ในม็อบมีเด็ก Child in Mob
Yesterday at 5:28 AM ·
พี่บ้าป่ะ ถามหาหลักสากลกับคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์
…
เยาวชนชายวัย 16 ปี ดูท่าทีจะไม่ใช่ “เด็กเเว๊นซ์” อย่างที่หลายคนปรามาส ทั้งจากความคิดความอ่านและการพูดคุย มีบางเรื่องที่ผู้นิยามตัวว่า “ผู้ใหญ่” ก็ตามไม่ทัน
“พี่ได้ฟังไหม ข่าวประชุมยูเอ็นประยุทธ์แม่งโทษแต่ประชาชน ว่าทำให้โควิดระบาด มันต้อง…ขนาดไหนอ่ะ ถึงพูดแต่เรื่องคนอื่นชั่วตัวเองดี”
…นอกจากเรื่องนี้ ก็เหมือนเจอเพื่อนระบายปัญหาตอนทะเลาะกับเเฟน ก่อนเราจะกลับกลายเป็นหมาเมื่อทั้งสองฝ่ายดีกัน…
“เห็นข่าวไหม มันเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะจาก 60 เป็น 70 เปอร์เซนต์ ให้ต่างชาติถือครองที่ดินอะไรด้วย แล้วเราจะชิบหายตอนไหนอ่ะ ไม่รุ่นพี่ก็รุ่นพวกผมเนี่ย!
ตอนตัวมันไม่อยู่ก็พยายามให้คนออกข่าวว่าประเทศเราฉีดวัคซีนเข็มแรกได้เกินร้อยเปอร์เซนต์ เหมือนแบบน่าจะหมดปัญญาอ่ะพี่ ไม่รู้บริหารยังไงแล้วกับโควิด เลยโกหกว่าสถานการณ์ดีขึ้น xวยเถอะพี่ เข็มแรกผมยังไม่ได้เลย นี่ ๆ (ล้วงบัตรประชาชนมาโชว์) เห็นที่อยู่ไหม คลองตัน กอทอมอ ผมลงทุกแอพฯยังไม่ได้เลยวัคซีน xอเเหลชิบหายพี่ 102% ที่ข่าวบอกนี่มันไม่รวมผมแน่ ๆ”
ราวกับเตรียมพร้อม เยาวชนวัย 16 คร่อมอยู่บนจักรยานยนต์ 4 จังหวะตลอดเวลาที่พูดคุย ผมพบเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินกลับจากบริเวณพื้นที่ชุมนุม ซึ่งกำลังเดินเท้ามุ่งหน้าราชปรารภเพื่อเลี้ยวเข้าวัดเเห่งหนึ่งซึ่งจอดรถไว้
เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่รัฐอนุญาตให้ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตเเล้ว ต้องยอมรับว่า คืนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พาตัวเองออกมาสูดอากาศนอกบ้านบ้างหลังเวลาเคอร์ฟิวส์ ‘ชีวิต’กลายเป็นสิ่งหลงลืมของเวลากลางคืนกันไปหมดแล้วหลังรัฐบาลประกาศ พรก.ฉุกเฉินห้ามออกจากบ้านหลัง 21.00 น. มาต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม
บรรยากาศ #ม็อบ23กันยา ดูไม่เกรี้ยวกราด ไม่ดุดันเหมือนภาพข่าวที่รายงานในทีวี แต่ที่คงเส้นคงวามั่นคงในหน้าที่คงเป็นตำรวจที่ตรวจเข้ม ทั้งบัตรสื่อ หนังสือขอออกนอกเคหะสถานหลังเคอร์ฟิว ทั้งยังกำหนดพื้นที่ห้ามผ่าน ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าใกล้ด้วย
เยาวชนบนรถจักรยานยนต์คนเดิม เบิ้ลรถเบา ๆ เดินเครื่องเลี้ยงจังหวะ ระหว่างตอบคำถามว่า เจ้าหน้าที่จะบุกเร็วมาเเถวนี้ด้วยไหม
“มันอยู่ตรงนู้น ตรงนั้น (เขาชี้นิ้วไปสองทิศที่ต่างกัน) มันจะรอคำสั่ง แล้วพอได้เวลาก็มาละ ทั้งกระบะทั้งมอ’ไซค์ ไม่มีใครตั้งตัวทันหรอกพี่ ทั้งตีนทั้งปืน มันกดมั่วหมดอ่ะ อย่าว่าแต่คนมาม็อบเลย พี่ก็น่าโดนแหละทรงนี้ ไม่มีปลอกแขนด้วย (หมายถึง ปลอกแขนของสื่อมวลชน)”
ผมเหมือนเด็กนักเรียนหน้าห้องคนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจฟังผู้สอน ตั้งใจดูทุกอิริยาบท แต่จดไม่ทันสักอย่าง ระหว่างนั้นผมพยายามพูดคุยเรื่องขั้นตอน หลักการควบคุมฝูงชน จนกระทั่งเรื่องสิทธิเด็ก แต่เขาไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่ ดูจากการส่ายหน้าแทนคำสนทนา
“พี่บ้าป่ะ ถามหาหลักสากลกับคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์”
และ
“เอางี้นะ หลักการพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษใช่ป่ะ พี่ว่าตำรวจพวกนี้มันรู้ภาษาอังกฤษไหม ลองจัดให้มันมาสอบแข่งกับเด็กอย่างพวกผมสิ เนี่ยมาเเข่งกันเลย คือมันจะได้ชัดเจนว่า ถ้ามึงใช้กำลังเป็นอย่างเดียว ก็ควรกลับไปนอนอยู่บ้าน แต่ถ้ามึงฉลาดพอ แบบสอบผ่านเก่งกว่าพวกกู เออมาไล่ตีได้ แต่กูก็หนีนะ ตอนนี้เหมือนวิธีที่เขาใช้คือ เอาพวกไม่มีสมองมาไล่กระทืบเด็กให้กลัวไปวัน ๆ แล้วมันได้ผลไหม ?”
เขาเสนอให้ตำรวจจัดสนามสอบที่แยกดินแดง แล้วหากวันไหนผู้ชุมนุมทำคะเเนนได้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็อนุญาตให้ชุมนุมได้ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ควรต้องทดสอบความรู้ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เขามองว่าการแสดงออกทางการเมือง หากไม่ถูกปิดกั้น ควบคุม คุกคาม สังคมก็ทำให้เป็นเรื่องของการพัฒนาศักยภาพ และคุณภาพชีวิตได้ ถ้าฝ่ายบริหารกล้าพอที่จะรับฟังผู้เห็นต่าง
“เอาจริง ๆ นะ เหมือนสังคมพอได้ยินชื่อเด็กดินแดงก็จะแบบยี้ เด็กเเวนซ์บ้าง เด็กส้นตีนบ้าง ไม่มีใครลองมองแบบ เออมันเป็นเยาวชนจำนวนหนึ่งนะ ที่กล้าแสดงออก แล้วแม่งควรได้รับการส่งเสริม คือผมว่าเด็กดินแดงมันไม่จำเป็นต้องต่อยตี ถ้าทำกับเขาดี ๆ ความรุนแรงก็หมดได้”
กลิ่นชื้นจากพื้นเริ่มโชยมา ฝนคงใกล้จะตกอีกครั้ง หลังตั้งท่ามาตั้งแต่ฟ้ามืด เยาวชนชายเริ่มเหลียวหลังชะเง้อหน้า ราวกับว่าพร้อมพุ่งทะยานหนี คฝ. … ไม่นาน ก็มีเยาวชนหญิงอีกรายวิ่งออกมาจากซอยแคบที่อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ยืนตัวสงบเงียบ เขาส่งเสียงสั้นไม่ได้ศัพท์เรียกเธอ แล้วทั้งคู่ก็ปรับท่านั่งใกล้ชิดกันบนเบาะมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะออกรถไปได้หันมาบอกคำอำลา
“ไปละพี่ วันนี้ผมไม่ได้มาม็อบ ผมออกมารับแฟน”
_____________________
จะมีเด็กและเยาวชนอีกกี่รายที่โดนควบคุมตัว ทั้งที่พวกเขาอาจไม่ได้ตั้งใจออกมาร่วมชุมนุม
จะมีเด็กเเละเยาวชนอีกกี่คนที่บาดเจ็บหัวแตกหน้าปูด โดนกระเเทกด้วยบู๊ตของเจ้าหน้าที่ ทั้งที่อ้อนวอนร้องขอ
จะมีสักวันไหม ที่เราได้เห็นความร่วมมือของทุกฝ่าย ในการยุติปัญหาความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติต่อเด็กที่ออกมาแสดงสิทธิเสรีภาพโดยการชุมนุม