ไพบูลย์ นิติตะวัน กับพวก สว.ตู่เลี้ยงนั่น ‘แกว่งตีนหาเสี้ยน’ อย่างที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร ว่านั่นละ อนุทิน ชาญวีรกูล ถึงได้รีบออกมาค้านการที่พรรครัฐบาล (พปชร.) กับ สว.เตรียมโหวตมติดัน ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าตั้ง สสร.แก้ รธน.ได้หรือไม่
แต่อนุทินเองก็ ‘แกว่งปากหาเสี้ยน’ ที่พูดแขวะ “ใครไม่ใช่หมอควรสงบปากสงบคำ” อย่าได้วิจารณ์เรื่องการบริหารจัดการป้องกันโควิดและแผนฉีดวัคซีนแก่ประชาชนของรัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลนี้ก็เชื่องช้าจริงๆ ที่ต้องรอแต่ของแอสตร้าเซเนก้า
จะอ้างอย่างไรว่าการวิจารณ์หนักบั่นทอนกำลังใจแพทย์พยาบาล มันฟังไม่ขึ้นในเมื่ออนุทินเองเป็นพวกปากเสียตัวเอ้ แล้วนี่ออกมายืนยันอีกว่าไม่ยอมให้ท้องถิ่นจัดซื้อจัดหาวัคซีนกันเองแน่ๆ อ้างว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องให้ภาครัฐทำเท่านั้น
เรื่องคอขาดบาดตาย โรคร้ายสามารถคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมากได้เช่นนี้ ให้รอความไร้ประสิทธิภาพของรัฐ ทีเรื่องการบินไทยซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ ๑๐ ลำ จากรุ่นที่เป็นปัญหา โบอิ้ง ๗๘๗ เครื่องโรลสรอยซ์ Trent-1000 ทั้งที่อยู่ในระยะรัดเข็มขัดเพื่อฟื้นฟูกิจการ
ในแผนปรับโครงสร้างใหม่ที่กระทรวงการคลังเข้าไปอุ้ม การลดจำนวนนักบินเหลือ ๙๐๕ คน จากปัจจุบัน ๑,๔๐๐ คน นั่นทำท่าจะดูดี แต่พอมีแผนซื้อเครื่อง ๗๘๗ เข้ามาแทนก็เลยหมดกัน เสียงบ่นว่ารุ่นเทร้นท์นี่ “ผูกขาดการซ่อมหลังการขาย
และเครื่องยนต์มีปัญหาภายใน รวมถึงผู้ซื้อต้องเข้าโปรแกรม TCA (Total care agreement) ที่ต้องจ่ายค่าใช้งานเครื่องยนต์ล่วงหน้าก่อนเครื่องยนต์เข้าซ่อมใหญ่ในราคาที่โรลส์รอยซ์กำหนด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก” ผู้ใช้นาม Vaccine ตั้งข้อกังขาว่ามีกลิ่นตุๆ
“มีการตั้งคำถามเป็นการภายในกลุ่มนักบิน ว่าเหตุใดผู้ทำแผนฯ รายนี้จึงสั่งการให้จัดทำแผนเพื่อจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง ๗๘๗ เพิ่ม ทั้งๆ ที่บริษัทฯ มีเครื่องบินแอร์บัส A-330-300 จำนวน ๑๕ ลำ ซึ่งผ่อนหมดแล้ว” และมีอายุใช้งานได้อีกอย่างน้อยๆ ๕ ปี
แบบนี้ไม่ยักมีใครสักคนในรัฐบาลตู่แกว่งปากตั้งข้อสงสัยกันบ้าง มีแต่ตัวตู่เองที่แกว่งปากแขวะใครก็ไม่รู้รวยเพราะการโทรคมนาคมในปี ๒๕๓๐ โฮ้ย จนป่านนี้ยังก้าวไม่ข้ามเจ้าเก่า ทั้งที่พวกสลิ่มเดี๋ยวนี้หันไปเล่น ‘ไอ้ทอน’ แทนกันหมดแล้ว
ไอ้ทอนตอนนี้ก็เพิ่งหลุดจากการใส่ความข้อหา ๑๑๒ จากการวิจารณ์แหลกรัฐบาลจัดหาวัคซีนโควิดผิดพลาด ล่าช้า ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งเก็บคลิปที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกรายการไล้ฟ์เรื่อง #วัคซีนพระราชทาน
ว่า “ไม่ใช่ความเท็จและไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อพระองค์” ดังที่ รัฐมนตรี กปปส. พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ “กระทรวง DE อ้างว่าเป็นความผิดตาม ม.112/อาจกระทบ ค.มั่นคง” เป็นเพียงการวิจารณ์รัฐบาลธรรมดาเท่านั้น นี้เป็นนัยยะสำคัญ
ที่ว่า ทั้งคนในรัฐบาลนี้และพวกลิ่วล้อ ใช้วิถีมารกล่าวหาว่าร้าย บิดเบือนกฎหมายเอามาใช้ทำลายฝักฝ่ายการเมืองตรงข้ามเรื่อยมา ตามความเคยชินซ้ำซาก (ชาวบ้านเรียก ‘สันดาน’) โดยหลังๆ ใช้ ป.อาญา ห้ามหมิ่นกษัตริย์ เป็นอาวุธเข่นฆ่า
แต่มันไม่ขลังเหมือนก่อน ยิ่งใช้ยิ่งชี้ให้เห็นความเปราะบางทางจิตสำนึกและปัญญาแห่งความเป็นมนุษย์ เช่นเดียวกับวิถีมารในรัฐสภา ซึ่งลิ่วล้อนักรัฐประหารอย่างไพบูลย์พยายามจะสร้างปม เอาไปโถมใส่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในระยะปรับปรุงตัวเองเช่นกัน
จากคดีธนาธรถึงคำร้องที่จะถูกโยนใส่ใหม่ รู้ดีรู้ชั่ววันนี้พรุ่งนี้ว่าไพบูลย์จะทำหน้าที่ ‘หมาไน’ ให้พรรคสืบทอดอำนาจรัฐประหารสำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จก็หมายความว่าพรรคนั้นกำลังผันผายปรับแบบบทใหม่ ถ้าสำเร็จมติส่งเรื่องให้ ตลก. ละก็เจอเสี้ยน
อานนท์ นำภา เพิ่งพูดวันนี้ว่าถ้าเขาและพวกไม่โดนควบคุมตัวหลังรับฟังข้อหาก่อความวุ่นวายที่สนามหลวง จะไปร่วมชุมนุมที่สกายว้อคปทุมวัน ๑๐ กุมภาพันธ์นี้แน่นอน ร่วมประท้วงการรัฐประหารในเมียนมาร์ ใครละจะรู้ว่าแค่นั้น
และด้วยการมีพลวัตของม็อบราษฎรไทย ที่สามารถจรยุทธ์กันได้ทั้งด้านกำลังคนและความแหลมคมของประเด็นชูช่วง มีหรือจะไม่เอาเรื่องพรรครัฐบาลยื้อแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ให้เลือกตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ๒๐๐ คนมาเล่น
(https://www.matichon.co.th/politics/news_2569582, https://www.facebook.com/101696788465808/posts/142505464384940/, https://drive.google.com/file/d/12RdpWHm60G_=sharing… และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2675138259445716)