Jom Petchpradab
8h ·
สิ่งที่"คุณไพศาล พืชมงคล"โพสต์เป็นวิธีโหนกระแสจากความดังของ 2 พส. ซึ่งเป็นวิธีการปกติของคนนิยมโหนเจ้า หรือคนที่ใกล้ชิดกับเจ้า เมื่อใครคนใดเป็นที่โด่งดัง เป็นที่นิยม เป็นที่รู้จักของสังคมอย่างกว้างขวาง เครือข่ายเจ้าก็จะเข้าหาคนเหล่านั้นเพื่อหวังจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือ เป็นกระบอกเสียงในการโฆษณาชวนเชื่อ
และยิ่งหากบุคคลนั้น มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้จากความนิยมชมชอบ หรือจากแรงศรัทธาของประชาชน เช่นพระที่อ้างตัวเป็นเกจิอาจารย์จนเป็นที่โด่งดัง ก็จะมีบุคคลอ้างตนมาจากราชสำนัก หรือจากราชนิกูลคนนั้น คนนี้ว่า ทรงโปรดและอาจจะให้เข้าเฝ้าสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมกับราชสำนักหรือราชนิกูลคนนั้น คนนี้
และด้วยความใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อกับราชสำนัก ก็ย่อมส่งผลถึงความน่าเชื่อถือน่าศรัทธาเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงแรงบริจาคแรงสนับสนุนจากประชาชนที่มีเงินทั้งจากนายทุน ธุรกิจห้างร้าน หรือแม้ประชาชนทั่วไปก็จะเพิ่มทวีมากขึ้นด้วย (โดยเฉพาะในรัชกาลที่แล้ว )
จากนั้นกระบวนการขอแบ่งรายได้ “วัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง” ก็เกิดขึ้นการส่งส่วย เหมือนการส่งเครื่องราชบรรณาการให้ราชสำนักผ่านบุคคลใกล้ชิดก็เกิดขึ้น หากแรงศรัทธาเยอะ มีคนบริจาคเยอะแต่ส่งส่วยน้อย ชีวิตก็จะมีอันเป็นไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับพระสงฆ์ดังหลายรูปมาแล้ว ( ข้อมูลนี้มาจากปากคำของ หลวงปู่เณรคำ ที่จบชีวิตพระอยู่ในคุก ณ เวลานี้ )
ส่วนเรื่อง “พระจีวรแดง” หรือเจ้าคุณเบอร์ลินนั้น ไม่เกี่ยวกับนักการเมืองที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศพยายามดึงมาเป็นพวกล้มเจ้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตัวตนของเจ้าคุณเบอร์ลินเองที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอยู่แล้วเป็นปกตินิสัย และเมื่อถูกเรียกไปล้างสมอง ก็เลยออกมาเชื่อง ๆ เป็นเตมีย์ใบ้ในที่สุด เหมือนพระสงฆ์หลายรูปกก่อนหน้านี้ที่ทำตัวเป็นพระของประชาชน เรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมให้กับประชาชนที่เดือดร้อน เป็นพระฝ่ายประชาธิปไตย แต่พอได้รับเลื่อนขั้น เลื่อนสมณศักดิ์จากราชสำนัก ได้ประโยชน์อามิสสินจ้าง หรือเรียกตามคำของฝ่ายการเมืองคือ “ฉันกล้วย” เข้าไปหลายหวีหลายเครือ ก็กลายเป็นสงบปากสงบคำ เงียบเป็นเป่าสาก ซ้ำร้ายบางรูปยังออกมาทำหน้าที่ปั่นความนิยมให้กับเผด็จการทหาร เผด็จการราชานิยมเข้าไปอีก ( เข้าใจได้เพราะ พระสงฆ์ ก็คือคนรับใช้ของระบบรัฐราชการไทย) .... ไม่อยากเอ่ยชื่อพระเหล่านั้นให้เสียอารมณ์
ส่วน 2 พส.นี้ ก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แหละครับว่า ความพยายามที่จะล้างสมองเพื่อไปเป็นเครื่องมือรับใช้ราชสำนักจะเป็นผลสำเร็จ หรือไม่
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/4280288625403110
...
Paisal Puechmongkol
September 21 at 6:56 PM ·
พระเจ้าอยู่หัวโปรดเจ้าคุณจีวรแดง!
เมื่อวานซืนพระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์มาเยี่ยมได้สนทนากันหลายเรื่อง และเรื่องหนึ่งที่น่าปลื้มใจแต่ไม่มีใครทราบเลย คือเรื่องท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระมหาสมปองเล่าว่า
1. นักการเมืองที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศพยายามดึงท่านเจ้าคุณเบอร์ลินมาเป็นพวก เพราะท่านเป็นพระนักเทศน์ และเป็นที่เลื่อมใสของชาวต่างประเทศ จนท่านเจ้าคุณได้รับฉายาว่าเจ้าคุณจีวรแดง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบดี
2. อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้ท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์!!!
ท่านเจ้าคุณเบอร์ลินเล่าให้พระมหาสมปอง ฟังว่า "นึกไม่ถึงเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาคุณสูงมาก ทรงหล่อ และทรงน่ารักอย่างยิ่ง
ที่สำคัญทรงสนพระทัย และเข้าใจพระธรรมตลอดจนการปฏิบัติกรรมฐานเป็นอย่างดี"
ทำให้ท่านเจ้าคุณซาบซึ้งน้ำพระทัย และรู้จักเข้าใจพระองค์ดีขึ้น
จากนั้นท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน ก็ตั้งใจประกาศพระศาสนา และพรรณนาน้ำพระทัยของพระองค์ให้ชาวต่างประเทศ ได้ศรัทธาเลื่อมใสพระศาสนาและพระมหากษัตริย์เนืองๆจนบัดนี้!!!!
น้ำพระทัยแท้พระเจ้าอยู่หัวเป็นดังพระสมุทร ที่ไม่เคยรังเกียจว่าน้ำที่มารวมกันนั้นจะเป็นน้ำฝนน้ำคลองน้ำหนองน้ำบึงใดไหนเลย
ดังที่ทรงตรัสว่า ข้าพเจ้ารักประชาชนทุกคนเสมอกัน
3 ท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน บอกพระมหาสมปองว่า เมื่อได้เข้าเฝ้าแล้วท่านจึงสิ้นสงสัย ว่าเหตุใดท่าน ศ. ศิวรักษ์ เมื่อได้เข้าเฝ้าถวายฎีกาแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้าอยู่หัว!!!
พระมหาทั้ง 2 รูปบอกว่า ท่านถูกผลักไสให้เป็นพวกล้มเจ้าและทำกันเป็นขบวนการ มีการข่มขู่ท่าน โดยไม่เกรงใจผ้าเหลืองก็หลายครั้ง ทำให้ท่านสลดใจ
และเมื่อสนทนากันแล้วท่านมีความมั่นใจว่าพระธรรมจะเป็นที่พึ่งของท่าน และตั้งใจประกาศพระพุทธธรรม ปลูกพระธรรมลงในใจของเด็กและเยาวช ตามความถนัดของท่าน ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนไว้ สืบไป
นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์คำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า "เมตตาธรรมอันแผ่ไปแล้วนั้น ย่อมยังสามโลกนี้ให้ร่มเย็นเป็นสุขได้"
การสร้างความขัดแย้ง และผลักใสผู้เห็นต่างไปเป็นพวกล้มเจ้าต่างหากที่อันตรายต่อแผ่นดิน!!!
