วันอังคาร, กันยายน 28, 2564

แฟลตดินแดง : มีข่าวแต่ไม่มีเสียง ชาวบ้านถามหา ส.ส. เขตดินแดง 7 มหาวิทยาลัยภาคอีสาน ยื่นจดหมายเปิดผนึก ขอสภาฯ เปิดพื้นที่พูดคุยหาทางออกวิกฤติการเมือง-ตรวจสอบการกระทำเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อผู้ชุมนุม


Noi Thamsathien
7h ·

แฟลตดินแดง : มีข่าวแต่ไม่มีเสียง
เรื่องราวของม๊อบดินแดงและแฟลตดินแดงเป็นข่าวทุกวัน แต่มีอีกหลายอย่างที่ถูกกดทับ และอันที่จริงสิ่งที่สำคัญที่สุดกลับไม่ปรากฎว่ามีเสียงออกมา
เมื่อวันก่อนที่เราไปดูการรับเรื่องร้องทุกข์ที่แฟลตดินแดงของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างกลายเป็นสูญญากาศ
วันนั้นมีประชาชนหลายคนต้องการทำเรื่องร้องเรียนเพราะว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ คนร้องเรียนส่วนใหญ่กว่ายี่สิบรายต่างไปลงบันทึกกับสถานีตำรวจ พวกเขาคือคนที่ได้รับความเสียหาย คือถ้าไม่ใช่ต่อทรัพย์สินก็คือต่อร่างกาย เช่นมีสองสามีภรรยาชาวแฟลตดินแดงที่ลูกสาวซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมแต่กลับโดนกระสุนยางจากคฝ.ที่วิ่งตามม๊อบเข้าไปยิงใส่ เขาเปิดคลิปให้ดูบอกว่ามันเป็นการกราดยิงทั้งๆที่ก็เห็นว่ามีชาวบ้านอยู่กับตรึม นอกจากนั้นก็มีคนที่บ้านได้รับความเสียหาย เป็นต้น
ที่หนักสุด คือเด็กหนุ่มสองคนที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์กันออกมาจากพท.แฟลตและโดนรุมทำร้าย
คนที่ไปสน.เป้นหนึ่งในสองคนนั้น เขาเล่าว่า วันเกิดเหตุเขาขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปรับเพื่อนที่มีร้านขายของข้างใน ขาออกผ่านคนชุมนุมแล้วดันถูกคนชุมนุมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสายตำรวจ ถูกไล่ตื้บ วิ่งหนีไม่พ้น ในสองรายนั้น รายหนึ่งกระโดดลงจากที่สูง ซึ่งนี่คือรายที่ได้เห็นข่าวกันไปบ้างแล้ว คือกระโดดลงไปเจอหลังคาสิ่งปลูกสร้างรองรับไว้ก็จริง แต่บาดเจ็บสาหัส ผู้ที่ไปช่วยเหลือพาแม่ของเจ้าตัวคนนี้ไปร้องเรียนบอกว่า อาการคือหลังหัก ขาหัก นอนอยู่รพ.พระมงกุฎ ขณะที่ไปร้องเรียนยังไม่ได้รับการผ่าตัดและครอบครัวก็ไม่มีเงิน ตั้งความหวังว่าจะใช้เอกสารแจ้งความไปขอรับความช่วยเหลือจากกรมคุ้มครองสิทธิ ก.ยุติธรรม เพื่อให้เขาช่วยจ่ายเงินเยียวยาจะได้เอาไปรักษาตัว นั่นคือรายที่นอนรอในรพ. ซึ่งเท่าที่คุยกับจนท.กรมคุ้มครองสิทธิ เราไม่แน่ใจว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะเขาบอกว่าเรื่องมันต้องไปผ่านคณะกรรมการพิจารณาก่อน คนที่ช่วยเหลือพาไปร้องเรียนบอกเราว่า น่าจะพิการ
ส่วนรายที่ยังเดินไปแจ้งความได้บอกว่าโดนรุมตีนับสิบหรือเกินสิบ โดนฟันที่หัวและที่แขน วันที่เขาไปแจ้งความก็พันแขนพันหัวไป แต่บาดเจ็บไม่หนักเท่าคนที่โดดหนี
ตร.ในสน.ดินแดงประกาศกับคนที่ไปแจ้งความว่า ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมตร.ก็จะรับแจ้งความ และกรมคุ้มครองสิทธิจะรับเรื่องไปพิจารณาช่วยเหลือ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมจะไม่ได้สิทธินี้ ดังนั้น "ถ้าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมและไม่บอกก็จะมีความผิดฐานให้ข้อมูลเท็จ" ตำรวจว่า ก็คือนอกจากโดนเล่นงานแล้ว ความช่วยเหลือจากกรมคุ้มครองสิทธิก็จะไม่ได้ด้วย
ประเด็นนี้สวนทางกับความเชื่อของคนที่ช่วย้เหลือพาไปร้องเรียน เขาระบุว่า ตามระเบียบของกรมคุ้มครองสิทธิที่เขียนเอาไว้ อ่านแล้วได้ความว่า ไม่ว่าคุณจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตามก็จะได้รับการช่วยเหลือหากได้รับผลกระทบ นี่จนบัดนี้เราก็ไม่รู้ว่าตกลงอันไหนแน่
แต่ที่แน่ๆคือ มีคนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและบาดเจ็บจำนวนมากที่ไม่กล้าทำอะไร เช่นในวันนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปสน.ด้วย มีอาการเจ็บแขน เขาไปดูๆแล้วก็เข้าใจว่าตกลงไม่แจ้งความ เพราะเขาร่วมชุมนุมและโดนคฝ.ใช้กระบองตีเข้าที่แขน แต่คือเจ็บมากและมันต้องหาหมอแต่ ไม่มีเงินไปรักษาพยาบาล บ้านอยู่ต่างจังหวัด เข้าใจเอาว่าถ้าจะต้องใช้สิทธิสามสิบบาทก็จะต้องกลับบ้านตจว. ซึ่งช่วงนี้มีโควิดด้วยก็ยากไปอีก หลายคนในที่นั้นแนะนำว่า ไม่จำเป็นต้องกลับตจว. ในกรณีอุบัติเหตุรักษาที่ไหนก็ได้ สามารถใช้สิทธิได้ เขาก็ตกลงไปรพ.ใกล้บ้าน
เรายังได้ยินเรื่องราวของคนที่เจ็บตัวเพราะคฝ. ตอนแรกอยากเอาเรื่อง แต่พอไปคุยๆก็พบว่าไม่มีลู่ทางจะทำอะไรได้เนื่องจากหากไปหาตำรวจจะโดนตำรวจแจ้งข้อหาชุมนุมและโดนจับทันที สรุปว่าหลายคนที่เจ็บตัวได้แต่หลบไปรักษาตัวเอง เราได้ยินว่ามีจำนวนไม่น้อยด้วย
นี่เป็นปัญหาที่ขณะนี้เป็นปัญหาปลายเปิด ไม่มีใครเข้าไปดูแล
ขณะที่อีกด้าน ความเดือดร้อนของคนในพื้นที่แฟลตดินแดงก็ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องทางกายภาพ แต่ความชุลมุน ความเครียด มีผลต่อพวกเขาทั้งนั้น วันก่อนเราและเพื่อนแวะไปคุยกับชาวบ้านอีกที มีผู้หญิงวัยหกสิบบ่นให้ฟังว่าอยู่บ้านไม่ได้ ต้องหลบไปนอนบ้านเพื่อน แต่ก็ใช่ว่าจะนอนได้ตลอดไป ก็ต้องกลับมาบ้านตัวเอง เครียดมาก เธอว่า และรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
เธอรู้สึกว่า เรื่องระดับนี้มันไม่ใช่เรื่องจะเอาคฝ.มาแก้ปัญหา มันเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองของประเทศต้องรับผิดชอบ ถ้ามีปัญหากับบริษัท ไปเจรจากับยามมันจะได้อะไร ยามจะทำอะไรได้ เธอว่า
เธอถามหานักการเมืองเจ้าของพื้นที่ ถามหาสส. แล้วบอกว่าเธอไม่เคยเจอนักการเมืองของพื้นที่ลงไปหาทางพูดคุยเพื่อหาทางยุติปัญหาเลย "อาจจะมีก็เอาของมาแจก แจกของไม่แก้ปัญหา"
ความเห็นของเธอออกมาแนวเดียวกันกับคู่สามีภรรยาที่พาลูกสาวที่โดนกระสุนยางจากคฝ.ไปแจ้งความ คนที่เป็นพ่อคุยกับเราว่า อยากฟ้องเอาผิดใครสักคนแต่ไม่รู้ว่าจะเอาผิดใครดี เขาบอกว่า สิ่งสำคัญที่ควรเกิดขึ้นแต่ไม่มีใครริเริ่ม คือหาทางออกด้วยการเจรจาและเขาเห็นว่า รัฐบาลควรจะเป็นคนริเริ่มหาทางพูดคุยกับเด็กๆ
เรื่องนี้ไม่เกิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการบ่มเพาะบรรยากาศของความเครียด การเผชิญหน้าและความไม่ไว้วางใจ ความหวาดระแวง
หลายคนเชื่อว่ามีสายสืบตำรวจแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มชาวแฟลตและผู้ชุมนุม สำหรับคนบันทึกเรื่องอย่างเรายืนยันไม่ได้ แต่ที่ยืนยันได้คือคนที่เราคุยด้วยต่างเชื่อเช่นนั้น และนี่ก็เลยเป็นผลทำให้มีคนโดนรุมทำร้ายมาแล้วดังที่ว่า
ส่วนตัวเราเองสังเกตได้ว่าเรื่องของความไม่ไว้วางใจคนแปลกหน้ามีให้เห็นได้ชัดเจน อย่างน้อยผู้หญิงที่บ่นเรื่องไม่มีนักการเมืองลงพื้นที่ไปรับเรื่องหรือหาทางแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านก็บอกเราว่าไม่กล้าให้สัมภาษณ์แบบเปิดหน้า เพราะ "คนมีหลายความคิด" เธอว่า
บรรยากาศในย่านแฟลตดินแดงมองเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ข้างในไม่สงบแน่นอน เรื่องราวของการชุมนุมที่แฟลตดินแดงปรากฎเป็นข่าวทุกวัน แต่เสียงเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางออกด้วยการพูดคุยลอยผ่านมาแล้วก็เหมือนจะลอยผ่านไป
#แฟลตดินแดง #ชาวบ้านถามหาสสเขตดินแดง
.....

https://www.facebook.com/watch/?v=394885765484217