกต่างสิ้นเชิงกับหลัง 6 ตุลา
(อำนาจถอยหลัง สังคมก้าวหน้าไปมหาศาล แล้วยังไม่หาทางประนีประนอม ทั้งที่เสื่อมทุกด้าน)
นี่แหละที่ทำให้เชื่อว่า คนรุ่นใหม่ไม่พ่ายแพ้
โดยเฉพาะในช่วงต่อไปที่วิกฤติโลกวิกฤติประเทศจะยิ่งเลวร้ายลง
ขอแค่เข้มแข็งต่อไป ความเข้มแข็ง หรือกระทั่งแข็งกร้าวคืออำนาจต่อรอง
เชื่อมประเด็นโครงสร้างกับความไม่พอใจของประชาชนวงกว้าง
ในขณะที่มองว่าทางตัน
อีกด้านหนึ่ง ฝ่ายอำนาจก็ตันเช่นกัน