บันทึกเยี่ยม “เพนกวิน” ความคิดถึงกำลังเดินทาง และแสงสว่างรำไร
21/09/2564
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
แม้วันที่ 15 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก บอย-ชาติชาย แกดำ ฟ้า-พรหมศร วีระธรรมจารี ณัฐชนน ไพโรจน์ รวมทั้ง เพนกวิน- พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ในคดี #ม็อบ2สิงหา ชุมนุมหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 แต่เพนกวินยังถูกคุมขังที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี ตามหมายขังของศาลอาญา คดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ต่อไปอยู่เพียงลำพัง
วันนี้เราเริ่มพูดคุยจากการสอบถามอาการเพนกวิน เพราะทราบว่าวันเสาร์ที่ผ่านมา เพนกวินได้พบแพทย์เนื่องจากยังมีอาการเหนื่อยหอบ แต่เพนกวินแจ้งว่าแพทย์ได้สอบถามและจ่ายยาตามอาการ คือได้ยาหอม ส่วนอาการเพนกวินบอกว่าหลังจากหายจากโควิดแล้ว เขามีอาการหายใจไม่สดชื่นเหมือนเดิม และมีอาการเหนื่อยง่ายกว่าเดิม
“เหนื่อยจนชิน” เพนกวินบอก แต่เขาก็บอกว่าที่เรือนจำธัญบุรีนั้น เขาถูกคุมขังที่ชั้นสามและมีชั้นลอยในห้องดังกล่าวด้วย เลยได้อยู่บนชั้นลอยที่หายใจได้โล่งขึ้น “คิดซะว่าเป็นสวนสวรรค์” เป็นวิธีคิดของเพนกวินในขณะที่เขาถูกคุมขังจากการแสดงออกอย่างสันติ
นอกจากนี้เราเล่าให้เพนกวินฟังว่า ทางเรือนจำมีโทรทัศน์ให้ดู แต่ไว้สำหรับดูหนัง ไม่มีข่าวสารใดๆ ให้ดู
เพนกวินเล่าว่ากิจวัตรของเขาในช่วงเช้าและก่อนนอน จะเขียนกลอนหรือขีดเขียนไปเรื่อยๆ ส่วนช่วงบ่ายจะอ่านหนังสือ อยู่ในนี้เพนกวินได้นอน ได้อ่านหนังสือ
“ความจริงหนังสือเป็นจิตวิญญาณของผม แต่อยู่ข้างนอกไม่ค่อยได้มีเวลาอ่าน ชีวิตมันเป็นแบบนี้แหละ”
เราฟังแล้วก็รู้สึกหลายอย่าง ความรู้สึกแรก คือ เพนกวินดูเข้มแข็งและเข้าใจชีวิต ความรู้สึกที่สอง คือ นี่คือคำพูดของคนอายุยี่สิบสาม แต่ใครจะกล้าพูดว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่เป็นเรื่องเล็กน้อย
ถึงตรงนี้เรานึกได้ว่าเพิ่งเห็นโคลงที่เพนกวินส่งออกมาสู่โลกภายนอก เป็นวันเดียวกับที่บทกวี “ปณิธานลาดยาว” ของอานนท์ ถูกเผยแพร่ในวันเดียวกัน เราเลยหยิบบทกวีของอานนท์มาให้เพนกวินอ่าน
เพนกวินอ่านแล้ว บอกว่าอานนท์ยังคมเสมอ นอกจากนี้เราบอกเขาว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ซึ่งเพนกวินประเมินว่าตนเองอาจติดคุกยาวนั้น อานนท์ก็ประเมินสถานการณ์ของตัวเองแบบนั้นเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เพนกวินยังมีความหวังในการได้ปล่อยตัวชั่วคราว “รอบที่แล้ว เหมือนพายุหนัก ไม่รู้จบเมื่อไหร่ แต่คราวนี้เหมือนฝนไล่ช้าง หนักเหมือนกัน แต่เห็นแสงสว่างลอดออกมากลางสายฝนได้ พอเห็นแสงรำไรๆ”
เพนกวินยังฝากความคิดถึง ถึงอานนท์และไผ่ “คิดถึงพี่ไผ่ และพี่อานนท์มาก คิดถึงพี่ไผ่ไม่มีใครเล่นหมากรุกด้วย กว่าจะหาตัวหมากรุกได้ บอยก็ออกไปก่อน พอหาตัวหมากรุกมาได้ ก็ไม่มีใครเล่นด้วย เลยต้องคืนตัวหมากรุกเค้าไป”
“ฝากบอกพี่อานนท์ว่าผมกลับมาเขียนนิราศแล้ว คมกว่าเดิม อยากให้พี่ช่วยอ่าน ช่วยเกลาด้วย ส่วนบทกลอนแปด (ปณิธานลาดยาว) ผมยอมพี่อานนท์ อ่านแล้วตบเข่าฉาดว่า นี่คืออานนท์”
เราขออนุญาตเพนกวินว่าข้อความที่ฝากถึงอานนท์และไผ่ สามารถเผยแพร่ได้หรือไม่ เขาอนุญาต
ผู้อ่านบันทึกเยี่ยมอยู่ขณะนี้ จึงได้ทราบและรับรู้ความคิดถึงของเพนกวิน ก่อนอานนท์และไผ่ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เวลาในเรือนจำนั้นหมุนช้า เวลาสื่อสารระหว่างเรือนจำนั้นก็คงช้ายิ่งกว่า ความคิดถึงของเพนกวินคงต้องเดินทางไปถึงไผ่และอานนท์ในวันถัดไป
วันนี้เราจบด้วยเรื่องทางคดี เตือนถึงนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลของเพนกวิน และเพื่อนๆ รวม 9 คนที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ในเหตุการณ์การคุมตัวพวกเขาและเธอไปคุมขัง หลังศาลไม่ให้ประกันตัว เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564
เราขับรถกลับมาจากเรือนจำ เจอฝนตกหนักระหว่างทาง หากมองสถานการณ์ภาพรวมสิ่งที่นักกิจกรรมทางการเมืองต้องพบเจอ คือพายุทางคดี ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงตลอดปีที่ผ่านมา แต่ ณ เวลานี้ เพนกวินมองสถานการณ์การคุมขังเขาและเพื่อนในคราวนี้เป็น “ฝนไล่ช้างที่เริ่มเห็นแสงรำไร” เราก็ได้แต่หวังว่าแสงแห่งความยุติธรรมจะส่องถึงผู้ต้องขังทางความคิดทุกคนในเร็ววัน
เรือนจำอำเภอธัญบุรี
20 กันยายน 2564