Peace News
Yesterday at 2:45 AM ·
รบ.จำไว้!! ขืน“ล้มซักฟอก-คว่ำแก้ รธน.”
ไทย-พม่ากอดคอไล่เผด็จการสองแผ่นดิน
“จตุพร”ชี้ชะตาเผด็จการ ลั่น รบ.ขืนปล่อย“ไพบูลย์”ก่อหวอดขยับล้มซักฟอก-คว่ำแก้ รธน. เท่ากับบีบกดความรู้สึก ปชช.ทนไม่ได้ ระวังจะเกิดแรงเหวี่ยงไล่เผด็จการสองแผ่นดินขึ้น เชื่อฝ่าย รปห.พม่าอยู่ยาก คนพม่าทุกอาชีพรุกชุมนุมไล่ ชี้ทหารอีกฝ่ายอาจสมทบยืนข้างขบวนการ ปชช.
เมื่อ 9 ก.พ. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ว่า หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคลื่อนไหวล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจและคว่ำแก้ รธน.จนทำได้สำเร็จแล้ว เท่ากับท้าทายประชาชน แล้วบีบคั้นให้ออกมาชุมนุมไล่เผด็จการ
“จำปากผมไว้ ถ้าล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการแก้ รธน. แล้ว การไล่เผด็จการสองแผ่นดินจะบังเกิดขึ้น คนไทยจะแข่งขันกับพม่าว่าใครจะทำสำเร็จกันก่อน ขออย่าประมาทกับการท้าทายมโนธรรมสำนึกของประชาชนที่มีความรู้สึกว่าถูกหักหลัง”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนเคยวิเคราะห์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก และเคยคาดว่าท้ายที่สุดจะอภิปรายฯไม่ได้ เพราะอาจมีการล้มโดยนายไพบูลย์ ได้ยื่นญัตติต่อสภาเพื่อขอเสียงข้างมากส่งให้ศาล รธน.วินิจฉัยเนื้อหาญัตติฯของฝ่ายค้านเข้าข่ายพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และถ้าศาล รธน.มีมติรับคำร้องจะส่งผลให้การอภิปรายฯ ในวันที่ 16-19 ก.พ.นี้ ต้องเลื่อนออกไป
อีกอย่าง การอภิปรายฯของฝ่ายค้านครั้งนี้อยู่กับเงื่อนไขสมัยประชุมสภาด้วย ดังนั้น ความน่าจะเป็นไปได้คือ ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายฯได้ ฝ่ายรัฐบาลจะขอเปิดประชุมลับ รวมถึงหากศาล รธน.มีมติรับวินิจฉัย ปัญหามีตามมาว่า จะอภิปรายฯได้หรือไม่ หรืออาจต้องรอให้ศาล รธน.วินิจฉัยจนสิ้นสุดก่อน
"ถ้าศาล รธน.วินิจฉัยว่า อภิปรายฯได้ แต่คำถามสำคัญก็ยังมีอีกคือ จะอภิปรายฯได้ทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ ส่วนถ้าวินิจฉัยว่า อภิปรายฯไม่ได้ ก็จบแบบปลาตายน้ำตื้นไปโดยปริยายเลย"
อย่างไรก็ตาม ตนเคยแสดงความเห็นว่า การอภิปรายฯครั้งนี้ฝ่ายค้านต้องใช้โอกาสทำลายความชอบธรรม โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารผิดพลาดล้มเหลวในยามประชาชนลำบาก
นายจตุพร กล่าวถึงนายไพบูลย์ ว่า คนนี้เป็นมืองานให้รัฐบาล เคยเป็น สว.ในกลุ่ม 40 ซึ่งเครือข่ายของผู้มีอำนาจทางการเมืองมายาวนาน และการมาอยู่ พปชร. จึงขยับขับเคลื่อนจึงแสดงถึงฝ่ายรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ นายไพบูลย์ยังเคลื่อนไหวให้ ศาล รธน.วินิจฉัยการแก้ รธน.สามารถทำได้ทั้งฉบับหรือไม่ ทั้งที่ญัตติของฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่ได้แก้ไขทั้งฉบับ เพราะการทำงานของ ส.ส.ร.ต้องทำตามกรอบของร่างแก้ รธน. ในวาระแรก โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2
ตลอดจน การยื่นต่อศาล รธน.ให้ตีความการแก้ รธน.นั้น จะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องการให้แก้ รธน. แต่หาทางออกให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เสียหาย เพราะช่วงหาเสียงเลือกตั้งไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นทั้ง 2 เรื่องคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจกับแก้ รธน. จึงต้องนำไปผูกไว้ที่ศาล รธน.ทั้งหมด
สำหรับการคว่ำการแก้ รธน.นั้น ตนคิดว่าประชาชนจะไม่ยอม เพราะมีความหวังว่า จะได้ ส.ส.ร.มาแก้ รธน.เพื่อเริ่มต้นทางการเมืองกันใหม่ แต่คนพวกนี้ซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล เชื่อในเสียงข้างมากสามารถทำได้ทุกอย่าง จึงไม่ต้องสนใจอะไร
“พวกเขาจึงต้องออกมาตัดเกมก่อน แต่ลืมคิดถึงประชาชนว่า จะเกิดความรู้สึกเผด็จการหวงอำนาจ อารมณ์เช่นนี้จะบีบคั้นให้เกิดกระแสไล่เผด็จการสองแผ่นดิน คือ พม่ากับไทยก็ไล่เผด็จการเหมือนกันผมขอสื่อความหมายไปแรงๆว่า การแก้ รธน.ถ้าไปถึงจุดที่ต้องถูกล้มกันแล้ว ผมเชื่อว่าคนจะไม่ทน”
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่นายไพบูลย์ ขยับในคราวนี้เชื่อว่าหวังผล แต่ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเมืองและผู้คนเดือดร้อนขณะนี้ จะเป็นชนวนสำคัญ ดังนั้น ความรู้สึกว่า วันนี้ฝ่ายรัฐบาลชักจะมากไปทุกเรื่องราว ที่รัฐบาลอื่นๆพังกันมานั้น มาจากเหตุไม่ยอมให้คนอื่นมีที่ยืน รวมถึงถ้าเกิดความรู้สึกว่า บ้านเมืองไม่มีหวังอะไรได้เลย สุดท้ายคนก็จะลงถนน เพราะประเทศเมื่อไร้การตรวจสอบจะสร้างความอึดอัดให้ประชาชน
พร้อมกับย้ำว่า ถ้ามีการคว่ำการแก้ รธน. หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ภาพไล่เผด็จการสองแผ่นดินจะเกิดขึ้น ขอให้คิดถึงแรงเหวี่ยงเช่นเดียวกับอาหรับสปริง คือ การเรียกร้องจะลามไปทั้งโลกและในความรู้สึกของผู้คน
“ถึงที่สุด ถ้าไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจจะกลายเป็นปัญหา ดังนั้นฝ่ายรัฐบาลต้องหลีกเลี่ยงหรือหยุดการกระทำเพื่อนำสถาบันกษัตริย์มาเป็นข้ออ้างป้องกันตนเองและทำลายบุคคลอื่น เนื่องจากสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบคือการบริหาร อีกทั้ง อย่าได้ห่วงการอภิปรายฯของฝ่ายค้านจะมีการพาดพิง เพราะระบบสภามีการควบคุมกันอยู่แล้ว”
นายจตุพร เตือนว่า ฝ่ายรัฐบาลต้องไม่คิดล้มญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะจะกลายเป็นว่า ถ้า รธน.แก้ไม่ได้ การตรวจสอบการโกงก็ไม่สามารถทำได้ และสิ่งสำคัญคือ การแก้ รธน.เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แถลงต่อสภา ถ้าเบี้ยวคนจะรับไม่ได้ แสดงถึงต้องการสืบทอดอำนาจต่อชัดเจน ซึ่งนั่น เท่ากับบีบอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน
รวมทั้งย้ำว่า อย่าประมาทหรือท้าทายมโนธรรมสำนึกของประชาชน เพราะเมื่อคนมีความรู้สึกว่า ถูกหักหลัง และถ้าท้ายสุดสิ่งที่นายไพบูลย์ขยับทำสำเร็จ การไล่เผด็จการสองแผ่นดินจะเป็นเรื่องถูกบันทึกไว้อย่างยาวนาน
นอกจากนี้ ได้ประเมินสถานการณ์ในพม่าว่า การชุมนุมของคนหลายสาขาอาชีพ ยิ่งทำให้ทหารอยู่ลำบากมากขึ้น ถ้าเกิดใช้ความรุนแรงปราบปราม อาจมีทหารบางกลุ่มออกมายืนอยู่ข้างขบวนการ ประชาชน เพราะ พล.อ.มิน ออง หล่าย ซึ่งเป็นทหารธุรกิจผู้ร่ำรวย ส่วนทหารระดับล่างกลับอยู่อย่างยากลำบาก ดังนั้น ทิศทางทหารเลือกการมายืนข้างประชาชนจึงเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจ
PEACE NEWS